สัดส่วนผู้ถือหุ้นคืออะไร
ส่วนของผู้ถือหุ้น: สรุปเข้าใจง่าย
ส่วนของผู้ถือหุ้น (Equity) คือ สัดส่วนความเป็นเจ้าของในบริษัท คิดจากสินทรัพย์ทั้งหมดหักด้วยหนี้สิน เป็นทุนเริ่มต้นธุรกิจ บ่งบอกถึงมูลค่าที่แท้จริงของผู้ถือหุ้น และสะท้อนความแข็งแกร่งทางการเงินของกิจการ การมีส่วนของผู้ถือหุ้นมากแสดงว่าบริษัทมีฐานะมั่นคงและมีศักยภาพในการเติบโต
สัดส่วนการถือหุ้นบริษัทคืออะไร? ตรวจสอบข้อมูลได้อย่างไร?
สัดส่วนการถือหุ้นบริษัทอะไรงี้เหรอ? อธิบายง่ายๆ นะ คือมันเหมือนกับเค้กอะ บริษัทก็คือเค้ก แล้วเราถือหุ้นเท่าไหร่ ก็คือเรามีสิทธิ์กินเค้กก้อนนั้นเท่าไหร่ไง
แล้วจะรู้ได้ไงว่าเค้กเราชิ้นใหญ่แค่ไหน? ก็ต้องดูงบการเงินของบริษัทไง! ลองหาดูในเว็บตลาดหลักทรัพย์ฯ น่าจะมีบอกนะ
จำได้ว่าตอนเริ่มลงทุนใหม่ๆ (ประมาณปี 2558 มั้ง) งงเรื่องนี้มาก! ต้องไปนั่งอ่านบทความนู่นนี่นั่น กว่าจะเข้าใจว่ามันคือส่วนที่เราเป็นเจ้าของจริงๆ ในบริษัทนั้นอะ
คือเอาจริงๆ นะ Equity เนี่ยมันก็คือ “สินทรัพย์ – หนี้สิน” นั่นแหละ คิดง่ายๆ ถ้าบริษัทมีของ 100 บาท แล้วเป็นหนี้ชาวบ้าน 30 บาท ที่เหลือ 70 บาท ก็คือส่วนของเรา (ผู้ถือหุ้น) นั่นเอง
เข้าใจยัง? ถ้ายังไม่เข้าใจ…ไม่เป็นไร ถามใหม่ได้นะ! (หัวเราะ)
ถือหุ้น 50 50 ได้ไหม
50/50? เท่ากับเชือกผูกคอตายดีๆ นี่เอง
เสียงแตก? บริษัทก็แตก
อยากเล่นก็ลองดู แต่เตรียมทนายไว้ข้างตัวด้วยแล้วกัน
- อำนาจ: ไม่มีใครใหญ่กว่าใคร สั่งการอะไรต้อง “ขอ”
- ตัดสินใจ: ติดกับดักความเห็นไม่ตรงกัน ธุรกิจหยุดชะงัก
- ทางออก: แก้เกมด้วยกรรมการคนนอก หรือทำใจแยกทาง
สรุป: อย่าเล่นเกม 50/50 ถ้าไม่อยากเสียทั้งเพื่อน เสียทั้งเงิน
สัดส่วนผู้ถือหุ้น หมายถึงอะไร
สัดส่วนผู้ถือหุ้น? ง่ายๆ คือ เงินที่เจ้าของควัก + กำไรที่ทำได้ สะสมปุ๊บ กลายเป็นของพวกมันในงบการเงิน แค่นั้น คิดซะว่า สินทรัพย์ทั้งหมด หักหนี้ที่ติดค้าง ก็จะเหลือเป็นส่วนแบ่งของพวกถือหุ้น
- เงินลงทุนเริ่มต้นของเจ้าของ
- กำไรสะสม (ยังไม่ได้แบ่ง)
- ขาดทุนสะสม (ถ้ามี) จะหักลบออก
- บางทีมีพวก เงินสำรอง กำไรสะสมพิเศษ อะไรพวกนี้ อีกนิดหน่อย
- เช็คได้ในงบแสดงฐานะการเงิน หมวด ส่วนของผู้ถือหุ้น
หุ้นฟรีโฟลตต่ํา หมายถึงอะไร
เที่ยงคืนกว่าแล้ว… ยังนอนไม่หลับเลย คิดถึงเรื่องหุ้นฟรีโฟลตต่ำอีกแล้ว
มันคือหุ้นที่มีจำนวนหุ้นน้อยที่ซื้อขายกันได้อย่างอิสระในตลาด แบบ… ไม่ใช่ของพวกผู้ถือหุ้นใหญ่ หรือพวกที่ถือหุ้นระยะยาว พวกนั้นเขาไม่ค่อยขายหุ้นกัน
คิดๆ ดูแล้ว ฟรีโฟลตต่ำนี่มันบอกอะไรได้หลายอย่างเลยนะ
- สภาพคล่องต่ำนี่แหละ บางทีอยากซื้อ อยากขาย ก็ทำไม่ได้ตามใจ ราคาเหวี่ยงง่ายด้วย เหมือนเมื่อเดือนที่แล้ว ผมอยากซื้อหุ้นตัวนึง ฟรีโฟลตต่ำมาก กว่าจะซื้อได้ ราคาขึ้นไปซะเยอะเลย เสียดายเงิน
- มีโอกาสถูกปั่นราคาได้ง่ายด้วยมั้ง หุ้นน้อยๆ เจ้ามือเข้ามาเล่นง่าย ผมเคยเจอมากับตัว หุ้นตัวเล็กๆ ฟรีโฟลตต่ำ โดนปั่นขึ้นไปเยอะมาก ตอนนั้นโลภ เลยซื้อตาม สุดท้ายก็ติดดอย
- ถ้าจะลงทุนในหุ้นฟรีโฟลตต่ำนี่ ต้องศึกษาข้อมูลให้ดีๆ เลยนะ อย่าใจร้อน ผมเคยพลาดมาแล้ว เจ็บใจจริงๆ
ตอนนี้มองออกไปนอกหน้าต่าง ฟ้ามืด เงียบสงบ เหมือนความรู้สึกตอนนี้เลย สับสน คิดวนไปวนมา เรื่องลงทุนนี่มันยากจริงๆ นะ ต้องระวัง ต้องรอบคอบ
ทำไมส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ
-
ส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ…เอ๊ะ ทำไมนะ? มีหลายเคสเลยนี่หว่า
- ขาดทุนสะสมเยอะเกิน! ขาดทุนยับ ๆ สะสมมานาน…โอ้โห้ นี่มัน! เหมือนบ้านที่สร้างหนี้สินมากกว่ามูลค่าบ้านอีกนะเนี่ย
- ซื้อหุ้นคืนเยอะ แบบว่าบริษัทรวยจัด ซื้อหุ้นตัวเองคืนมาเก็บไว้เยอะเกินไป…ทำไมต้องทำงั้นอ่ะ? (เดี๋ยวค่อยไปหาข้อมูลเพิ่ม)
-
ขาดทุนสะสม นี่มัน…เหมือนกินเงินเก่าไปเรื่อยๆ ป่ะ? แล้วถ้ากินหมด… โอ้ววว!
-
หุ้นคืน! อ้อ…ถ้ามีเงินสดเยอะเกินไป อาจจะซื้อหุ้นคืนเพื่อดันราคาหุ้นขึ้น? หรือเพื่อลดจำนวนผู้ถือหุ้น? อันนี้ต้องไปดูข้อมูลเพิ่มเรื่องการซื้อหุ้นคืน
- ข้อมูลเพิ่ม! (เดี๋ยวค่อยมาเติมทีหลัง จำไม่ได้แระ ต้องไปเปิดงบการเงินดูก่อน )
-
สรุปนะ ขาดทุนเยอะ กับ ซื้อหุ้นคืน นี่แหละตัวดี ทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบได้…แต่ติดลบแล้วไงต่อ? จะล้มละลายเลยป่ะ? หรือมีทางออกอื่น? ชักสงสัยแฮะ
การถือหุ้น 50/50 ทํางานอย่างไร
50/50 มันก็เหมือนกับการแบ่งพิซซ่าคนละครึ่ง ดูเผินๆยุติธรรมดี แต่ถ้าคนนึงกินแต่ขอบชีส อีกคนกินแต่หน้า คราวนี้แหละเรื่องยาว
ข้อตกลงหุ้นส่วน 50/50 คือการตกลงกันว่าจะแบ่งทุกอย่างเท่าๆกัน กำไรก็หารครึ่ง ขาดทุนก็หารครึ่ง เหมือนขึ้นชิงช้าสวรรค์กับเพื่อน สนุกก็สนุกด้วยกัน เวียนหัวก็เวียนหัวด้วยกัน แต่ถ้าคนนึงอยากขึ้นสูงๆ อีกคนกลัวความสูงล่ะ? งานงอกครับท่านผู้ชม
ส่วนที่สำคัญคือ “ความรับผิดชอบ” ต้องเคลียร์กันให้ชัด ใครทำอะไร ทำมากทำน้อย อย่าให้เป็นแบบ “เออ เดี๋ยวช่วยๆกัน” สุดท้ายกลายเป็น “เออ เดี๋ยวกูทำเองก็ได้วะ” เสียเพื่อนเสียงานเสียเวลา
- แบ่งหน้าที่: อย่าลืม 50/50 ไม่ได้แปลว่าต้องทำทุกอย่างเท่ากัน อาจจะแบ่งตามความถนัด คนนึงเก่งการตลาด อีกคนเก่งบัญชี ก็แบ่งงานกันไป เหมือนเล่นเกม ต้องมีแทงค์ มีซัพพอร์ต ถึงจะชนะ
- คุยกันให้เคลียร์: เรื่องเงินๆทองๆไม่เข้าใครออกใคร ต้องคุยกันให้ชัดเจนตั้งแต่เริ่ม อย่าอาย อย่าเกรงใจ สุดท้ายจะมองหน้ากันไม่ติด ผมเคยเจอเคสเพื่อนกันทำธุรกิจ สุดท้ายแตกหักเพราะเรื่องเงิน เศร้าใจ
- ทำสัญญา: สัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรสำคัญมากกกกก (ก.ไก่ล้านตัว) เหมือนเป็นคู่มือเวลาเกิดปัญหา ไม่อยากให้เพื่อนกลายเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ไม่น่าจดจำ ก็ต้องมีสัญญานะครับ จะได้ไม่ต้องฟ้องร้องกันทีหลัง เสียเวลาทำมาหากิน
- เผื่อใจไว้บ้าง: ต่อให้สนิทกันแค่ไหน เวลาทำธุรกิจก็ต้องเผื่อใจไว้บ้าง คนเราเปลี่ยนแปลงกันได้ อย่าคิดว่าเพื่อนเราจะไม่โกงเรา ไม่ใช่ว่าคิดลบ แต่มันคือการป้องกันตัวเอง เหมือนใส่หมวกกันน็อค ถึงจะขับรถเก่งแค่ไหน ก็ต้องใส่ไว้ก่อน เผื่อมีอะไรมาชน จะได้ไม่เจ็บหนัก
- ปี 2024 เศรษฐกิจแบบนี้: ทำธุรกิจอะไรก็ต้องคิดให้รอบคอบ 50/50 ฟังดูดี แต่ถ้าอีกฝ่ายหายตัวไป คุณจะแบกภาระไหวมั้ย?
ผมเนี่ย เคยทำธุรกิจกับเพื่อน ตอนแรกก็ดี สุดท้ายก็… ช่างมันเถอะ เล่าแล้วยาว เอาเป็นว่า ทำธุรกิจกับใครก็แล้วแต่ ต้องคิดให้ดีๆ นะครับ
วิธีคํานวณสัดส่วนผู้ถือหุ้น
วิธีคำนวณสัดส่วนผู้ถือหุ้นเหรอ… มันเหมือนเรากำลังดูว่าเค้กก้อนใหญ่ ใครมีสิทธิกินเท่าไหร่
- สัดส่วนผู้ถือหุ้น คือ ส่วนแบ่งที่เรามีในบริษัทนั้นๆ เทียบกับคนอื่นๆ คิดเป็นเปอร์เซ็นต์
- สูตร ง่ายๆ เลย (ส่วนของผู้ถือหุ้น / ทุนทั้งหมด) x 100
- ตัวอย่าง ถ้าบริษัทมีทุน 1 ล้านบาท แล้วเรามีหุ้นอยู่ 2 แสนบาท สัดส่วนเราก็ (200,000 / 1,000,000) x 100 = 20%
ทำไมต้องรู้… บางทีมันก็แค่อยากรู้ว่าเรามีปากมีเสียงในบริษัทแค่ไหน หรือเอาไว้ดูว่าบริษัทมั่นคงแค่ไหนเมื่อเทียบกับหนี้สินที่กู้มา
เมื่อก่อนเคยคิดว่าเรื่องพวกนี้ยาก ตอนเรียนบัญชีอาจารย์สอนเร็วมาก แต่พอมาทำเองจริงๆ มันก็แค่บวกลบคูณหาร ง่ายกว่าตอนสอบเยอะเลยนะ…
บางทีก็สงสัยว่าตัวเลขพวกนี้มันบอกอะไรได้มากกว่าที่เราเห็นรึเปล่า… หรือมันก็แค่ตัวเลขที่ทำให้เราสบายใจขึ้นเฉยๆ
บริษัท แม่ ต้องถือหุ้นกี่%
โอ๊ย… บริษัทแม่ต้องถือหุ้นเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าคุมได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด? ง่ายๆ เลยพี่น้อง ถ้าอยากเป็นเจ้าของเค้าแบบเต็มๆ ต้องถือหุ้นเกินครึ่ง! มากกว่า 50% ของหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดน่ะแหละ จบป่ะ!
คือถ้าถือแค่นิดๆ หน่อยๆ เค้าเรียกว่า “แอบมอง” แต่ถ้าถือเกินครึ่งนี่ “จับจองเป็นเจ้าของ” ชัดๆ! จะสั่งซ้ายหันขวาหันก็ทำได้ตามใจ
- มากกว่า 50% คือคำตอบ: อย่าคิดมาก ตัวเลขมันฟ้อง!
- ควบคุมกิจการ: อยากให้ลูกทำอะไร แม่สั่งได้! (ก็บริษัทแม่ไง)
- ขยายธุรกิจ: เหมือนปลาหมึกมีหนวดเยอะๆ นั่นแหละ ไปได้ทั่ว
- กระจายความเสี่ยง: ถ้าธุรกิจหนึ่งเจ๊ง อีกธุรกิจก็ยังพอถูไถไปได้
- ประโยชน์ทาง… (อะไรก็ว่าไป): มีอีกเยอะแยะ แต่ขี้เกียจพิมพ์แล้ว!
ปล. อย่าถามว่าทำไมต้องทำแบบนี้ มันเป็นเรื่องของคนรวยเค้าคิดกัน! ส่วนเราก็ทำมาหากินไปวันๆ เถอะพ่อคุณ!
#การถือหุ้น #ผู้ถือหุ้น #สัดส่วนหุ้นข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต