เทคนิคภาษาอังกฤษมีอะไรบ้าง
เทคนิคพูดอังกฤษคล่อง:
- อย่าเคร่งไวยากรณ์มากเกินไป เน้นสื่อสารให้ได้ความหมายก่อน
- ฝึกใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน เช่น ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ
- เปลี่ยนความคิดเป็นภาษาอังกฤษ คิดเป็นภาษาอังกฤษ แล้วพูดออกมา
- พูดกับตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ ฝึกออกเสียงและความมั่นใจ
- หาเจ้าของภาษาฝึกพูด เรียนรู้สำเนียงและเทคนิคการสนทนา การพูดคุยกับเจ้าของภาษาจะช่วยปรับปรุงการใช้ภาษาและความคล่องแคล่วได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอเป็นกุญแจสำคัญ
เทคนิคภาษาอังกฤษยอดนิยมมีอะไรบ้าง?
อืมม… เทคนิคภาษาอังกฤษเหรอ? ฉันว่านะ อย่าไปซีเรียสเรื่องไวยากรณ์มากเกินไป จำได้สมัยเรียนมหาลัย เพื่อนฉันคนนึง มันพูดอังกฤษเพี้ยนๆ แต่สื่อสารได้รู้เรื่อง เพราะมันกล้าพูด! มันชอบดูซีรี่ย์อังกฤษ ฟังเพลง แล้วก็คุยกับฝรั่งที่มันเจอตามร้านกาแฟแถวจุฬาฯ แบบไม่กลัวผิดเลย ฉันว่านั่นแหละสำคัญสุด
อีกอย่าง คือพยายามใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตจริง อย่างฉัน สมัยทำงานที่บริษัทโฆษณา ปี 2018 มีโปรเจคต้องคุยกับลูกค้าชาวอังกฤษ ตอนแรกก็เกร็งๆ แต่พอเริ่มคุยไป ก็เริ่มชิน ภาษาอังกฤษก็ดีขึ้น คือมันได้ฝึกแบบจริงจังอ่ะ ไม่ใช่แค่ท่องศัพท์อย่างเดียว
แล้วก็เรื่องหาเพื่อนคุย นี่สำคัญมาก ฉันเคยจ้างติวเตอร์ภาษาอังกฤษ ชั่วโมงละ 800 บาท เดือนนึงก็หลายตังค์ แต่ได้ผลจริงนะ คือเขามีเทคนิคการสอน ช่วยแก้จุดอ่อน แล้วก็ช่วยฝึกการพูด แต่ก็เหนื่อยนะ ต้องตั้งใจเรียนจริงๆ
ส่วนเรื่องพูดกับตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ อันนี้ฉันทำบ้าง แต่ไม่ได้ทำบ่อยมาก คือบางทีก็ขี้เกียจ 555 แต่ก็ช่วยได้นะ เหมือนได้ซ้อม แต่ต้องหาอะไรที่มันสนุกๆ จะได้ไม่เบื่อ ไม่งั้นก็ท้อ ลองพูดภาษาอังกฤษกับตัวเองเวลาทำกับข้าว หรือเดินเล่นก็ได้
สุดท้าย หาเจ้าของภาษาคุยด้วยนี่ โคตรดี ได้ทั้งฝึกพูด ได้ทั้งเรียนรู้วัฒนธรรม ยิ่งถ้าเจอคนใจดี ก็จะได้คำแนะนำดีๆ แต่หาคนคุยได้ยากเหมือนกันนะ ต้องพยายามหน่อย
ทําไงให้เรียนอังกฤษเก่ง
อ่ะฮ่า! อยากเก่งอิงลิชแบบไม่ต้องเกิดใหม่? จัดไป! สูตรลับฉบับคนขี้เกียจ (แต่ฉลาดนะ!)
-
แกรมมาร์? โยนทิ้งไปก่อน! (ล้อเล่น!) เริ่มจาก Basic English จริงๆ จังๆ พวก Tense น่ะ สำคัญไฉไล อย่ามองข้ามเชียว
-
โลกนี้มีแต่ศัพท์! มองรอบตัวอะไรเป็นภาษาอังกฤษได้ จับมาท่อง! โต๊ะ เก้าอี้ หมา แมว… แล้วเอามาแต่งประโยค I see a cat. เนี่ย ง่ายสุดๆ!
-
เม้าท์มอยเป็นอิงลิช: บ่นเรื่องรถติด เล่าเรื่องกินข้าว ให้เป็นภาษาอังกฤษซะ! ถึงจะผิดๆ ถูกๆ ก็ช่างมัน เริ่มเลย!
-
เสพติดสื่ออิงลิช: ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม… อะไรก็ได้ที่เป็นภาษาอังกฤษ! แรกๆ ฟังไม่ออก ดูซับเอา! Netflix ไง! ช่วยได้เยอะ
-
ออนไลน์ช่วยชีวิต: คอร์สเรียนออนไลน์มีเป็นล้าน! เลือกที่เหมาะกับ Level ตัวเอง อย่ากระโดดข้ามขั้น เดี๋ยวเงิบ!
-
เข้าสังคม(อิงลิช): หา English club หรือกลุ่มคนชอบภาษาอังกฤษ คุย แลกเปลี่ยน ช่วยเหลือกัน!
-
หาฝรั่ง(มาคุย): ไม่ได้ให้จับฝรั่งนะ! หาเพื่อนต่างชาติไว้คุย แลกเปลี่ยนภาษา กัน เขาช่วยเรา เราช่วยเขา วินๆ!
-
สม่ำเสมอคือหัวใจ: วันละนิดวันละหน่อย ดีกว่าโหมกระหน่ำแล้วเลิก! เหมือนกินยา ต้องกินทุกวัน!
-
อย่ากลัวผิด!: ผิดเป็นครู! ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิด! กล้าพูด กล้าถาม กล้าแสดงออก!
ข้อมูลเพิ่มเติม (แอบกระซิบ):
- ปีนี้ AI เก่งขึ้นเยอะ! ลองใช้ Google Translate ช่วยแปล หรือ ChatGPT ให้ช่วยสอนแกรมมาร์ดิ! ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ!
- แอปเรียนภาษาอังกฤษเยอะมาก! Duolingo, Memrise… เลือกที่ชอบแล้วเล่นไป!
- อย่าลืมหา Motivation! อยากเก่งอังกฤษไปทำไม? จะเอาไปจีบฝรั่ง? จะเอาไปทำงาน? หาเหตุผลให้เจอ แล้วไฟจะลุกพรึ่บ!
เคล็ดลับ: อย่าเครียด! เรียนภาษาอังกฤษให้สนุก! เหมือนเล่นเกม! ถ้าเครียดเมื่อไหร่ พักก่อน! เดี๋ยวค่อยกลับมาลุยใหม่! 😉
ทำไงให้เก่งอังกฤษเร็วๆ
โอ๊ย เรื่องอังกฤษเนี่ยนะ! เมื่อก่อนตอนเรียนมหาลัยปี 1 นี่โคตรเกลียดเลย วิชา ENG101 นี่แบบ…คือต้องเข้าห้องสมุดไปอ่านพวก British Council LearnEnglish ไรเงี้ย อ่านจนเบื่ออะ แต่พอทำงานเท่านั้นแหละ รู้เลยว่าไม่ได้ละ ต้องเอาจริง
- อ่าน: เมื่อก่อนอ่านแต่ข่าว BBC News ตอนนี้อ่าน Reddit พวก AskReddit กับ meme ฮา ๆ เยอะขึ้น ได้ศัพท์แปลก ๆ เพียบเลย (แต่ใช้ในงานไม่ได้นะ 555)
- จด: เมื่อก่อนจดศัพท์ใส่สมุด ตอนนี้ใช้ Google Keep เอา สะดวกดี แถมแชร์ให้เพื่อนได้ด้วย
- ฟัง: เมื่อก่อนฟังแต่เพลงสากล ตอนนี้ฟัง podcast เรื่องผี (ชอบ!) ฟังไปทำงานไป เพลินดี
- ออนไลน์: เมื่อก่อนเรียน Duolingo ตอนนี้ดู Youtube ช่อง Learn English with TV Series คือได้สำเนียง ได้วัฒนธรรมไปพร้อมกัน
- ฝึก: เมื่อก่อนไม่กล้าพูด ตอนนี้คุยกับเพื่อนต่างชาติที่บริษัททุกวัน กล้า ๆ กลัว ๆ แต่ก็ต้องพูดอะ
- กล้า: สำคัญสุดคืออย่ากลัวผิด! ตอนแรก ๆ พูดผิดพูดถูกตลอด แต่พอพูดไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มชิน
ที่สำคัญคือต้องหาอะไรที่เราชอบอะ แล้วเอาภาษาอังกฤษไปผูกกับมัน อย่างเราชอบดูหนังผี ก็เลยดูหนังผี soundtrack แล้วมันก็ซึมซับไปเอง
English Skill Level มีอะไรบ้าง
สายลมพัดโชย ใบไม้ร่วงโรยลงมา เหมือนความทรงจำ… อ้อ! ระดับภาษาอังกฤษนี่เอง
-
A1: เริ่มต้นเลย เหมือนเด็กน้อยหัดพูด คำง่ายๆ สั้นๆ ประโยคพื้นฐาน สื่อสารได้บ้าง แต่ก็งูๆ ปลาๆ เหมือนฉันตอนเรียนมัธยมต้น จำได้ไหม? อื้อหือ นานมากแล้วนะ
-
A2: เริ่มคล่องขึ้น ประโยคยาวขึ้น เริ่มเข้าใจบทสนทนา แต่บางทีก็ยังงงๆ เหมือนตอนฉันไปเที่ยวญี่ปุ่นปีที่แล้ว สั่งอาหารยังผิดเลย ฮ่าๆ
-
B1: เริ่มอ่านหนังสือภาษาอังกฤษได้แล้ว ดูหนังฟังเพลง เริ่มเข้าใจ แต่ยังไม่ลื่นไหล เหมือนตอนเรียนโท อ่านตำราวิจัย เหนื่อยมากกกก
-
B2: สบายขึ้น พูดคุยได้คล่อง เข้าใจได้เกือบหมด เหมือนคุยกับเพื่อนต่างชาติ ได้ แต่บางทีก็ยังต้องคิดก่อนพูดอยู่ดี
-
C1: เก่งแล้ว! เหมือนเจ้าของภาษาเลย อ่านหนังสือวิชาการ สื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ แปลเอกสารได้สบายๆ อิจฉาจัง
-
C2: เทพสุดๆ พูดได้เหมือนเจ้าของภาษา ไม่มีปัญหาเรื่องการใช้ภาษาเลย นี่แหละ เป้าหมายสูงสุดของฉัน!
เวลาช่างผ่านไปไวเหมือนโกหก ฤดูร้อนผ่านไป ฤดูฝนก็มา แล้วก็ฤดูหนาว วนเวียนไปเรื่อยๆ เหมือนระดับภาษาอังกฤษนี่แหละ ต้องเรียนรู้เรื่อยๆ ไม่หยุดนิ่ง
เพิ่มเติม: ลองดูเว็บไซต์ British Council ดูนะ มีรายละเอียดเยอะเลย อัพเดทล่าสุดปี 2566 เห็นแล้วอยากกลับไปเรียนอีกจัง แต่ไม่มีเวลาจริงๆ
เรียนพูดภาษาอังกฤษที่ไหนดี 2567
เฮ้อ… เรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดี ปีนี้ก็เหมือนเดิมสินะ
มันก็วนๆ อยู่แถวนี้แหละ…
- New Stamford School: ชื่อนี้คุ้นๆ นะ เหมือนเคยเห็นโฆษณา
- English Parks: ไม่รู้สิ ไม่เคยลอง
- Globish: อันนี้เหมือนจะดังเรื่องเรียนออนไลน์
- Jigsaw English: ไม่แน่ใจว่าเน้นอะไรเป็นพิเศษ
- Engduo Thailand: เพิ่งเคยได้ยินชื่อนะเนี่ย
- Engoo: เรียนตัวต่อตัวออนไลน์ ราคาน่าจะดี
- Wall Street English: อันนี้แพง แต่เพื่อนเคยเรียนบอกว่าดีจริง
- EF Education First: คุ้นเคยมานาน แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นไงบ้าง
- Modulo: ไม่ค่อยมีข้อมูลเลย
- Inlingua Bangkok: เหมือนจะเน้นธุรกิจนะ
- NOVA: อันนี้เก่าแก่เลย
- Enconcept: น่าจะเน้นสอบ
- InterPass: อันนี้ก็เหมือน Enconcept
- ELSA Speak: แอปฝึกพูด น่าสนใจดี
เมื่อก่อนเคยคิดว่าเรียนที่ไหนก็เหมือนกัน… แต่จริงๆ แล้วมันต่างกันมากเลยนะ
บางที่เน้นแกรมมาร์ บางที่เน้นพูด บางที่เน้นสอบ…
เราต้องรู้ก่อนว่าตัวเองอยากได้อะไร แล้วค่อยเลือกที่ที่เหมาะกับเรา
แล้วก็… ต้องถามตัวเองด้วยว่า “เราจะตั้งใจเรียนจริงๆ ไหม”
เพราะถ้าไม่ตั้งใจ… เรียนที่ไหนก็ไม่ช่วยอะไรหรอก… จริงไหม?
การเลือกที่เรียนภาษาอังกฤษมันเหมือนการเลือกเส้นทางเดิน
เราต้องรู้ว่าจุดหมายปลายทางของเราคืออะไร
แล้วค่อยเลือกเส้นทางที่พาเราไปถึงจุดนั้นได้เร็วที่สุด… และมีความสุขที่สุด
แต่บางที… การเดินหลงทางบ้างก็อาจจะไม่แย่นะ… อาจจะเจออะไรใหม่ๆ ก็ได้
ข้อมูลเพิ่มเติม… (แบบที่ไม่ได้อยากให้เป็นข้อมูลอะไรเลย)
เมื่อก่อนเคยเรียนที่ Wall Street English เพราะเพื่อนแนะนำ
แพงมาก… แต่บรรยากาศดี เพื่อนร่วมห้องเก่งๆ เยอะ
มันทำให้เราฮึดสู้ขึ้นมา… แต่สุดท้ายก็เลิกเรียนไปเพราะขี้เกียจ
ตลกดีเนอะ… จ่ายเงินไปตั้งเยอะ แต่สุดท้ายก็ทิ้งมันไป
บางที… เราก็เป็นแบบนี้แหละ… ทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ เสมอ
สามารถเก่งภาษาภายใน6เดือนไหม
6 เดือน? พอ. ถ้าใจถึง
-
พื้นฐาน: สำคัญกว่าที่คิด เริ่มจากศูนย์? อาจยากหน่อย
-
ความมุ่งมั่น: ไม่ใช่แค่ อยากเก่ง แต่ต้อง ทำจริง
-
วิธีการ: เรียนผิดวิธี 6 ปีก็ไม่เก่ง
-
เป้าหมาย: เก่งแบบไหน? คุยธุรกิจ? อ่านวรรณกรรม? ต้องชัด
-
แช่ตัวเอง: หนีจากภาษาไทยไปซะบ้าง
-
ฝึกพูด: กล้าๆ หน่อย ผิดบ้างถูกบ้าง ช่างมัน
-
“เก่ง” คืออะไร: นิยามเอง วัดผลได้
ข้อมูลเพิ่มเติม: อย่าเชื่อคำว่า “สูตรสำเร็จ” ไม่มีจริง
-
เวลา: 6 เดือน แค่จุดเริ่มต้น
-
พรสวรรค์: มีผล แต่น้อยกว่าความพยายาม
-
ครู: หาคนที่ใช่ ไม่ใช่แค่คนเก่ง
-
แอป: แค่ตัวช่วย อย่าพึ่งมันมากไป
-
หนังสือ: เลือกที่เหมาะกับระดับตัวเอง
-
หนัง/เพลง: ดู ฟัง แล้วพูดตาม
-
เพื่อน: หาคนที่พูดภาษาที่คุณอยากเก่ง
-
“ความสนุก”: สำคัญกว่าที่คิด ถ้าเบื่อ ก็เลิก
-
ผิดพลาด: คือครูที่ดีที่สุด
-
อย่าท้อ: ทางมันยาว
ส่วนตัว: เคยลองมาแล้ว ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง
-
ฟังพอดแคสต์: ระหว่างเดินทาง
-
เขียนไดอารี่: เป็นภาษาที่อยากเก่ง
-
คุยกับตัวเอง: ในกระจก
-
อย่ากลัวที่จะผิด: Nobody’s perfect
-
พักบ้าง: สมองล้า ก็ไม่ไหว
สิ่งสำคัญ: หาแรงบันดาลใจของตัวเองให้เจอ
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต