อายุความเช็ค นับยังไง

เช็คเด้ง อายุความนับอย่างไร? รู้เท่าทัน ก่อนเสียสิทธิ์ฟ้องร้อง

เช็คเป็นเครื่องมือทางการเงินที่แพร่หลาย แต่หากเช็คถูกปฏิเสธการจ่ายเงิน หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า “เช็คเด้ง” อาจก่อให้เกิดความเสียหายและความยุ่งยากตามมา หลายคนอาจไม่เข้าใจกระบวนการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเรื่องอายุความ บทความนี้จะอธิบายเรื่องอายุความของเช็คเด้งอย่างละเอียด เพื่อให้คุณเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวได้อย่างถูกต้อง

อายุความทางอาญา:

เมื่อเช็คถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ผู้เสียหายมีสิทธิ์แจ้งความดำเนินคดีอาญาต่อผู้เขียนเช็คได้ แต่สิ่งสำคัญคือ อายุความทางอาญาของคดีเช็คเด้งมีเพียง 3 เดือน นับจากวันที่ธนาคารปฏิเสธเช็ค นั่นหมายความว่า คุณต้องแจ้งความกับสถานีตำรวจภายในระยะเวลา 3 เดือนนี้ มิเช่นนั้นคดีจะขาดอายุความ หมายถึงจะไม่สามารถดำเนินคดีทางอาญาได้อีกต่อไป

การนับระยะเวลา 3 เดือนนี้ นับเฉพาะวัน โดยไม่นับวันหยุดราชการ ดังนั้น ควรแจ้งความโดยเร็วที่สุดหลังจากทราบว่าเช็คถูกปฏิเสธ เพื่อไม่ให้เสียสิทธิ์ในการดำเนินคดีอาญา

หลักฐานสำคัญ:

การเก็บรักษาหลักฐานต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง หลักฐานที่ควรเก็บไว้ประกอบด้วย:

• เช็คต้นฉบับ ที่ธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน พร้อมทั้ง ใบแจ้งการปฏิเสธเช็ค (Check Return Slip) จากธนาคาร ซึ่งระบุวันที่ปฏิเสธชัดเจน นี่คือหลักฐานสำคัญที่สุดที่ใช้ในการนับอายุความ
• หลักฐานการติดต่อ กับผู้เขียนเช็ค เช่น ข้อความ อีเมล หรือเอกสารการติดต่อทางโทรศัพท์ ที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการติดตามทวงถามเงิน
• หลักฐานการเสียหาย ที่เกิดขึ้นจากการที่เช็คเด้ง เช่น เอกสารการขาดทุน รายงานทางการเงิน หรือหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ประกอบการเรียกร้องค่าเสียหายในคดีแพ่ง

อายุความทางแพ่ง:

แม้ว่าคดีอาญาจะหมดอายุความแล้ว ผู้เสียหายยังคงสามารถฟ้องร้องคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายจากผู้เขียนเช็คได้ โดย อายุความทางแพ่งมีระยะเวลา 1 ปี นับจากวันครบกำหนดชำระเงินตามที่ระบุไว้ในเช็ค ซึ่งอาจแตกต่างจากวันที่ธนาคารปฏิเสธเช็ค ดังนั้น ควรตรวจสอบวันครบกำหนดชำระเงินบนเช็คให้ดี และเริ่มนับอายุความจากวันนั้น

สรุป:

การเข้าใจเรื่องอายุความของเช็คเด้งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ผู้เสียหายสามารถใช้สิทธิ์ทางกฎหมายได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที การเตรียมพร้อมด้วยการเก็บรักษาหลักฐานอย่างดี และการแจ้งความดำเนินคดีภายในระยะเวลาที่กำหนด จะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับความเป็นธรรมและค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ควรปรึกษาหารือกับทนายความ เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณ อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไม่ดำเนินการ เพราะอาจทำให้เสียสิทธิ์ในการฟ้องร้องได้ในที่สุด