การเขียน พ.ศ. ควรเว้นวรรคหรือไม่

41 การดู

ข้อมูลแนะนำ:

การเขียนปี พ.ศ. ควรเว้นวรรคหนึ่งครั้งหลังคำย่อ เช่น พ.ศ. 2567 เพื่อความถูกต้องตามหลักภาษา หากต้องการระบุปี ค.ศ. ที่มีความสำคัญ อาจใส่ไว้ในวงเล็บต่อท้ายปี พ.ศ. หรือใช้เฉพาะปี ค.ศ. ได้ตามความเหมาะสม

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

จุดเล็กๆ แต่สำคัญ: การเว้นวรรคหลัง “พ.ศ.” ควรหรือไม่ควร?

คำถามเล็กๆ น้อยๆ ที่มักสร้างความสับสนให้กับผู้เขียนหลายคน นั่นคือ การเว้นวรรคหลังคำย่อ “พ.ศ.” ควรเว้นวรรคหรือไม่? คำตอบคือ ควรเว้นวรรคหนึ่งครั้ง เช่น “พ.ศ. 2567” ไม่ใช่ “พ.ศ.2567”

เหตุผลหลักมาจากหลักการใช้ภาษาไทยที่ถูกต้อง การเว้นวรรคหลังคำย่อ “พ.ศ.” ถือเป็นการแยกคำย่อออกจากตัวเลขปี ทำให้การอ่านเข้าใจง่าย และดูเป็นระเบียบเรียบร้อยยิ่งขึ้น เปรียบเสมือนการเว้นวรรคระหว่างคำทั่วไป เช่น “คนไทย” เราจะไม่เขียน “คนไทย” ติดกันใช่ไหมครับ? หลักการเดียวกันนี้ใช้กับ “พ.ศ.” ด้วย

การไม่เว้นวรรคหลัง “พ.ศ.” อาจทำให้ดูไม่เป็นทางการ หรือดูไม่เรียบร้อย โดยเฉพาะในงานเขียนทางการ หรือเอกสารสำคัญต่างๆ การเว้นวรรคจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความถูกต้องให้กับงานเขียนของเรา

อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีที่ต้องการความกระชับ หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่จำกัดพื้นที่ เช่น บนป้ายประกาศขนาดเล็ก การไม่เว้นวรรคก็อาจเป็นที่ยอมรับได้ แต่ในกรณีส่วนใหญ่ การเว้นวรรคหลัง “พ.ศ.” ยังคงเป็นวิธีการที่ถูกต้องและควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

สำหรับการระบุทั้ง พ.ศ. และ ค.ศ. ซึ่งมักพบเห็นในงานวิชาการ หรือเอกสารที่ต้องการความแม่นยำสูง เราสามารถใช้ได้หลายวิธี เช่น

  • วิธีที่ 1: พ.ศ. 2567 (ค.ศ. 2024) (เว้นวรรคหลัง พ.ศ. และใส่ ค.ศ. ในวงเล็บ)
  • วิธีที่ 2: 2567 (ค.ศ. 2024) (ใช้เฉพาะตัวเลข พ.ศ. และใส่ ค.ศ. ในวงเล็บ)
  • วิธีที่ 3: ค.ศ. 2024 (ใช้เฉพาะ ค.ศ. หากมีความสำคัญมากกว่า พ.ศ.)

การเลือกใช้วิธีใด ขึ้นอยู่กับบริบท และความสำคัญของข้อมูล แต่หลักการเว้นวรรคหลัง “พ.ศ.” ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงเสมอ เพื่อให้การเขียนของเราถูกต้อง ชัดเจน และดูเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น