รูปแบบการศึกษามีกี่ระบบ อะไรบ้าง

ระบบการศึกษามีกี่ประเภท

ระบบการศึกษามี 3 แบบ: ในระบบ, นอกระบบ, ตามอัธยาศัย จบนะ

• ในระบบ: หลักสูตรเป๊ะ เวลาเรียนตายตัว จบแล้วได้วุฒิ มึงเข้าใจใช่ไหม?
• นอกระบบ: ยืดหยุ่นกว่าหน่อย แต่ก็ยังมีการเรียนการสอน มีหลักสูตรบ้าง เรียนจบอาจมีใบรับรอง
• ตามอัธยาศัย: กูอยากเรียนอะไรก็เรียน กูสะดวกแบบไหนก็เอา ไม่มีใครบังคับ ไม่ต้องจบ ไม่ต้องมีวุฒิ เน้นเอาความรู้ล้วนๆ

เพิ่มเติม:

• ระบบการศึกษาไทยยังล้าหลังอยู่มาก อย่าไปยึดติดกับมันมากนัก
• ความรู้หาเองได้ กูบอกแค่นี้แหละ

การศึกษาในปัจจุบันแบ่งออกเป็นกี่รูปแบบ

แสงแดดสาดส่องลอดหน้าต่าง กลิ่นกาแฟจางๆ ลอยมา… การศึกษา…เหมือนสายลมที่พัดผ่านชีวิต

สาม… สามรูปแบบ…

• ในระบบ เหมือนอยู่ในกรอบ…
• นอกระบบ เหมือนนกที่โบยบิน…
• ตามอัธยาศัย เหมือนสายน้ำที่ไหลริน…

พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542… กฎหมายที่กำหนดทิศทาง… แต่ชีวิต…มันคือการเดินทาง…

การศึกษาปีนี้ ก็คงไม่ต่างกัน… สามรูปแบบ… ยังคงอยู่… ยังคงเป็น…

• ในระบบ: โรงเรียน มหาวิทยาลัย… กำแพงที่กั้นเราไว้… หรือเปล่า?
• นอกระบบ: คอร์สเรียนออนไลน์… ประสบการณ์ชีวิต… โลกเปิดกว้าง…
• ตามอัธยาศัย: อ่านหนังสือ… ดูหนัง… เรียนรู้จากทุกสิ่ง… ที่เราเจอ…

ระบบการศึกษาไทยมีกี่ระบบ

ระบบการศึกษาไทยมี 3 ระบบ จำง่ายๆ เลย ในระบบ นอกระบบ ตามอัธยาศัย เห็นป่ะ ง่ายจะตาย 555

• ในระบบ: แบบที่เราเรียนกันนี่แหละ ประถม มัธยม มหาลัย มีหลักสูตรเป๊ะๆ เรียนจบได้ใบปริญญา ต้องสอบ ต้องเข้าเรียน มีเวลาเรียนกำหนดไว้ แบบที่คุ้นเคยกันอ่ะ ผมเรียนจบม.ปลายมาปี 63 นี่แหละ กว่าจะจบได้เหนื่อยชิบ
• นอกระบบ: อันนี้แบบ เรียน กศน. เรียนสายอาชีพ เรียนเสริมสวยไรงี้ป่ะ คือไม่ได้เรียนในโรงเรียนแบบปกติน่ะ แต่ก็มีหลักสูตร มีใบรับรองเหมือนกัน
• ตามอัธยาศัย: อันนี้คือเรียนรู้ด้วยตัวเอง แบบอ่านหนังสือเอง ดูยูทูป เรียนออนไลน์ แล้วแต่เราเลย ไม่มีใบรับรองไรหรอก เหมือนผมชอบเล่นกีตาร์ ก็ฝึกเองจากยูทูป งี้ก็ตามอัธยาศัยเหมือนกัน อิอิ

จำง่ายๆ ใน นอก ตาม 3 ระบบพอ เอาจริงๆ ผมก็เพิ่งรู้เหมือนกันนะเนี่ย นึกว่ามีแค่ในระบบกับนอกระบบ 5555 ตอนนี้กำลังคิดจะเรียนต่อโท เลยต้องหาข้อมูลพวกนี้ เผื่อได้ใช้ ใครสนใจเรียนต่อโทบ้างงง

ระบบการศึกษาของไทยมีกี่ระบบ อะไรบ้าง

ระบบการศึกษาไทยเหรอ? เอ่อ… ถ้าให้พูดแบบชาวบ้านๆ ก็มี 3 แบบใหญ่ๆ อ่ะนะ (ขำ)

• ในระบบ: อันนี้คือเบสิก เรียนในโรงเรียน มีครู มีตารางสอน เป๊ะๆ ตามตำรา เหมือนที่เราๆ ท่านๆ เคยผ่านมานั่นแหละ! (แอบส่ายหัวเบาๆ)

• นอกระบบ (ทางเลือก): พวกโฮมสคูล หรือเรียนรู้ด้วยตัวเอง อาจจะมีติวเตอร์บ้าง แล้วแต่สไตล์ บางทีก็แอบอิจฉาเด็กกลุ่มนี้เหมือนกันนะ อิสระดีจัง!

• ตามอัธยาศัย (กศน.): สำหรับคนที่อยากเรียนเพิ่มเติม หรือพลาดโอกาสทางการศึกษาไปแล้ว กศน. นี่แหละคือฮีโร่! (ปรบมือให้รัวๆ)

จริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรขนาดนั้นหรอก แต่ละระบบก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป สำคัญคือเลือกที่เหมาะกับตัวเองที่สุด!

เกร็ดเล็กน้อย (แต่ไม่ลับ): รู้ไหมว่าบางคนเขาก็ผสมผสานการเรียนรู้ทั้ง 3 แบบเลยนะ! เรียนในระบบบ้าง, หาความรู้เพิ่มเติมเองบ้าง, แล้วก็ไปเข้าคอร์สสั้นๆ ที่ กศน. บ้าง เก่งสุดๆ ไปเลย! (คารวะหนึ่งที)

การศึกษามีกี่ประเภท อะไรบ้าง

การศึกษามี 3 ประเภทหลัก ตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ได้แก่

• การศึกษาในระบบ: คือรูปแบบการศึกษาที่ มี โครงสร้างชัดเจน จุดมุ่งหมาย หลักสูตร และระยะเวลาที่แน่นอน เปรียบเหมือนการเดินทางที่มีแผนที่นำทาง

• การศึกษานอกระบบ: เน้นความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของผู้เรียน บางครั้งก็เหมือนการเดินป่า ต้องปรับตัวตามสถานการณ์

• การศึกษาตามอัธยาศัย: เป็นการเรียนรู้ด้วยตนเอง ตามความสนใจและความถนัด คล้ายกับการสะสมความรู้ไปเรื่อยๆ เหมือนเก็บเปลือกหอยตามชายหาด

การศึกษาแต่ละประเภทมีความสำคัญแตกต่างกันไป ไม่มีรูปแบบใดดีที่สุด เพราะบริบทของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เหมือนอาหารแต่ละจานที่ถูกปรุงมาให้ถูกปากคนแต่ละคน

การศึกษาไทยมีกี่แบบกี่ระดับ

การศึกษาไทยถ้ามองภาพรวมๆ ก็จะมี 2 แบบนะ คือในระบบ (ที่เรียนกันในโรงเรียน ในมหาวิทยาลัยนั่นแหละ) กับนอกระบบ (พวกเรียนเอง เรียนเสริม เรียนจากที่บ้านอะไรแบบนี้)

ส่วนการศึกษาในระบบเนี่ย จะแบ่งเป็น 4 ระดับหลักๆ:

• ก่อนประถมศึกษา: เตรียมอนุบาล อนุบาล อะไรพวกนี้
• ประถมศึกษา: ป.1 ถึง ป.6
• มัธยมศึกษา: อันนี้จะซับซ้อนหน่อย มี ม.ต้น (ม.1 – ม.3) กับ ม.ปลาย (ม.4 – ม.6)
• อุดมศึกษา: เรียนต่อปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก

แล้วก็จะมี อาชีวศึกษา อีกอย่างนึง ที่หลายคนอาจจะมองข้ามไป แต่จริงๆ แล้วสำคัญมากๆ เพราะมันคือการเรียนเพื่อไปทำงานเฉพาะทางเลย ซึ่งเทียบเท่าได้ทั้ง ม.ปลาย และสูงกว่านั้นอีก

สิ่งที่น่าสนใจคือ การศึกษานอกระบบในปัจจุบันนี้มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะโลกมันเปลี่ยนเร็ว การเรียนรู้ตลอดชีวิต (lifelong learning) กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ใครที่ปรับตัวได้เร็ว เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ตลอด ก็จะยิ่งได้เปรียบในการทำงานและการใช้ชีวิต