เรียนคณะไหนตกงานมากสุด

Beyond the Numbers: มองลึกปรากฏการณ์ “เรียนคณะไหนตกงานมากสุด” และทางรอดของบัณฑิตจบใหม่

ในโลกของการศึกษาและการทำงาน, คำถามยอดฮิตที่วนเวียนอยู่ในใจของนักเรียนมัธยมปลายและผู้ปกครองเสมอคือ “เรียนคณะอะไรถึงจะมีงานทำ?” หรือในทางกลับกัน “เรียนคณะอะไรตกงานมากที่สุด?” ข้อมูลสถิติเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของตลาดแรงงาน แต่การมองเพียงแค่ตัวเลขอาจทำให้เราพลาดโอกาสและมองข้ามศักยภาพที่แท้จริงไปได้

บทความนี้ไม่ได้มุ่งเน้นที่จะบอกว่า “คณะ X คือคณะที่ตกงานมากที่สุด” แต่จะเจาะลึกลงไปในปัจจัยที่ส่งผลต่ออัตราการว่างงานในแต่ละสาขา รวมถึงนำเสนอแนวทางที่บัณฑิตจบใหม่สามารถนำไปปรับใช้เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้งานทำ

ทำไมสถิติถึงบอกอะไรเราได้ไม่หมด?

การสำรวจตลาดแรงงานที่มักถูกอ้างอิงนั้น เป็นภาพรวม ณ ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น สถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วตามปัจจัยต่างๆ เช่น สภาวะเศรษฐกิจ, เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง, และนโยบายของรัฐบาล การเจาะจงเพียงคณะใดคณะหนึ่งว่าเป็น “คณะที่ตกงานมากที่สุด” อาจเป็นการตัดสินที่เร็วเกินไป เพราะ

• ความต้องการของตลาดแรงงานเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ: สาขาที่เคยเป็นที่ต้องการอาจไม่เป็นที่นิยมอีกต่อไปในอนาคต และสาขาที่ไม่เคยได้รับความสนใจอาจกลายเป็นที่ต้องการอย่างมาก
• ทักษะและความสามารถส่วนบุคคลสำคัญกว่า: แม้ว่าคณะที่เรียนจะอยู่ในกลุ่มที่มีอัตราการว่างงานสูง แต่หากบัณฑิตมีทักษะที่โดดเด่น, มีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ, และสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ ก็ยังมีโอกาสในการได้งานทำ
• การมองหาโอกาสในสายงานที่เกี่ยวข้อง: บัณฑิตที่จบมาในสาขาหนึ่ง อาจไม่ได้จำเป็นต้องทำงานตรงตามสายที่เรียนมาเสมอไป การมองหาโอกาสในสายงานที่เกี่ยวข้อง หรือการนำความรู้และทักษะที่ได้เรียนมาประยุกต์ใช้กับงานในสาขาอื่น ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ

กรณีศึกษา: สาขาการโรงแรมและการท่องเที่ยว

ตัวอย่างที่ยกมาข้างต้นว่าสาขาการโรงแรมและการท่องเที่ยวมีอัตราการว่างงานสูงถึง 18% เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ สาขานี้ได้รับผลกระทบอย่างมากจากวิกฤตโรคระบาด ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องต้องหยุดชะงัก อย่างไรก็ตาม การท่องเที่ยวก็เป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ และมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวเมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ

สิ่งที่บัณฑิตจบใหม่ในสาขานี้สามารถทำได้คือ:

• เพิ่มทักษะด้านดิจิทัล: การใช้เทคโนโลยีเพื่อโปรโมทธุรกิจ, การจัดการการตลาดออนไลน์, การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า, และการใช้แพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อให้บริการลูกค้า
• พัฒนาทักษะด้านภาษา: ภาษาอังกฤษยังคงเป็นภาษาสำคัญ แต่การเรียนรู้ภาษาที่สาม เช่น ภาษาจีน, ภาษาญี่ปุ่น, หรือภาษาเกาหลี จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำงานกับนักท่องเที่ยวจากประเทศเหล่านี้
• มองหาโอกาสในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง: พิจารณาทำงานในธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวทางเลือก, การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ, หรือการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
• สร้างเครือข่าย: เข้าร่วมงานสัมมนา, งานแสดงสินค้า, หรือกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับผู้ประกอบการและผู้ที่มีประสบการณ์ในวงการ

บทสรุป: ทางรอดของบัณฑิตจบใหม่ในยุคที่ตลาดแรงงานเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ไม่ว่าคุณจะเรียนจบมาในสาขาใด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเตรียมตัวให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ การพัฒนาทักษะที่จำเป็น, การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ, และการมีความคิดสร้างสรรค์ จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในเส้นทางอาชีพ

คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับบัณฑิตจบใหม่:

• อย่ากลัวที่จะเริ่มต้นจากงานที่ไม่ตรงกับความฝัน: งานแรกอาจไม่ใช่จุดหมายปลายทาง แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง
• สร้าง Portfolio: รวบรวมผลงาน, โครงงาน, หรือประสบการณ์ต่างๆ ที่แสดงให้เห็นถึงทักษะและความสามารถของคุณ
• ฝึกฝนการสัมภาษณ์: เตรียมตัวตอบคำถามที่พบบ่อยในการสัมภาษณ์งาน และฝึกฝนการนำเสนอตัวเองอย่างมั่นใจ
• ใช้ประโยชน์จากเครือข่าย: ติดต่อรุ่นพี่, อาจารย์, หรือเพื่อนร่วมงาน เพื่อขอคำแนะนำหรือโอกาสในการทำงาน
• อย่าหยุดที่จะเรียนรู้: ตลาดแรงงานเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จะช่วยให้คุณมีความสามารถในการแข่งขันอยู่เสมอ

ท้ายที่สุดแล้ว การเลือกเรียนคณะอะไรอาจเป็นจุดเริ่มต้น แต่การพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องต่างหากที่จะเป็นตัวกำหนดความสำเร็จในชีวิตการทำงานของคุณ จงมองหาโอกาส, คว้ามันไว้, และอย่าหยุดที่จะพัฒนาตัวเอง