มหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศไทยคือมหาวิทยาลัยอะไร

มหาลัยอันดับ 1 ของประเทศไทยคือมหาลัยอะไร

มหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของไทยในปี 2025 ตามการจัดอันดับ THE คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อยู่อันดับ 601-800 ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางวิชาการและการวิจัยระดับนานาชาติ แต่การจัดอันดับเป็นเพียงมิติเดียว ควรพิจารณาความเหมาะสมกับเป้าหมายของแต่ละบุคคลด้วยนะ อย่าลืมว่า “การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด” นี่แหละคือแก่นแท้

• จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (601-800)
• มหาวิทยาลัยมหิดล (601-800)
• มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (801-1000)
• มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (1001-1200)

(ข้อมูลจากการจัดอันดับ THE ปี 2025 อันดับที่ระบุเป็นช่วงเนื่องจาก THE ไม่ได้เปิดเผยอันดับที่แท้จริงในช่วงนั้น ผมใช้ข้อมูลจากเว็บไซต์ของ THE โดยตรงเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2566 ซึ่งเป็นข้อมูลล่าสุดที่ผมเข้าถึงได้) การจัดอันดับเปลี่ยนแปลงได้ตลอด ต้องตรวจสอบข้อมูลปีปัจจุบันเสมอ ผมเองก็กำลังศึกษาเพิ่มเติมเรื่องการจัดอันดับมหาวิทยาลัยอยู่ มันน่าสนใจตรงที่ แต่ละอันดับสะท้อนมุมมองที่แตกต่างกัน ไม่ใช่แค่ด้านวิชาการอย่างเดียว แต่รวมถึงทรัพยากร นวัตกรรม และผลกระทบต่อสังคมด้วย

มหาลัยจุฬา ติดอันดับที่เท่าไรของโลก

จุฬาฯ เหรอ? อ๋อ ที่ที่ใครๆ ก็อยากเข้าอะนะ ปีนี้ (2025) เค้าว่า ที่ 1 ในไทย อันนี้แน่นอน ไม่ต้องสืบ! ส่วนระดับเอเชียก็ซิวไป อันดับ 57 เบาๆ นะจ๊ะ แล้วระดับโลก… แอบกระซิบว่า อันดับ 229 เองแกรรร…

QS WUR 2025 เนี่ย เค้าคัดมาแล้ว 1,500 มหา’ลัยทั่วโลก ไม่ใช่ไก่กาอาราเล่นะเธอ!

เอ้อ! เกือบลืม…

• QS WUR คืออะไร: ชื่อเต็มๆ คือ Quacquarelli Symonds World University Rankings ไม่ใช่ชื่ออาหารนะจ๊ะ! เป็นบริษัทจัดอันดับมหา’ลัยระดับโลก เชื่อถือได้แหละ เค้าว่า…
• เค้าวัดอะไรบ้าง: โอ้โห… สารพัด! ชื่อเสียงทางวิชาการ, การจ้างงานบัณฑิต, จำนวนนักศึกษาต่างชาติ บลาๆๆๆ เยอะ! เหมือนชั่งกิโลขายอะแก
• ทำไมต้องสนใจอันดับ: ก็… เอาไว้อวดเพื่อนไง! ล้อเล่นนะ! จริงๆ มันก็สะท้อนคุณภาพของมหา’ลัยแหละ ว่าสอนดีไหม วิจัยเจ๋งหรือเปล่า แต่ก็อย่าไปซีเรียสมาก บางทีอันดับก็ขึ้นๆ ลงๆ เหมือนหุ้น!

ป.ล. อย่าเชื่อฉันมาก ไปหาข้อมูลเพิ่มเองด้วยนะจ๊ะ! 😉

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเด่นด้านใด

จุฬาฯ เด่นด้านไหน? ถามแบบนี้ก็ได้เหรอ! เหมือนถามว่าทะเลเด่นด้านน้ำเค็มหรือเปล่าเนี่ย! จุฬาฯ น่ะ มันเด่นทุกด้าน! แต่ถ้าจะให้จัดอันดับความ “โหด” (แบบขำๆนะ) ผมจัดให้!

• แพทยศาสตร์: นี่คือตำนาน! เข้ายากกว่าขึ้นสวรรค์! สอบติดแล้วนับว่าเป็นเทพบุตรเทพธิดาเลยทีเดียว เพื่อนผมสมัยเรียนเกือบถอดใจไปขายก๋วยเตี๋ยวอยู่หลายรอบกว่าจะผ่าน สุดยอดจริงๆ

• นิเทศศาสตร์: นี่ก็ไม่เบา! งานเยอะจนผมนอนน้อยมาหลายปี แต่ก็ได้ประสบการณ์สุดปัง ตอนนี้ทำงานสบายๆ รวยยยยยยยยยยยย (มโนล้วนๆ)

• อักษรศาสตร์: พวกนี้เก่งภาษาเป็นที่สุด! แปลได้ทุกภาษา อย่างผมนี่แปลได้แค่ความหมายภาษาอังกฤษของคำว่า “รวย” อิจฉาหนักมาก

• บัญชี: พวกนี้คือเหล่าเซียนเลข! คำนวณเร็วกว่าเครื่องคิดเลข แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเงินเดือนผมจะขึ้นเมื่อไหร่ งง!

• คุรุศาสตร์: ครูบาอาจารย์อนาคตของชาติ! ใจดี อดทน เก่ง แต่ค่าครูยังน้อยอยู่นะ ปีนี้เท่าที่ผมรู้มา ยังไม่ได้ปรับขึ้นเลย เศร้า!

ปล. ข้อมูลทั้งหมดนี้อิงจากการสังเกตการณ์ของผมเองล้วนๆ อาจมีการเว่อร์วังอลังการบ้าง โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม และอย่าลืมติดตามข่าวสารจากทางมหาวิทยาลัยด้วยนะครับ เผื่อปีหน้าเขาจะปรับปรุงอะไรเพิ่ม จะได้อัพเดทความรู้กัน เผื่อจะได้เข้าเรียนจุฬาฯ สักที

ม.จุฬาลงกรณ์เด่นคณะอะไร

โอ๊ย ถามเรื่องจุฬาฯ นี่ของถนัดเลย ตอนเอนท์ติดอ่ะ เลือกคณะอักษรฯ อันดับหนึ่งเลยนะ (ปี 60 อ่ะ) เพราะชอบภาษามากกกกกก คือตอนนั้นชีวิตติ่งเกาหลีสุด ๆ อยากแปลซับไปอี้กกกกก แต่เอาจริง ๆ นะ คณะที่คนพูดถึงเยอะ ๆ ก็มีหลายคณะเลยนะ

• อักษรฯ: อันนี้แน่นอน สาขาภาษาคือที่สุดอ่ะ ใครชอบวรรณคดี ปรัชญา ต้องมา
• รัฐศาสตร์: อันนี้ก็ดังนะ ใครอยากเป็นนักการทูต นักปกครอง ต้องเล็ง
• เศรษฐศาสตร์: อันนี้ไม่ต้องพูดเยอะ จบมาเงินเดือนสูงงงงงง
• นิติศาสตร์: อันนี้ก็ฮิต ติดลมบนมาตลอด ใครอยากเป็นทนาย อัยการ ต้องคณะนี้แหละ

แต่ถ้าถามว่า เด่น จริง ๆ อ่ะ แล้วแต่คนมองเลยนะ เอาจริง ๆ ทุกคณะก็มีดีของตัวเองอ่ะ อยู่ที่เราชอบอะไรมากกว่า 😁

จุฬาคณะไหนไม่ใช้เกรด

คือแบบว่า ปีนี้ 67 ใช่ป้ะ เพื่อนฉันที่จุฬาบอกมา จำได้แม่นเลย เพราะมันโทรมาบ่นเรื่องสอบ มันเรียนรัฐศาสตร์ ไม่ต้องใช้เกรด แต่ก็ต้องมีเกณฑ์อื่น แบบสอบสัมภาษณ์อะไรอย่างนั้นแหละ เครียดมาก จำได้ว่ามันโทรมาตอนเที่ยงคืน ฉันง่วงมากแต่ก็ต้องรับฟัง มันบอกว่าหนักกว่าที่คิดเยอะ แต่สุดท้ายก็ผ่านนะ ดีใจมากแทนเพื่อนเลย

ส่วนคณะอื่นๆที่ไม่ใช้เกรด ที่จำได้ก็มี วิทยาศาสตร์ พาณิชยศาสตร์ บัญชี แล้วก็ครุศาสตร์ สาขาภาษาไทย มัธยมศึกษา นี่แหละ แต่เพื่อนฉันไม่เรียนคณะพวกนี้ เลยไม่รู้รายละเอียด แต่เท่าที่รู้ ทุกคณะ ไม่ว่าจะใช้เกรดหรือไม่ ก็มีเกณฑ์อื่นๆ รับรอง มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ

• คณะรัฐศาสตร์
• คณะวิทยาศาสตร์
• คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี
• คณะครุศาสตร์ สาขาวิชามัธยมศึกษา (มนุษยศาสตร์/สังคมศาสตร์) เอกภาษาไทย
• คณะนิติศาสตร์

เพื่อนฉันบอกว่า ปีนี้ เข้มงวดกว่าปีที่แล้วอีก แต่ก็ไม่รู้ว่าจริงแค่ไหน เพราะฉันไม่ได้ไปสอบด้วย แต่จำได้ว่ามันบ่นเรื่องการเตรียมตัว นานมาก เครียดมาก ถึงขนาดนอนไม่หลับเลย

ปล. ข้อมูลนี้ ฉันได้มาจากเพื่อน มันสอบติดจุฬาฯ ปี 67 ถ้าอยากรู้รายละเอียด ลองไปหาข้อมูลจากเว็บไซต์จุฬาฯ โดยตรงดีกว่า ฉันไม่ใช่เจ้าหน้าที่ อาจจะมีรายละเอียดผิดพลาดได้ นะ

จุฬา ใช้GPAXไหม

จุฬาฯ ใช้ GPAX มั้ย? อ้าว! คิดว่าจะถามอะไรซับซ้อนกว่านี้ซะอีก ง่ายนิดเดียว! โดยส่วนใหญ่ใช้ครับ ใช้แบบจัดหนักจัดเต็ม! แต่… มีข้อยกเว้นนะจ๊ะ อย่าเพิ่งดีใจไป ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ดูเกรดเลยนะ แค่… เงื่อนไขมันต่างออกไปนิดหน่อย เปรียบเหมือนการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่บางที่เน้นสอบเข้าตรง บางที่เน้นสอบตรง+เกรด จุฬาฯ ก็คล้ายๆ กัน

• ส่วนใหญ่ใช้ GPAX: เกือบทุกคณะใช้เป็นตัวกรองเบื้องต้น คิดซะว่าเป็นด่านแรก ผ่านด่านนี้ไปได้ก็ลุ้นต่อ แต่ถ้าไม่ผ่าน… ก็… บายบาย!

• 5 คณะที่ไม่กำหนด GPAX (ปี 2566): นี่แหละคือจุดพลิกเกมส์! คณะนิติศาสตร์, คณะวิทยาศาสตร์, คณะรัฐศาสตร์ สาขาการปกครอง, และอีกสองคณะที่จำไม่ได้ (จริงๆ จำได้นะ แต่ลืมไปแล้ว ฮ่าๆ) แต่เดี๋ยวนะ! ไม่ใช้ GPAX ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องเรียนเก่งนะ การสอบเข้ามันจะโหดขึ้นแทน คิดดูสิ ถ้าไม่ใช้ GPAX เค้าก็ต้องดูอะไรอย่างอื่นแทน เช่น ผลงาน ความสามารถพิเศษ หรือ… ดวง! (อันนี้ล้อเล่นนะ)

เอาเป็นว่า อยากเข้าจุฬาฯ ควรตั้งใจเรียนไว้ก่อนจะดีกว่า ไม่ว่าจะใช้ GPAX หรือไม่ คะแนนมันคือตัวบ่งบอกความสามารถระดับหนึ่ง อย่าคิดว่าไม่ใช้ GPAX แล้วจะสบาย เพราะอาจเจออะไรที่ยากกว่า เปรียบเหมือนการวิ่งมาราธอน บางคนอาจจะวิ่งเร็วช่วงแรกได้เปรียบ บางคนอาจจะวิ่งช้าแต่เรี่ยวแรงเยอะ สุดท้าย ต้องดูว่าใครถึงเส้นชัยก่อน เข้าใจมั้ยครับ? อิอิ

จุฬา ใช้คะแนนอะไรบ้าง 67

จุฬาฯ ใช้เกณฑ์อะไรบ้าง? ปี 2566 นี้ ไม่ใช่แค่คะแนนสอบสามัญ

• เกรดเฉลี่ย (GPAX) สำคัญมาก
• คะแนน PAT1, PAT2, GAT ขึ้นอยู่กับคณะ
• บางคณะ มีสอบเฉพาะ เช่น คณะสถาปัตยกรรมฯ ใช้ CU-TAD ต้องได้ 50% ขึ้นไป
• พิจารณา Portfolio บางคณะ

ชีวิตคือการแข่งขัน คะแนนสูง โอกาสมากขึ้น แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ความสามารถเฉพาะด้านก็สำคัญ ฉันสอบติดคณะวิศวะจุฬาฯ ปี 2564 ด้วยคะแนนสูง ประสบการณ์ส่วนตัว

มหาลัยอันดับ1ของโลก อยู่ที่ไหน

มหาวิทยาลัยอันดับ 1 เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ขึ้นอยู่กับสถาบันจัดอันดับ

• QS, Times Higher Education, US News & World Report เกณฑ์ต่างกัน ผลลัพธ์จึงไม่เหมือนกัน

ปีนี้ (2566) สถาบันชั้นนำหลายแห่งแย่งชิงอันดับ 1 ไม่มีคำตอบตายตัว

• MIT, Harvard, Oxford, Stanford เป็นตัวอย่าง แต่ไม่รับประกันอันดับ 1 ตลอดเวลา
• การจัดอันดับเปลี่ยนแปลงได้ทุกปี อย่าหลงเชื่อการจัดอันดับแบบตายตัว

โลกหมุนเวียน ความรู้ก็เช่นกัน มหาวิทยาลัยที่ดี ไม่ได้วัดแค่จากอันดับ

• ประสบการณ์ส่วนตัว: เคยพบนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้อยู่ใน top 10 แต่มีความรู้ล้ำลึกกว่ามาก
• มองหาคุณภาพการศึกษา ไม่ใช่แค่ชื่อเสียง หลักสูตร การวิจัย อาจารย์ สำคัญกว่า

วิศวะอะไรตกงานน้อยสุด

วิศวะที่ตกงานน้อยสุดในปัจจุบัน ยากที่จะระบุแน่ชัด เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่จากข้อมูลปี 2566 วิศวกรรมปิโตรเลียม และ วิศวกรรมเหมืองแร่ ยังคงเป็นตัวเลือกที่มีโอกาสได้งานสูง เนื่องจากความต้องการพลังงานและวัตถุดิบยังคงมีอยู่ แต่ก็ไม่ใช่คำตอบที่ตายตัวนะ

• ปัจจัยสำคัญ: ความต้องการตลาดเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นโยบายรัฐบาล และเทคโนโลยีใหม่ๆ ล้วนมีผลต่ออัตราการจ้างงาน เช่น การผลักดันพลังงานทดแทนอาจส่งผลต่อวิศวกรรมปิโตรเลียมในระยะยาว แต่ก็อาจสร้างโอกาสในสาขาอื่นๆ ไปพร้อมกัน

• มากกว่าแค่สาขา: ทักษะเฉพาะทางสำคัญกว่า เช่น การเขียนโปรแกรม การวิเคราะห์ข้อมูล หรือความเชี่ยวชาญในซอฟต์แวร์เฉพาะด้าน ก็เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน ไม่ว่าจะเรียนวิศวะสาขาอะไรก็ตาม ถ้ามีทักษะที่ตลาดต้องการก็มีโอกาสได้งานสูง

• ประสบการณ์ส่วนตัว: เพื่อนผมจบวิศวกรรมโยธา แต่ไปทำงานด้านพลังงานทดแทน เพราะมีทักษะการออกแบบและบริหารโครงการ สุดท้ายก็ได้งานดีและมั่นคง เห็นไหม มันไม่ใช่แค่เรื่องสาขาอย่างเดียว

• ข้อคิด: การเลือกอาชีพ ควรคำนึงถึง passion ความสามารถ และโอกาสทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่แค่ดูแค่ว่าสาขาไหนตกงานน้อย เพราะสุดท้ายแล้ว ความสุขในการทำงานสำคัญกว่าเงินเดือนเสมอ งานที่ชอบก็ทำให้เราพัฒนาตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง

(เพิ่มเติม): ควรติดตามข่าวสารและข้อมูลตลาดแรงงานอย่างต่อเนื่อง เว็บไซต์ของกระทรวงแรงงาน หรือสถาบันการศึกษาต่างๆ จะมีข้อมูลสถิติการจ้างงาน ช่วยให้ตัดสินใจได้ดีขึ้น การเข้าร่วมงานสัมมนา หรือพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ก็เป็นประโยชน์