ติดมหาวิทยาลัยต้องจ่ายค่าอะไรบ้าง

ติดมหาวิทยาลัย…ชีวิตไม่ได้มีแค่ค่าเทอม! (บ่นๆ แบบคนจริง ไม่อิงนิยาย)

โอ๊ย…อ่านเจอข่าวประกาศผลสอบแล้วก็ใจเต้นแรงดีใจ แต่พอตั้งสติได้ก็เริ่มปวดหัวตึ้บ! ติดมหาวิทยาลัยนี่มันไม่ใช่แค่ “เย้!” แล้วจบนะทุกคน มันคือจุดเริ่มต้นของการผจญภัยทางการเงินครั้งใหญ่ต่างหาก! ค่าเทอมน่ะรู้ๆ กันอยู่ว่าโหด แต่ที่น่ากลัวกว่าคือ “จิปาถะมหันตภัย” ทั้งหลายต่างหาก!

ค่าเทอม…พระเอกตัวร้ายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้: อันนี้ไม่ต้องพูดเยอะ เจ็บกันทุกคนอยู่แล้ว แต่ละคณะ แต่ละมหาวิทยาลัยก็ราคาต่างกันไป บางทีเรียนคณะที่ใช่ แต่ค่าเทอมไม่ใช่ก็ต้องคิดหนักเลยเนอะ สมัยเรา (ขออนุญาตเล่าประสบการณ์ส่วนตัว) เรียนคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรัฐบาล ก็ว่าถูกแล้วนะ (เมื่อเทียบกับเพื่อนๆ ที่เรียนเอกชน) แต่ก็ยังต้องจ่ายหลักหมื่นต่อเทอมอยู่ดี พอรวมค่าหนังสือ ค่าชีท ค่ากิจกรรมที่ต้องจ่ายเพิ่มเข้าไปอีก ก็สะเทือนกระเป๋าตังค์พอสมควร

ค่าหอ…ยิ่งใกล้มหา’ลัย ยิ่งเจ็บจี๊ด: เรื่องหอนี่เป็นปัญหาโลกแตกสำหรับเด็กต่างจังหวัดเลย (หรือเด็กกรุงเทพฯ ที่บ้านไกลก็เจอปัญหาเดียวกัน) ยิ่งใกล้มหาวิทยาลัยเท่าไหร่ ราคาก็ยิ่งพุ่งทะยานขึ้นไปดาวอังคารเท่านั้น! เราเคยสำรวจราคาหอพักแถวมหาวิทยาลัยที่เราเรียนตอนนั้น (ย่านบางเขน) ห้องธรรมดาๆ ไม่มีอะไรเลย เริ่มต้นก็ 5,000 บาทต่อเดือนแล้ว (นี่เมื่อหลายปีที่แล้วนะ ตอนนี้คงแพงกว่านี้อีกเยอะ!) ถ้าอยากได้ห้องดีๆ มีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน มีแอร์ ก็ต้องจ่าย 7,000 – 10,000 บาทขึ้นไป! ยังไม่รวมค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ตอีกนะ! ทางออกที่ดีที่สุดคือหารูมเมท หรือหาหอพักที่อยู่ไกลออกมาหน่อย แล้วนั่งรถเมล์เอา (ซึ่งก็จะไปเจอค่าเดินทางอีกอยู่ดี…เฮ้อ)

ค่ากิน…กองทัพต้องเดินด้วยท้อง (และเงินในกระเป๋า): ค่ากินนี่แหละตัวดี! ตอนอยู่บ้านกินข้าวฝีมือแม่ อิ่มอร่อย ประหยัด พอมาอยู่หอต้องพึ่งร้านอาหารตามสั่ง ร้านข้าวแกง (ซึ่งอร่อยบ้างไม่อร่อยบ้าง) หรือไม่ก็บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นเพื่อนตาย! ลองคำนวณดูเล่นๆ นะ ข้าวเช้า กลางวัน เย็น วันละ 150 บาท (นี่คือแบบประหยัดสุดๆ นะ) เดือนนึงก็ 4,500 บาทแล้ว! ยังไม่รวมค่าขนม ค่ากาแฟ ค่าของกินเล่นระหว่างวันอีกนะ! ใครที่ทำอาหารกินเองได้จะช่วยประหยัดไปได้เยอะเลย

ค่าเดินทาง…ล้อหมุน เงินก็หมุนตาม: ถ้าหออยู่ใกล้ก็โชคดีไป แต่ถ้าต้องเดินทางไกล ค่าเดินทางก็เป็นอีกหนึ่งค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมรับมือ รถเมล์ รถไฟฟ้า วินมอเตอร์ไซค์ แล้วแต่สถานการณ์และความรีบด่วนของแต่ละวัน สมัยเรานั่งรถเมล์ไปกลับมหาวิทยาลัยทุกวัน (สมัยนั้นยังไม่มีรถไฟฟ้า) ก็หมดไปวันละ 20 บาท เดือนนึงก็ 600 บาทแล้ว! (แต่ถ้าใครใช้รถส่วนตัว ก็เตรียมเงินไว้เติมน้ำมันกับค่าที่จอดรถได้เลย!)

ค่าชีท ค่าหนังสือ ค่าอุปกรณ์…ยิ่งเรียนสูง ยิ่งต้องลงทุน: ค่าชีท ค่าหนังสือเรียนนี่ก็เป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ บางวิชามีหนังสือบังคับที่ต้องซื้อ บางวิชาก็ต้องถ่ายชีทสรุปเนื้อหา (ซึ่งบางทีก็แพงกว่าหนังสืออีก!) ยังไม่รวมค่าอุปกรณ์การเรียนต่างๆ เช่น ปากกา ดินสอ สมุด กระดาษ หรืออุปกรณ์เฉพาะทางของแต่ละคณะอีกนะ!

ค่ากิจกรรม…เข้าสังคมก็ต้องใช้เงิน: ชีวิตในมหาวิทยาลัยไม่ได้มีแค่เรียนๆๆ อย่างเดียว การเข้าสังคม การเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ก็เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างประสบการณ์และ Connection (ซึ่งสำคัญมากในการทำงานในอนาคต) แต่กิจกรรมส่วนใหญ่ก็ต้องเสียเงิน ไม่ว่าจะเป็นค่าสมัคร ค่าเสื้อกิจกรรม ค่าอุปกรณ์ ค่าเดินทาง หรือค่าเข้าชมต่างๆ

สรุปแล้ว…ต้องเตรียมเงินเท่าไหร่ถึงจะรอด? ตอบยากมาก! เพราะแต่ละคนมีไลฟ์สไตล์และค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน แต่โดยรวมแล้ว เราว่าต้องเตรียมเงินไว้ประมาณ 10,000 – 20,000 บาทต่อเดือนถึงจะพอใช้ (อันนี้คือแบบประหยัดนะ!) ถ้าใครอยากใช้ชีวิตแบบสบายๆ มีเงินเหลือเก็บ ก็อาจจะต้องเตรียมเงินมากกว่านี้

คำแนะนำจากประสบการณ์ตรง:

• ทำบัญชีรายรับรายจ่าย: ช่วยให้เห็นภาพรวมของค่าใช้จ่ายและสามารถวางแผนการใช้เงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• หารายได้เสริม: หางานพาร์ทไทม์ หรือรับจ้างทำงานต่างๆ ในช่วงปิดเทอมหรือวันหยุดสุดสัปดาห์
• ประหยัดอดออม: ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น ซื้อของลดราคา ทำอาหารกินเอง หรือใช้บริการขนส่งสาธารณะ
• ขอทุนการศึกษา: ลองมองหาทุนการศึกษาจากหน่วยงานต่างๆ ที่สนับสนุนนักศึกษา
• คุยกับพ่อแม่: เล่าให้พ่อแม่ฟังถึงภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น และขอคำแนะนำในการบริหารจัดการเงิน

สุดท้ายนี้ อยากบอกน้องๆ ที่กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยทุกคนว่า อย่าเพิ่งท้อแท้! การเรียนมหาวิทยาลัยเป็นช่วงเวลาที่สำคัญและมีค่า จงใช้ชีวิตให้คุ้มค่า เรียนรู้ให้เต็มที่ และบริหารจัดการเงินให้ดี แล้วเราจะผ่านช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ไปได้อย่างแน่นอน! สู้ๆ นะทุกคน!

#ค่าอื่นๆ #ค่าเทอม #ค่าแรกเข้า