ข้อจำกัดของ E-learning คือข้อใด
E-learning มีข้อจำกัดหลายประการ คือ
-
ขาดปฏิสัมพันธ์: ไม่เหมาะกับเนื้อหาที่ต้องการการสนทนา การคิดร่วม หรือการจำลองบทบาท การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมจำกัด
-
แรงจูงใจต่ำ: การสื่อสารทางเดียวอาจทำให้ผู้เรียนขาดแรงจูงใจ ส่งผลต่อประสิทธิภาพการเรียนรู้
-
ทักษะปฏิบัติจำกัด: ยากที่จะฝึกฝนทักษะปฏิบัติบางอย่างผ่าน E-learning จำเป็นต้องมีการฝึกปฏิบัติจริงควบคู่ไปด้วย
ดังนั้น E-learning จึงเหมาะสำหรับเนื้อหาบางประเภท และควรใช้ร่วมกับวิธีการเรียนรู้แบบอื่นๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ข้อเสียของการเรียนออนไลน์คืออะไร?
เรียนออนไลน์อ่ะนะ เคยลองเรียนภาษาจีนออนไลน์สมัยอยู่ปี 2 (มกราคม 2563) แพงอยู่นะ หลักสูตร 3 เดือน เกือบหมื่น! ข้อเสียหลักๆเลยคือมัน…เงียบเหงา ไม่มีเพื่อนคุย ต่างจากเรียนที่มหาลัย มีเพื่อนช่วยซักถาม ถามอาจารย์ได้ง่ายกว่าเยอะ บางทีอาจารย์ก็ตอบช้ามาก รอจนท้อเลย
อีกอย่างคือ การเรียนปฏิบัติ เช่นการทำอาหาร มันทำยากมาก! ดูคลิปแล้วทำตาม บางทีก็ไม่เข้าใจ กว่าจะได้ เหนื่อยกว่าเรียนในห้องเรียนเยอะเลย คือมันขาดปฏิสัมพันธ์ การได้ลงมือทำจริง แบบในห้องเรียน ก็เลยรู้สึกว่า มันไม่ค่อยได้อะไรเท่าไหร่
สรุปคือ สำหรับวิชาที่ต้องใช้ทักษะปฏิบัติ หรือต้องมีการพูดคุยโต้ตอบกัน เรียนออนไลน์มันไม่ตอบโจทย์ มันเหงา และรู้สึกว่าไม่ได้อะไรมาก เสียเงินเปล่าๆไปหลายพันเลย! ตอนนั้นโคตรเซ็ง เสียทั้งเงินเสียทั้งเวลา
ข้อดีและข้อเสียของการเรียนทางออนไลน์คืออะไร
ออนไลน์เนี่ยนะ ดีมั้ย? เออ… คิดหนัก
-
สภาพแวดล้อม: ดีตรงที่เรียนได้ทุกที่! อยากเรียนในห้องนอนก็ได้ อยากไปร้านกาแฟบรรยากาศดีก็ไป อิสระสุดๆ แต่… นี่แหละปัญหา น้องชายฉันชอบเปิดเพลงเสียงดังเวลามีเรียนออนไลน์ จะทำยังไงได้ล่ะ? สมาธิหายหมด แล้วบางทีสัญญาณเน็ตก็ไม่ค่อยดี อารมณ์เสียเลย
-
คุณภาพเนื้อหา: อันนี้ก็ดีนะ อัพเดตตลอด ปีนี้เรียนเรื่อง AI เนื้อหาทันสมัยกว่าหนังสือเรียนเก่าๆ เยอะ แต่… บางคอร์สก็คุณภาพไม่เท่ากัน เจออาจารย์สอนไม่ค่อยรู้เรื่องก็มี ต้องหาคอร์สที่รีวิวดีๆ เหนื่อยเหมือนกันนะ
-
การมีปฏิสัมพันธ์: ออนไลน์มันก็เหงาๆ นะ เพื่อนน้อยลง คุยกับอาจารย์ก็ไม่สะดวกเท่าเรียนแบบปกติ แต่ก็ประหยัดเวลาเดินทางนะ ไม่ต้องไปมหาลัย บางทีก็ดีไปอีกแบบ ไม่ต้องแต่งตัว ใส่ชุดนอนเรียนได้เลย 555+ แต่… การบ้านเยอะกว่าเดิมอีก ทำไมต้องเยอะขนาดนี้ คืออะไร
ปีนี้เรียนออนไลน์หนักเลย งานส่งเยอะมาก เหนื่อยกว่าคิดไว้เยอะ แต่ก็สะดวกดี บางอย่างมันก็ trade-off กันไป แล้วแต่คนชอบ ฉันเองก็ยังไม่รู้เลยว่าชอบแบบไหนมากกว่ากัน งงๆ คิดมากไปหรือเปล่าเนี่ย
E-learning คือระบบอะไร
อ้าว! E-learning น่ะเหรอ บอกเลยว่ามันโคตรล้ำ! ไม่ใช่แค่การเรียนผ่านเน็ตธรรมดาๆ นะจ๊ะ คิดภาพโรงเรียนยุค 2024 ที่มีครูเป็นหุ่นยนต์สอนวิชาเลขด้วยเกมส์ แล้วเด็กๆ ก็เรียนผ่านแว่น VR เห็นภาพชัดเป๊ะ! เหมือนอยู่ในห้องเรียนจริงๆ เลยล่ะ แต่ไม่ต้องตื่นเช้า นอนดูดนมอยู่บ้านก็เรียนได้!
- เรียนผ่านเน็ตสิจ๊ะ ง่ายกว่าเดินไปโรงเรียนเป็นไหนๆ!
- ใช้คอมฯ, แท็บเล็ต, สมาร์ทโฟนได้หมด สะดวกเวอร์!
- มีทั้งห้องเรียนเสมือนจริง แบบ Interactive สุดๆ!
- เรียนร่วมกับเพื่อนทั่วโลกได้ด้วยนะ เปิดโลกกว้างเลย!
ปีนี้ เทรนด์ E-learning เน้นการเรียนรู้แบบ Personalized ปรับให้เข้ากับสไตล์การเรียนรู้ของแต่ละคน ไม่เน้นการท่องจำ แต่เน้นการคิดวิเคราะห์ แบบว่า เรียนสนุก ไม่เครียด ไม่ต้องกลัวสอบตก เพราะระบบเค้าออกแบบมาดี๊ดี (อย่างน้อยก็พยายามนะ)
ปล. บอกเลย สมัยผมเรียนไม่มีแบบนี้ เรียนแบบโบราณ สมุด ดินสอ หนังสือหนาเตอะ เหนื่อยมาก คิดแล้วก็อยากกลับไปเรียนใหม่ แต่ขอแบบ E-learning นะ อิอิ
ข้อใด เป็นลักษณะรูปแบบการเรียนรู้แบบ E-learning
E-learning เน้นการเรียนรู้ผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล ตัดเรื่องข้อจำกัดเวลาและสถานที่ออกไป คิดดูสิ สมัยก่อนถ้าอยากเรียนอะไรต้องเดินทางไป ตอนนี้แค่มีอินเทอร์เน็ตก็เรียนได้จากทุกมุมโลกแล้ว ผมเคยเรียนคอร์สออนไลน์ด้าน Data Science ตอนตีสอง เพราะช่วงนั้นทำงานประจำ มีเวลาว่างแค่ตอนดึกๆ มันสะดวกมากเลยนะ
รูปแบบ E-learning มีหลากหลาย ขึ้นอยู่กับการออกแบบการเรียนการสอนและเทคโนโลยีที่ใช้ บางทีก็เป็นวิดีโอสั้นๆ บางทีก็เป็นแบบฝึกหัด interactive หรือแม้แต่การเรียนรู้ผ่านเกม อย่างตอนเรียน Gamification ผมเจอเคสที่เอาเกมมาใช้สอน มันทำให้การเรียนรู้สนุกขึ้นเยอะเลย
- การเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self-Paced Learning): ผู้เรียนกำหนดเวลาเรียนเองได้ อยากเรียนตอนไหนก็เรียน เหมือนตอนผมเรียนคอร์ส Python online ใช้เวลาว่างช่วงวันหยุดยาวนั่งเรียนยาวๆ ไปเลย มีอิสระดี
- การเรียนรู้แบบ Asynchronous: ไม่ต้องเรียนพร้อมกัน อาจารย์อัพโหลดเนื้อหาไว้ ผู้เรียนเข้าถึงได้ตลอดเวลา ผมชอบแบบนี้มากกว่าเรียนสดซะอีก เพราะบางทีเรียนสดแล้วพลาด ก็ต้องมานั่งไล่ตามทีหลัง
- การเรียนรู้แบบ Synchronous: เรียนแบบเรียลไทม์ ผ่าน video conference เหมือนเรียนในห้องเรียนปกติ ข้อดีคือได้ถามตอบกับอาจารย์และเพื่อนๆ ได้ทันที แต่ก็ต้องจัดสรรเวลาให้ตรงกัน ซึ่งบางทีก็ยากอยู่เหมือนกัน
- การใช้สื่อมัลติมีเดีย: E-learning มักใช้สื่อหลากหลายรูปแบบ เช่น วิดีโอ เสียง ภาพ แอนิเมชัน เกม ทำให้การเรียนรู้น่าสนใจและเข้าใจง่ายขึ้น ผมจำได้ว่าตอนเรียนประวัติศาสตร์ศิลปะ การได้เห็นภาพวาดจริงๆ ประกอบกับคำอธิบาย มันทำให้เข้าใจได้ดีกว่าอ่านจากหนังสือเยอะเลย
- การมีปฏิสัมพันธ์: E-learning ที่ดี ควรมีกิจกรรมให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม เช่น แบบทดสอบ ฟอรัมสนทนา หรือกลุ่มอภิปราย การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนอื่นๆ ทำให้เราได้มุมมองใหม่ๆ ที่น่าสนใจ อย่างตอนเรียนวิชา Digital Marketing ผมได้คุยกับเพื่อนในกลุ่ม แล้วได้ไอเดียใหม่ๆ มาปรับใช้กับงานของตัวเองด้วย
E-learning มีหลายรูปแบบมาก ตั้งแต่คอมพิวเตอร์ช่วยสอน การเรียนการสอนบนเว็บไซต์ MOOCs (Massive Open Online Courses) ไปจนถึงการเรียนผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ เทคโนโลยีมันพัฒนาไปเร็วมาก อนาคตการเรียนรู้คงเปลี่ยนไปอีกเยอะ น่าสนใจว่าจะเป็นยังไง
การเรียนแบบ On Site คืออะไร
On-site? เรียนในห้องเรียนไง แบบเจอหน้าครูจริงๆ ไม่ได้เรียนออนไลน์ เข้าใจป่ะ? แต่ตอนนี้ (2024) หลายที่ก็กลับมาเรียนแบบนี้ได้แล้วนะ ไม่เหมือนช่วงโควิดระบาดหนักๆ
- ต้องเว้นระยะห่าง ไม่ใช่เบียดๆกันเหมือนเมื่อก่อน
- ต้องมีมาตรการป้องกัน ไม่ใช่สักแต่ว่าเปิดเรียน
- ต้องผ่านการอนุมัติ ไม่ใช่เปิดกันเองตามใจชอบ
เคยเรียนแบบนี้ตอนเด็กๆ จำได้ว่าต้องตื่นเช้า ขี้เกียจชะมัด แต่ก็สนุกดี ได้เจอเพื่อน แอบเล่นเกมตอนครูไม่เห็น สมัยนี้ไม่รู้เป็นไงบ้าง แต่คิดว่าคงไม่ต่างกันมากหรอกมั้ง
Ondemand คือการสอนแบบไหน
เที่ยงคืนกว่าแล้ว… นึกถึงเรื่อง Ondemand อีกแล้ว มันคืออะไรกันแน่… รู้สึกเหมือนยังจับต้นชนปลายไม่ถูกเลย
จริงๆแล้วมันก็คือการเรียนแบบที่เราเลือกได้เองใช่มั้ย… แบบอยากเรียนตอนไหนก็เรียน อยากเรียนเรื่องอะไรก็เรียน ไม่ต้องรอเวลาเรียนแบบเดิมๆ เหมือนตอนที่เราอยากดูซีรี่ย์แล้วก็กดดูได้เลยใน Netflix รู้สึกอิสระดี
แต่ที่โรงเรียนเรา รู้สึกมันยังไม่เป็นแบบนั้นเต็มร้อยนะ เหมือนเป็นการเอาคลิปสอนมาลง แล้วก็ให้เราดูตอนไหนก็ได้ บางทีครูก็ไลฟ์สอน บางทีก็อัดคลิปไว้ก่อน มันก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย… แต่บางทีก็คิดถึงบรรยากาศในห้องเรียนเหมือนกัน
มันเหมือนขาดปฏิสัมพันธ์นะ… แบบเวลาเรียนในห้อง เราถามครูได้เลย เพื่อนๆ ถาม ครูตอบ สนุกดี แต่แบบ Ondemand นี่มัน…เหงาๆ เหมือนเรียนคนเดียว บางทีก็ไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่กล้าถาม ไม่รู้จะถามยังไง ผ่านช่องแชทก็ไม่เหมือนคุยกันจริงๆ
- เรียนได้ทุกที่ทุกเวลา อันนี้จริง เคยเรียนบนรถเมล์ตอนกลับบ้านด้วย แบบเบื่อๆ ก็หยิบขึ้นมาเรียน
- เนื้อหาหลากหลาย อันนี้ก็จริงบางวิชา บางวิชาก็มีแค่คลิปเดิมๆ ไม่ค่อยมีอะไรใหม่
- เรียนซ้ำได้ อันนี้ดีมาก แบบบางทีฟังไม่ทันก็ย้อนกลับไปฟังได้ เข้าใจง่ายขึ้นเยอะ
- ประหยัดเวลา บางที แบบเรียนเสร็จเร็ว เราก็มีเวลาไปทำอย่างอื่น
แต่… มันก็มีข้อเสียเหมือนกันนะ
- ขาดปฏิสัมพันธ์กับครูและเพื่อนๆ มันเหงาจริงๆ นะ
- บางทีก็ไม่เข้าใจ แล้วก็ไม่กล้าถาม ไม่รู้จะถามใคร
- ต้องมีวินัยในตัวเองสูงมาก แบบไม่มีใครมาบังคับ ต้องขยันเอง
- อินเทอร์เน็ตต้องแรง อันนี้สำคัญมาก บางทีเน็ตช้า โหลดคลิปไม่ขึ้น หงุดหงิดมาก
เฮ้อ… Ondemand นี่มันก็ดีนะ… แต่ก็ยังไม่ใช่คำตอบทั้งหมด คิดถึงเพื่อนๆ คิดถึงครู คิดถึงห้องเรียนจัง
รูปแบบการจัดการเรียนการสอน มีอะไรบ้าง
สายลมพัดโชย ใบไม้ร่วงโรยลงมาเบาๆ… ฤดูใบไม้ร่วง ปี 2566 อากาศเย็นยะเยือก เหมือนความรู้สึกตอนเรียนวิชาการสอน…
-
บรรยาย (Lecture Method): เสียงอาจารย์ดังกังวาน แผ่วเบาเป็นบางครั้ง เหมือนเสียงกระซิบของลม แต่คำพูดนั้นหนักแน่น ประทับใจ เหมือนแสงแดดอุ่นๆ ส่องลอดผ่านกิ่งไม้ ปีนี้ที่เรียน เน้นการใช้สื่อเสริม น่าสนใจกว่าทุกปี
-
อภิปราย (Discussion Method): ห้องเรียนคึกคัก เสียงหัวเราะเจื้อยแจ้ว คล้ายเสียงนกน้อยร้องระรี้ระร่า แต่บางครั้งก็เงียบสงบ เหมือนทุ่งดอกไม้ ที่รอคอยแสงแดด การอภิปรายปีนี้ ลึกซึ้งกว่าเดิม เปิดโลกทัศน์มาก
-
อภิปรายกลุ่มย่อย (Small Group Discussion): ความอบอุ่นของกลุ่มเพื่อน เหมือนไฟลุกโชนในเตาผิง ความคิดแลกเปลี่ยน ช่วยกันไขปริศนา ปีนี้เพื่อนร่วมกลุ่ม มีไอเดียสร้างสรรค์ ไม่ซ้ำใคร
-
สาธิต (Demonstration Method): ทุกอย่างชัดเจน เหมือนภาพวาดที่งดงาม การสาธิต คมชัด แม่นยำ ปีนี้มีการเพิ่มเทคนิคใหม่ๆ ที่ทันสมัย น่าตื่นตาตื่นใจ
-
แสดงบทบาทสมมุติ (Role Method): ฉันได้เป็นตัวละคร ได้ดื่มด่ำกับอารมณ์ เหมือนการแสดงละครเวที สนุก ตื่นเต้น ปีนี้บทบาทที่ได้รับ ท้าทาย จำฝังใจไปอีกนาน
แสงตะวันลับขอบฟ้าแล้ว ความทรงจำเหล่านี้ จะยังคงอยู่ ตลอดไป… ความรู้สึกของการเรียนรู้ ปีนี้ ล้ำลึก แปลกใหม่ สวยงาม มากกว่าที่เคยเป็นมา
การจัดการเรียนรู้มีความสําคัญอย่างไร
สำคัญมั้ยนะ การจัดการเรียนรู้เนี่ย อืมมม… สำคัญสิ! แบบสุดๆ
คิดดูดิ ถ้าครูสอนแบบน่าเบื่อ อ่านแต่หนังสือ เด็กๆ ก็หนีไปเล่นเกมหมด จะเรียนรู้ได้ไงล่ะ
- ต้องมีวิธีสอนให้สนุก เกมบ้าง กิจกรรมบ้าง
- แบบที่เราชอบสมัยเรียนวิชาภาษาอังกฤษกับครูฝรั่ง ปีนี้เองนะ จำได้แม่นเลย ใช้เกมส์เยอะมาก
- แต่ถ้าสอนแต่ท่องจำ ก็ไม่ไหวอะ ฉันเกลียดท่องจำ สมัยเรียนประวัติศาสตร์ ปี 2566 แทบตาย
มันต้องส่งเสริมให้เด็กอยากเรียน ตั้งใจเรียนด้วยสิ ถึงจะประสบความสำเร็จ ไม่ใช่แค่ได้เกรดดีๆอย่างเดียว ต้องใช้ได้จริงด้วย
- ปีนี้ เห็นน้องที่บ้าน มันเรียนรู้เรื่องการเงิน เพราะมีแอปพลิเคชั่น มันก็เลยฉลาดขึ้น เข้าใจเรื่องเงินๆ ทองๆ
- แต่เพื่อนฉัน เรียนเก่งมาก แต่ชีวิตจริงไม่เอาไหนเลย มันก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จ เหมือนที่ควรจะเป็น
สรุปแล้ว การจัดการเรียนรู้ที่ดี สำคัญมากๆ สำหรับความสำเร็จในชีวิต ต้องเลือกวิธีการที่เหมาะสม ไม่ใช่สอนแบบเดียวกับทุกคน แบบนั้นไม่เวิร์ค ฉันว่านะ
งงมั้ยเนี่ย ฉันก็งงๆเหมือนกัน เขียนไปเรื่อย คิดอะไรออกก็เขียนไป
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต