แกรมม่าเกาหลียากไหม

58 การดู

ไวยากรณ์เกาหลีมีความซับซ้อนแต่เรียนรู้ได้ ต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเรียนไปถึงระดับสูง ความยากจะอยู่ที่คำศัพท์ โดยเฉพาะคำศัพท์ที่มีรากศัพท์มาจากภาษาจีน หากไม่มีพื้นฐานภาษาจีนมาก่อน อาจเป็นอุปสรรคสำคัญในการเรียนรู้

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เรียนรู้แกรมม่าภาษาเกาหลี ยากไหม?

ยากไหมนะ? บอกยากอ่ะ คือตอนแรกๆ ที่เรียนไวยากรณ์ภาษาเกาหลี รู้สึกงงๆ กับระบบคำนำหน้า กับคำลงท้าย แต่พอเริ่มจับทางได้ ก็โอเคเลยนะ เหมือนปริศนาที่ค่อยๆ คลี่คลาย ใช้เวลาไปซัก 2-3 เดือน อ่านหนังสือเรียนเล่มละประมาณ 500 บาท ของสำนักพิมพ์ อะไรสักอย่าง จำชื่อไม่ได้แล้ว เรียนเองทั้งหมดเลย ไม่มีติวเตอร์

จริงๆ ไวยากรณ์ไม่ใช่เรื่องยากเท่าคำศัพท์หรอก นี่แหละปัญหาหลัก จำได้เลยว่า ตอนเรียนถึงระดับกลางๆ เจอคำศัพท์จีนเยอะมาก แบบอ่านไม่ออกเลย ต้องไปเปิดดิกฯ บ่อยมาก บางคำก็แปลยาก รู้สึกท้อเลย ใช้เวลานานมากกับส่วนนี้ อาจจะเกือบปี กว่าจะเริ่มคล่อง สุดท้ายก็ยังไม่คล่องอยู่ดี เพราะคำศัพท์มันเยอะจริงๆ

สรุปคือ ไวยากรณ์ภาษาเกาหลี ถ้าตั้งใจเรียน ไม่ยากเกินไปหรอก แต่คำศัพท์นี่สิ ตัวฉุดดึง ต้องใช้เวลา และความอดทนสูงมาก จริงๆนะ ลองดู อาจจะติดใจก็ได้ แต่เตรียมใจไว้กับคำศัพท์เยอะๆ ด้วยล่ะ

ไวยากรณ์ภาษาเกาหลีมีทั้งหมดกี่ตัว

ไวยากรณ์เกาหลี? เยอะชิบหาย

หลักๆ ก็มีพวกนี้:

  • คำชี้: พวก 이/가, 은/는, 을/를 (ประธาน กรรม หัวเรื่อง)
  • คำลงท้าย: -다, -습니다 (บอกเล่า), -까, -ㅂ니까 (คำถาม)
  • ลักษณะนาม: 개, 명, 권 (อัน, คน, เล่ม)
  • คำเชื่อม: 그리고, 그래서, 그러나 (และ, ดังนั้น, แต่)

ใครบอกมีแค่ไม่กี่ตัว หลอกเด็ก

은 는 이 가 ใช้ยังไง

เออ… ไอ้ 은 는 이 가 เนี่ยนะ มันก็แบบ ใช้ในภาษาเกาหลีอ่ะ แหะๆ

  • 이/가 ใช้เน้น ประธาน ของประโยค

    • ใช้กับคำที่ลงท้ายด้วยตัวสะกด
    • ใช้กับคำที่ลงท้ายด้วยสระ
  • 은/는 ใช้เน้น หัวข้อ หรือ สิ่งที่เรากำลังพูดถึง

    • ใช้กับคำที่ลงท้ายด้วยตัวสะกด
    • ใช้กับคำที่ลงท้ายด้วยสระ

มันเหมือนแบบ “เรื่องนี้ไง…” หรือ “สำหรับคนนี้…” อะไรอย่างนั้นอ่ะ คือเน้นว่าเรากำลังพูดถึงใคร หรืออะไรอยู่ เข้าใจป่ะ

เพิ่มเติม:

  • ถ้าเพิ่งพูดถึงอะไรไปหมาดๆ แล้วจะพูดถึงมันอีกรอบอ่ะ ใช้ 은/는 จะดีกว่านะ
  • อี/กา มักใช้ตอนแนะนำอะไรใหม่ๆ หรือเน้นว่า “คนนี้แหละ!” “อันนี้แหละ!” ไรงี้
  • บางที 은/는 ก็ใช้เปรียบเทียบอะไรสองอย่างก็ได้นะ แบบ “อันนี้ดี แต่อันนั้นไม่ดี” อะไรแบบนี้

อืม… สรุปคือ อี/กา เน้นประธาน 은/는 เน้นหัวข้อเรื่อง ประมาณนี้แหละ เข้าใจป่าววะเนี่ย? 555

든지 ใช้ยังไง

อ้าวววว -지 นี่มันอะไรกันเนี่ย! เหมือนปริศนาภาษาเกาหลีที่ซ่อนความลับเอาไว้เลยนะ คิดว่ามันคือเครื่องหมายคำถามเวอร์ชั่นพลังสูง ที่เอาไว้ถามแบบไม่จำกัดเงื่อนไขไง แบบว่า…ถามแบบไม่เกรงใจเลยล่ะ!

  • -지 หลังคำนาม: นึกภาพเป็นป้ายบอกทางที่เขียนว่า “ไม่ว่าอะไรก็ตาม…ตามใจฉันเลย!” มันคือการขยายความคำถามให้กว้างไกลสุดขอบจักรวาล ไม่ต้องมาจำกัดขอบเขตให้เสียเวลา ถามได้ทุกอย่างทุกเวลา เหมือนเปิดโอกาสให้คำตอบวิ่งมาหาเราเองเลยล่ะ อิอิ

  • 언제??지 (ออนเจ??จิ): ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม… ถามได้ทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต แม้แต่ชาติหน้าก็ถามได้! (แต่ได้คำตอบมั้ย อันนี้ไม่รับประกันนะ 555) เหมือนเวลาที่เราถามว่า “แกจะมาสายอีกเมื่อไหร่เนี่ย!?” แต่แบบ…เป็นทางการกว่านิดนึง

  • 누구??지 (นูกู??จิ): ไม่ว่าใครก็ตาม… ไม่ต้องเลือกหน้า ถามได้หมด ไม่ว่าจะเป็นเทพเจ้า มนุษย์ต่างดาว หรือแม้แต่แมวของคุณป้าข้างบ้าน (แต่แมวอาจจะตอบไม่ได้นะ 555+) คือแบบ…กว้างมาก กว้างจนน่ากลัวเลยล่ะ

  • 무엇??지 (มูอ็อท??จิ) / 뭐??지 (มวอ??จิ): ไม่ว่าอะไรก็ตาม… นี่แหละ หัวใจหลักเลย! ถามได้สารพัด ตั้งแต่คำถามโลกแตก ไปจนถึงว่าวันนี้จะกินอะไรดี ความอเนกประสงค์นี่สูงปรี๊ด เหมือนมีดสวิสอาร์มี่ของวงการภาษาเกาหลีเลย

สรุป: -지 นี่มันสุดยอดเครื่องมือถามคำถามที่โคตรเจ๋ง! ถามได้ทุกอย่าง ทุกเวลา ทุกสถานการณ์ แค่เห็นก็รู้แล้วว่า ไม่ธรรมดา เป็นเสน่ห์ของภาษาเกาหลีเลยก็ว่าได้! ลองไปใช้ดูนะ รับรองว่า…สนุกแน่ๆ! (แต่ระวังคำตอบที่ได้จะทำให้คุณอึ้งก็แล้วกัน!)

เพิ่มเติม: ข้อมูลนี้เป็นความรู้จากการศึกษาภาษาเกาหลีในปี 2566 โดยอาจารย์ผู้สอนไม่ได้เน้นให้จำโครงสร้างไวยากรณ์แบบตายตัว แต่เน้นการเข้าใจบริบทและการใช้งานจริงมากกว่า ส่วนตัวผมพบว่าการเรียนแบบนี้เข้าใจง่ายกว่าเยอะครับ

입니다 ใช้ยังไง

โอ้โห! คำถามนี้ทำเอาผมถึงกับต้องหยิบพจนานุกรมเกาหลีมาปัดฝุ่นเลยนะเนี่ย! (แต่จริงๆแล้วผมใช้ Google Translate นั่นแหละ ฮ่าๆ) พูดตรงๆ เลยนะครับ “입니다 (imnida)” เนี่ย มันคือสุดยอดของความสุภาพในภาษาเกาหลีเลยล่ะ เปรียบเหมือนการใส่สูทเข้าเฝ้าเจ้านายเลยทีเดียว ใช้กับประโยคบอกเล่าแบบทางการ อย่างที่คุณยกตัวอย่างมาเป๊ะๆ

  • ความหมายหลัก: เป็น, คือ
  • ใช้กับ: ประโยคบอกเล่าทางการ ไม่ใช่ประโยคคำถาม! (ถ้าเป็นคำถามใช้ “입니까? (imnikka?)” จำให้ขึ้นใจเลยนะ อย่าเผลอไปใช้ผิดล่ะ เดี๋ยวโดนคนเกาหลีมองโคตรเฉยเลย)
  • ความรู้สึก: สุภาพ เรียบร้อย เหมือนคุณกำลังยืนนิ่งๆ ไหว้สวยๆ ให้กับประโยคที่กำลังพูดอยู่

ส่วนเรื่องแนะนำตัว… ผมขออนุญาตไม่แนะนำตัวแบบละเอียดนะ เพราะกลัวจะโดนแฮกข้อมูลส่วนตัว (มุกครับ มุก!) แต่ถ้าอยากรู้ว่าผมเป็นใคร ลองเดาดูสิครับ… ผมอาจจะเป็น AI ที่ฉลาดเป็นกรด… หรืออาจจะเป็นแค่โปรแกรมธรรมดาๆ ที่ฝึกฝนมาอย่างดีก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะ!

เพิ่มเติมเล็กน้อย (แต่สำคัญมาก):

  • ในปี 2024 นี้ การใช้ “입니다” ยังคงเป็นที่นิยมอย่างมากในภาษาเกาหลี โดยเฉพาะในบริบททางการ เช่น การพูดคุยกับผู้ใหญ่ การสัมภาษณ์งาน หรือการเขียนเอกสารอย่างเป็นทางการ อย่าคิดว่ามันล้าสมัยเด็ดขาดนะครับ
  • “입니까? (imnikka?)” เป็นคำลงท้ายประโยคคำถามที่สุภาพ ใช้คู่กับ “입니다” ได้อย่างลงตัวเลยล่ะ จำไว้ให้ดีๆ นะครับ อย่าไปสับสนกับคำลงท้ายแบบอื่น เดี๋ยวจะดูไม่สุภาพเอาได้

เห็นไหมครับ แค่คำลงท้ายประโยค ยังมีความลึกซึ้งซ่อนอยู่เพียบเลย ภาษาเกาหลีมันน่าเรียนรู้จริงๆ ใช่มั้ยล่ะ?

ตัวอักษรเกาหลีมีทั้งหมดกี่ตัว

ตัวอักษรเกาหลีอ่ะนะ ถามว่ามีกี่ตัว? จริงๆ แล้วมันเรียกว่าฮันกึลนะเฟ้ย ไม่ใช่ตัวอักษรภาพแบบจีนนะเว้ย เป็นแบบตัวอักษรแทนเสียงอ่ะ (Alphabet) ง่ายๆเลย

สรุปนะ มีทั้งหมด 24 ตัว อ่ะ คือมี พยัญชนะ 14 ตัว แล้วก็ สระ 10 ตัว จบป่ะ?

  • พยัญชนะ ก็มี ㄱ ㄴ ㄷ ㄹ ㅁ ㅂ ㅅ ㅇ ㅈ ㅊ ㅋ ㅌ ㅍ ㅎ (กึนดีรือมีบือชีอึนจีชือคึทีพีฮือ)
  • สระ ก็มี ㅏ ㅑ ㅓ ㅕ ㅗ ㅛ ㅜ ㅠ ㅡ ㅣ (อา ยา ออ ยอ โอ โย อู ยู อือ อี)

เพิ่มเติม:

  • บางทีเค้าก็เอาพยัญชนะกับสระมาผสมกันนะ เป็นตัวใหม่ขึ้นมาอีก ก็เลยดูเยอะๆ ไง

  • จริงๆ นะ อักษรฮันกึลเนี่ย เค้าว่ากันว่าพระเจ้าเซจงมหาราชเป็นคนคิดค้นขึ้นมาเองเลยนะ เก่งป่ะล่าาา

  • แล้วก็ ฮันกึลเนี่ย เค้าว่ากันว่า เป็นอักษรที่เขียนง่ายที่สุดในโลกเลยนะ เพราะมันมีหลักการชัดเจนมาก

#ภาษาเกาหลี #ยากไหม #ไวยากรณ์เกาหลี