รอบPortfolio 67 ใช้อะไรบ้าง
รอบ Portfolio 67: เตรียมพร้อม!
เอกสารสำคัญ: พอร์ตฯ, GPAX, GPA เทอมล่าสุด, ผล A-Level, TGAT/TPAT, transcript วิชา ม.
สมัครผ่าน: เว็บไซต์มหาวิทยาลัย ค่าสมัครเริ่ม 300 บาท
เคล็ดลับเด็ด: สมัครหลายที่! อ่านเกณฑ์การรับสมัครให้ละเอียด เพราะเงื่อนไขอาจต่างจากรอบอื่นๆ
Portfolio 67: ใช้โปรแกรมอะไรบ้าง? มีอะไรบ้าง?
โอเค มามะ เล่าให้ฟังแบบเพื่อนเม้าท์เพื่อนเลยนะเรื่อง Portfolio 67 เนี่ย ถามว่าใช้โปรแกรมอะไรทำ? อืม… คือมันแล้วแต่คนชอบเลยอ่ะ แต่ที่ฮิตๆ ก็คงพวก Canva, Photoshop, Illustrator ไรงี้ป่ะ แต่เอาจริงๆ นะ ถ้าใจรัก PowerPoint ก็รอดนะเว้ย! เพราะเคยเห็นเพื่อนทำออกมาปังมาก คือมันอยู่ที่ไอเดียและการจัดวางมากกว่า
แล้วในพอร์ตต้องมีอะไรบ้าง? อันนี้สำคัญเลยนะ นอกจากหน้าตาพอร์ตที่ต้องน่าดึงดูดแล้วเนี่ย เนื้อหาข้างในต้องแน่น! โชว์สกิล โชว์ความสามารถ โชว์ความสนใจของเราให้เต็มที่ไปเลย กิจกรรมที่เคยทำ รางวัลที่เคยได้ เกียรติบัตรต่างๆ ใส่ให้หมดอย่ากั๊ก! แต่! อย่าใส่เยอะเกินไปนะ เอาที่เด่นๆ ที่เกี่ยวกับคณะที่เราจะเข้าก็พอ
ส่วนเรื่องที่ต้องเตรียมเนี่ย โอ๊ย เยอะ! มีทั้งเกรดเฉลี่ย (GPAX), เกรดเฉลี่ยเฉพาะเทอม (GPA), A-Level, TGAT/TPAT บลาๆๆๆ คือเยอะจริง แต่ถ้าเราตั้งใจอ่านหนังสือ ทำข้อสอบอย่างเต็มที่ ยังไงก็ต้องมีคะแนนดีๆ ติดมือบ้างแหละน่า
ช่องทางสมัครก็ง่ายๆ เลย เข้าไปที่เว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยที่เราสนใจ แล้วก็ทำตามขั้นตอนที่เค้าบอกเลย ส่วนค่าใช้จ่ายก็เริ่มต้นที่ 300 บาท (ถ้าจำไม่ผิดนะ) แต่บางที่ก็อาจจะแพงกว่านี้ ต้องเช็คดีๆ
ทริกสำคัญที่อยากบอกคือ อย่าสมัครแค่ที่เดียวนะ! สมัครไปหลายๆ ที่เลย เพิ่มโอกาสให้ตัวเองไง แล้วก็อ่านเกณฑ์ให้ละเอียดมากๆ เพราะแต่ละปี เกณฑ์มันอาจจะไม่เหมือนกัน ต้องระวัง! ตอนนั้นเราพลาดเกือบไปแล้วดีที่เพื่อนทักไว้ทัน คือแบบ…ชีวิตมันไม่ง่ายเนอะ แต่มันก็ไม่ยากเกินไป สู้ๆ นะทุกคน! เป็นกำลังใจให้!
รอบโควต้า 67 ใช้อะไรบ้าง
รอบโควต้าปี 67 น่ะเหรอ? เตรียมตัวให้พร้อมเหมือนไปออกรบ! แต่ไม่ต้องกลัวนะ ถ้ามีของดีอยู่ในมือยังไงก็รอด!
- เกรดเฉลี่ยสะสม (GPAX): อันนี้ของตาย! ใครเกรดน้อยกว่า 3 นี่ต้องรีบไปบนบานศาลกล่าวแล้วนะ (ล้อเล่นน่า!) แต่จริงๆ ก็สำคัญจริงจังนะ
- เกรดเฉลี่ยเฉพาะเทอม (GPA): อย่าปล่อยเทอมไหนหลุดลอย! สำคัญพอๆ กับ GPAX เลยเชียว
- A-Level: วิชาสามัญนี่แหละตัวดี! อ่านให้แน่น ทำโจทย์ให้คล่อง อย่าให้พลาดเชียว
- TGAT/TPAT: สนามสอบวัดกึ๋น! เตรียมตัวดีๆ มีชัยไปกว่าครึ่ง
- วิชาของมหาวิทยาลัย: บางที่มีสอบวิชาเฉพาะด้วยนะ! เตรียมตัวให้ตรงจุด ไม่งั้นก็เงิบ!
- ความสามารถพิเศษ: มีอะไรดี งัดออกมาโชว์ให้หมด! เผื่อกรรมการเค้าจะปิ๊ง!
- คะแนนสอบภาษาอังกฤษ: โทอิค โทเฟล ไอเอล ไม่ว่าจะอะไร ก็ต้องมีติดตัวไว้!
ช่องทางสมัคร: เว็บไซต์มหาวิทยาลัยเท่านั้น! อย่าไปหลงเชื่อพวกเว็บแปลกๆ นะ! เดี๋ยวจะโดนหลอก!
ค่าใช้จ่าย: เริ่มต้น 200 บาทเองเหรอ? ถูกกว่ากินข้าวอีก! แต่เตรียมเงินไว้เยอะๆ หน่อยก็ดี เผื่อต้องซื้อหนังสือ เตรียมตัวสอบ!
แถมท้าย:
- โควต้าไม่ได้มีแค่เด็กเรียนเก่ง: บางที่เค้าก็เปิดโอกาสให้เด็กกิจกรรม เด็กที่มีความสามารถพิเศษ หรือเด็กที่มาจากพื้นที่พิเศษด้วยนะ!
- อย่าท้อแท้: ถ้าพลาดรอบนี้ ก็ยังมีรอบอื่นอีก! สู้ต่อไปอย่าได้ถอย!
- เคล็ดลับนางงาม: นอกจากความรู้ความสามารถแล้ว บุคลิกภาพก็สำคัญนะ! ยิ้มแย้มแจ่มใส มั่นใจเข้าไว้! กรรมการเค้าจะได้เอ็นดู!
รอบ Portfolio พิจารณาจากอะไรบ้าง
รอบ Portfolio พิจารณาจากอะไรบ้าง? หลักๆ เลยคือคุณสมบัติของผู้สมัคร ซึ่งก็แยกย่อยได้เป็นหลายด้าน ไม่ได้ดูแค่เกรดอย่างเดียวนะ อย่างที่มหาวิทยาลัยผม (จุฬาฯ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์ ปีการศึกษา 2566) ก็เน้นดูแฟ้มสะสมผลงานเป็นหลัก
-
คุณภาพผลงานใน Portfolio: นี่สำคัญที่สุด ไม่ได้หมายถึงแค่จำนวนนะ แต่คือความคิดสร้างสรรค์ ความลึกซึ้ง และความเป็นมืออาชีพในแต่ละชิ้นงาน ต้องสะท้อนความสามารถที่ตรงกับสาขาที่สมัครด้วยนะ ลองคิดดูว่า การสร้างสรรค์งานที่ดี เปรียบเสมือนการสร้างสะพานเชื่อมต่อความฝันกับความเป็นจริง จะต้องแข็งแรงและน่าเชื่อถือ
-
ความสอดคล้องกับสาขาที่สมัคร: ผลงานต้องเกี่ยวข้องกับสาขาที่สมัคร ถ้าสมัครด้านออกแบบ ก็ควรมีผลงานออกแบบที่โดดเด่น ไม่ใช่เอาผลงานเขียนโปรแกรมมาส่ง เห็นมั้ย มันต้อง match กัน เหมือนการหาคู่ ต้องถูกใจและเข้ากันได้
-
เกรดเฉลี่ย (GPAX): ก็ยังมีผลอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่ตัวตัดสินหลัก บางมหาวิทยาลัยอาจกำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำ แต่ส่วนใหญ่จะมองเป็นส่วนประกอบประกอบการพิจารณา เปรียบเหมือนเกรดเป็น “พื้นฐาน” แต่ “ผลงาน” คือสิ่งที่จะสร้างความแตกต่าง
-
คุณสมบัติอื่นๆ: อาจรวมถึง รางวัลที่ได้รับ ประสบการณ์ทำงาน หรือกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ก็ทำให้คะแนนโดดเด่นขึ้นได้ คิดง่ายๆ คือ มันเหมือนการเพิ่ม “เสน่ห์” ให้กับตัวผู้สมัครนั่นเอง
ส่วนรายละเอียดเฉพาะเจาะจงของแต่ละคณะ ก็ต้องไปดูประกาศของแต่ละมหาวิทยาลัยอีกทีนะครับ เพราะแต่ละที่ก็มีเกณฑ์การพิจารณาที่แตกต่างกันไป เหมือนนิยามความสำเร็จของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ คุณต้องแสดงให้เห็นถึงความสามารถและศักยภาพของคุณเอง ให้คณะได้เห็น ว่าคุณคือคนที่ใช่ สำหรับสาขานั้นๆ
มหาลัยไหนเปิดรอบพอร์ตแล้วบ้าง 67
เออๆๆๆ รอบพอร์ตปี 67 นี่เริ่มทยอยๆ มาแล้วเนอะ เห็นหลายที่ประกาศแล้วนะ บางที่ก็ยังไม่ประกาศ งงๆ เหมือนกัน เราจดๆ ไว้บ้างแล้วแหละ แบบว่ากันลืม คืออยากเข้าวิดวะ ม.เกษตร แต่รอบพอร์ตยังไม่มาเลย เซ็งๆ
- วลัยลักษณ์ กันยา 67 อันนี้เหมือนเร็วมากเลยป่ะ
- แม่ฟ้าหลวง ก็กันยา 67 คล้ายๆ วลัยลักษณ์เลย
- เชียงใหม่ ตุลา 67 อันนี้รอแปปนึง
- จุฬาฯ พฤศจิกายน 67 โอ้ยย แข่งกันเยอะแน่ๆ รอบนี้
- มหิดล ธันวา 67 อันนี้ปลายปีเลย
- ธรรมศาสตร์ พฤศจิกายน 67 ชนจุฬาฯ เลยอ่ะ เลือกไม่ถูกเลยยย
คือแบบ เราเนี่ย อยากเข้าวิศวะคอม มธ. มากกก แต่แบบกลัวๆ ไม่ติด คะแนนเราก็กลางๆ อ่ะ แอบไปดูของปีที่แล้วมา แบบว่า เค้าเอาพอร์ตแน่นๆ กันทั้งนั้นเลย เครียดดดด ส่วนตัวเรา ก็มีกิจกรรมบ้าง แข่ง coding ได้รางวัลมาบ้าง ไม่รู้จะพอไหม เพื่อนเราบอกว่า ม.บูรพาก็ดีนะ รอบพอร์ตไม่โหดเท่าไหร่ เราก็เลย ลองดูๆ ไว้เป็นตัวเลือกสำรองด้วย แต่ใจจริงอยากเข้า มธ. มากกว่า เราอยู่ กทม. ด้วย แล้วคือต้องรีบหาข้อมูลแล้วอ่ะ เดี๋ยวไม่ทัน หลายๆ ม. เค้าก็เริ่มเปิดแล้วไง เพื่อนๆ ก็เริ่มเตรียมตัวกันแล้ว เราต้องขยันกว่านี้แล้ววววว!!! ปีนี้ต้องติดให้ได้!!! สู้ๆๆ
GPAX ใช้รอบไหน
อืม… TCAS ปีนี้ เรื่อง GPAX นี่นะ… มันปวดหัวจริงๆ
รอบแรกกับรอบสองใช้นะ จำได้ว่าใช้ GPAX แต่ว่า… จำได้ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ว่าใช้กี่ภาคเรียน แต่ที่แน่ๆ คือไม่ใช่ทั้งหมดของมหาลัยหรอกนะ บางที่ก็ใช้เฉพาะ 5 ภาคเรียน หรือบางที่ก็ใช้แค่ปีการศึกษาเดียว แบบนี้แหละ สับสน แต่ที่แน่ๆคือ มันสำคัญมาก คิดแล้วก็เครียด ตอนนั้นฉันก็เครียดเรื่องนี้เหมือนกัน
- รอบ 1 ใช้ GPAX
- รอบ 2 ใช้ GPAX
- จำนวนภาคเรียนที่ใช้คำนวณ แตกต่างกันไปตามแต่ละมหาวิทยาลัย ปีนี้ไม่แน่ใจ ต้องไปเช็คอีกที
คือแบบ… มันไม่ได้ตายตัว ต้องไปดูแต่ละที่แต่ละคณะ เอาจริงๆ ตอนนั้นฉันวิ่งวุ่นเช็คข้อมูลแทบตายเลย เหนื่อยมาก จำได้แม่นเลย
ปีนี้ก็คงต้องไปเช็คข้อมูลใหม่ เพราะเดี๋ยวจะพลาดอีก เหมือนที่ฉันเคยพลาดมาแล้ว ฮืออ… คิดแล้วก็เซ็ง แต่ยังไงก็ต้องสู้ต่อ ต้องได้เข้ามหาลัยที่อยากเข้าให้ได้
รอบโควตา ต้องสอบอะไรบ้าง
รอบโควตานี่นะ… มันก็เหมือนโอกาสที่เราไขว่คว้าไว้ก่อนใครเพื่อน
-
GAT มันเหมือนเข็มทิศ วัดว่าเราเข้าใจโลก เข้าใจเรื่องต่างๆ มากแค่ไหน
-
PAT หรือ PAT T เนี่ย… มันเจาะจงลงไปอีก ว่าเราถนัดอะไร จะเป็นหมอ เป็นวิศวะ หรืออะไรที่เราชอบเป็นพิเศษ
บางที… การสอบพวกนี้ มันก็เหมือนการส่องกระจกนะ ทำให้เราเห็นตัวเองชัดขึ้น ทั้งจุดแข็ง จุดอ่อน
แล้วก็… อย่าลืมดู เกณฑ์ ของแต่ละ มหาวิทยาลัย นะ เค้าอยากได้อะไรจากเราบ้าง สำคัญมาก
- บางที่เค้าอาจจะเน้น GPAX หรือ คะแนนเฉลี่ย ของเราด้วยนะ
- บางที่เค้าอาจจะมี สอบสัมภาษณ์ เพิ่มเติม เพื่อดูว่าเรา “ใช่” สำหรับเค้ารึเปล่า
การเตรียมตัวสอบ มันก็เหมือนการเดินทางไกล ต้องมีเป้าหมาย มีแผน แล้วก็ต้องพักบ้าง เหนื่อยก็พักนะ
แล้ว… ถ้าถามว่าทำไมต้องสอบพวกนี้?
- มันก็คงเป็นเพราะเค้าอยากได้คนที่ “พร้อม” ที่สุดมั้ง
- คนที่ “ใช่” ที่สุด สำหรับคณะนั้นๆ
- คนที่ “มีความตั้งใจ” จริงๆ
แต่สุดท้าย… ไม่ว่าจะสอบได้หรือไม่ได้ ก็อย่าเพิ่งท้อนะ ชีวิตมันยังมีอะไรอีกเยอะ
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เด่นคณะอะไร
มหาสารคาม? ศึกษาศาสตร์นี่แหละเด่นสุด รองลงมาเภสัช พยาบาลตามมาติดๆ บัญชีจัดการก็พอไหว
- ศึกษาศาสตร์: อันดับ 1 แน่นอน ไม่ต้องเถียง
- เภสัชศาสตร์: รองลงมา คุณภาพดี
- พยาบาลศาสตร์: ตามมาติดๆ คนอยากเรียนเยอะ
- บัญชีและการจัดการ: อันดับ 4 แต่ก็ใช่ว่าจะแย่
ปี 66 นี่แหละ ข้อมูลสดๆจากปากฉัน อย่ามาถามใหม่นะ
TCAS รอบ 4 เหมาะกับใคร
TCAS รอบ 4 หรือ Admission เหมาะกับ:
- สาย “เด็กเรียน” ตัวจริง: ใครเก็บ GPAX งาม ๆ มาตั้งแต่ ม.4 รอบนี้คือสนามของคุณ เพราะ GPAX คือแต้มต่อสำคัญ (แอบกระซิบว่า พวกวิศวะ มักมองหาเด็กเกรดดี ๆ นะ)
- คนที่ไม่ถนัดสอบ (แต่หัวดี): รอบนี้ใช้คะแนนสอบคล้ายรอบ 3 แต่เน้น GPAX ด้วย ถ้าสอบไม่เปรี้ยงปร้าง แต่เกรดเทพ ก็ยังมีลุ้นอยู่
- คนที่ “รู้ตัวช้า”: บางทีเราอาจจะเพิ่งค้นพบตัวเองตอนใกล้จบ ม.6 รอบ 4 นี่แหละคือโอกาสสุดท้ายที่จะคว้าคณะในฝัน (แต่ต้องรีบเช็คเกณฑ์นะ จำนวนที่นั่งอาจน้อยกว่ารอบอื่น)
ข้อควรรู้เพิ่มเติม (เหมือนเพื่อนเตือน):
- GPAX: คือ เกรดเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตร ม.ปลาย (ยิ่งสูง ยิ่งได้เปรียบ)
- TGAT/TPAT: คือ ข้อสอบวัดความถนัดทั่วไปและความถนัดทางวิชาชีพ (ต้องเตรียมตัวให้พร้อม)
- 9 วิชาสามัญ (A-Level): คือ ข้อสอบวัดความรู้เชิงวิชาการ (แต่ละคณะใช้วิชาไม่เหมือนกัน ต้องศึกษาให้ดี)
- “ทำไมวิศวะถึงชอบเด็กเกรดดี?”: อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะ อาจเพราะวิศวะต้องใช้พื้นฐานแน่น ๆ ถ้าเกรดดีแสดงว่ามีความรับผิดชอบและความเข้าใจในเนื้อหาพอสมควร
แถมท้าย (ปรัชญาชีวิตนิดๆ):
- อย่าท้อแท้ถ้าพลาดจากรอบก่อนๆ ชีวิตมันก็แบบนี้แหละ มีขึ้นมีลง สำคัญคือต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดและเดินหน้าต่อ รอบ 4 อาจเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ที่ดีกว่าเดิมก็ได้ ใครจะรู้ 😉
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต