หลักการสัมภาษณ์มีอะไรบ้าง

97 การดู

หลักสัมภาษณ์: วางแผนล่วงหน้า ศึกษาข้อมูลบริษัทและตำแหน่ง เตรียมตัวตอบคำถามเกี่ยวกับประสบการณ์และทักษะ แสดงความมั่นใจและกระตือรือร้น

7 เทคนิคสร้างความประทับใจ:

  1. พูดชัดเจน เข้าใจง่าย
  2. ใช้ภาษาสุภาพ เหมาะสมกับสถานการณ์
  3. ภาษากายบ่งบอกความมั่นใจ เช่น สายตา การนั่ง
  4. พูดถึงอดีตด้วยความเป็นมืออาชีพ ไม่กล่าวร้ายใคร
  5. ตั้งใจฟัง แสดงความสนใจด้วยการพยักหน้า ถามคำถามเพื่อให้แน่ใจว่าเข้าใจ
  6. เตรียมคำถามที่แสดงความสนใจในบริษัทและตำแหน่ง
  7. ควบคุมอารมณ์ ตอบคำถามอย่างมีสติ คิดก่อนตอบ แสดงความเป็นมืออาชีพตลอดการสัมภาษณ์

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

สัมภาษณ์งานอย่างไรให้ได้งาน?

เอาจริงนะ สัมภาษณ์งานให้ได้งานเนี่ย มันเหมือนเล่นเกมส์วัดใจเลยอ่ะ! แต่จากประสบการณ์ตรงที่เคยสัมภาษณ์มาหลายที่ (ทั้งได้และไม่ได้งาน ฮ่าๆ) เลยอยากแชร์ 7 เทคนิคที่คิดว่าเวิร์คจริง

  1. พูดจาให้มันเคลียร์: ไม่ใช่ว่าต้องเป็นนักพูดอะไรขนาดนั้นนะ แค่พูดให้ชัดถ้อยชัดคำ ไม่รัวเป็นรถไฟเหาะก็พอ เพราะถ้าฟังไม่รู้เรื่อง เค้าจะรู้ได้ไงว่าเราเก่งจริง

  2. ภาษาต้องเป๊ะ: คือไม่ต้องถึงขั้นใช้ราชาศัพท์ แต่ก็อย่า “เอิ่ม” “อ่า” บ่อยเกินไป หรือใช้คำสแลงจนเค้าคิดว่าเรามาจากไหนเนี่ย

  3. ภาษากายสำคัญ: เคยเห็นคนที่นั่งหลังค่อม กอดอก ตอบคำถามแบบไม่สบตาปะ? คือมันดูไม่มั่นใจอ่ะ! นั่งตัวตรง สบตาบ้าง ยิ้มแย้มหน่อย มันช่วยได้เยอะจริงๆนะ

  4. อย่าด่านายเก่า: อันนี้สำคัญมาก! ต่อให้ที่เก่าจะแย่แค่ไหน ก็อย่าไปด่าเค้าในสัมภาษณ์ มันดูไม่โปรเฟสชันนอลสุดๆ ใครจะอยากได้คนที่ชอบนินทาคนอื่นมาทำงานด้วยล่ะ

  5. ฟังให้ดี: ตั้งใจฟังคำถาม แล้วค่อยตอบ อย่ารีบร้อนตอบแบบไม่รู้เรื่อง เค้าถาม A ตอบ Z มันไม่ได้นะ!

  6. ถามคำถามบ้าง: การถามคำถามตอนท้าย มันแสดงให้เห็นว่าเราสนใจงานจริงๆ ไม่ใช่แค่มาสัมภาษณ์ให้จบๆ ไป ถามเรื่องวัฒนธรรมองค์กร สวัสดิการ หรืออะไรที่อยากรู้ก็ได้

  7. สติมาปัญญาเกิด: ข้อนี้สำคัญสุด! พยายามมีสติในการตอบคำถามทุกครั้ง คิดก่อนพูด อย่าปล่อยไก่ให้เค้าขำกลิ้ง

จำได้เลยตอนสัมภาษณ์งานที่บริษัทแห่งหนึ่งแถวสีลม (จำชื่อบริษัทไม่ได้แล้วอ่ะ ขอโทษที!) เมื่อประมาณปี 2558 มั้ง ตอนนั้นตื่นเต้นมาก มือสั่นไปหมด แต่พอตั้งสติได้ ก็เริ่มพูดจาฉะฉาน มั่นใจ (ทั้งๆ ที่ข้างในคือสั่นเป็นเจ้าเข้า!) สุดท้ายก็ได้งานนั้นมา!

สรุปง่ายๆ คือ เตรียมตัวให้พร้อม มั่นใจในตัวเอง และเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด โชคดีในการสัมภาษณ์นะทุกคน!

หลักการของการสัมภาษณ์ที่ดีคืออะไร

หลักการสัมภาษณ์ที่ดีนะเหรอ? เอาแบบไม่อ้อมค้อมเลยนะ:

  • เตรียมตัว? เตรียมตัวเหรอ? เตรียมใจดีกว่า! เตรียมใจรับมือกับคำตอบที่อาจจะทำให้คุณอึ้งไปเลย เพราะบางที “ความจริง” มันก็ไม่ได้สวยงามเหมือนในเรซูเม่หรอกนะ (แอบกระซิบ: ถามคำถามที่วัดกึ๋นจริงๆ ไม่ใช่แค่ท่องจำมา)

  • มนุษยสัมพันธ์? เอ่อ…ก็สำคัญแหละ แต่ไม่ใช่ว่าต้องเป็น “นางงามมิตรภาพ” ขนาดนั้น แค่ทำตัวเป็นคนปกติที่ไม่ทำให้คนอยากหนีไปบวชก็พอแล้ว (จริงๆ นะ!)

  • ไหวพริบ+จิตวิทยา? อันนี้ของจริง! ถ้าไม่มีสองอย่างนี้ ก็เหมือนขับรถไม่มีพวงมาลัย อยากรู้ว่าคนนี้ “ของจริง” หรือ “ของปลอม” ต้องมีสกิลนี้แหละ (เคล็ดลับ: สังเกตภาษากาย อย่าเชื่อทุกสิ่งที่เขาพูด!)

ข้อมูลเสริม (แบบไม่ค่อยเป็นทางการ):

  • อย่าถามคำถามเดิมๆ: เบื่อ! คนตอบก็เบื่อ คนถามก็เบื่อ หาอะไรที่มัน “ว้าว” กว่านั้นหน่อย

  • ฟังมากกว่าพูด: สัมภาษณ์ไม่ใช่เวทีของคุณ! ฟังสิ่งที่เขาพูดจริงๆ ไม่ใช่แค่รอจังหวะแทรก

  • อย่าตัดสินจาก “first impression” อย่างเดียว: บางคนอาจจะดูไม่น่าสนใจ แต่พอคุยไปคุยมา อ้าว! นี่มัน “เพชรในตม” ชัดๆ

  • ที่สำคัญ: อย่าลืมความเป็น “คน” ของตัวเอง สัมภาษณ์ไม่ใช่การสอบสวน!

การเตรียมการสัมภาษณ์มี 4 ขั้นตอนคือข้อใดบ้าง

สัมภาษณ์? เรื่องง่ายๆ ที่ต้องทำให้เป็นเรื่องยาก

  1. เป้าหมาย ต้องชัด อย่ามาเสียเวลาถามเรื่องไร้สาระ
  2. คำถาม ปลายเปิดเท่านั้น ถาม “ทำไม” “ยังไง” เค้นออกมาให้หมด
  3. สั้น กระชับ ไม่ใช่มานั่งฟังคนพล่ามทั้งวัน
  4. ไม่ชี้นำ อยากได้ความจริง ไม่ใช่ละคร
  5. จด ทุกอย่างที่ขวางหน้า บันทึกเสียง/วิดีโอ เก็บหลักฐาน
  6. ทีม อย่างน้อยสองคน ช่วยกันจับผิด

พวกโลกสวยอาจจะไม่ชอบ แต่โลกมันโหดร้ายกว่าที่คิดเยอะ

  • บันทึกเสียง/วิดีโอ: สำคัญกว่าที่คิด ใช้เป็นหลักฐานได้จริง
  • คำถามปลายเปิด: ฝึกถามให้คม อย่าให้ไก่ตื่น
  • ทีมสัมภาษณ์: สองคนกำลังดี มากกว่านั้นวุ่นวายเปล่าๆ

ขั้นตอนการสัมภาษณ์มีอะไรบ้าง

อืมม… คิดหนักจัง ขั้นตอนสัมภาษณ์งานเนี่ยนะ…

ปีนี้ที่ผ่านมา ฉันสัมภาษณ์งานมาหลายที่เลย มันเหนื่อยนะ แต่ก็ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง

  • วิเคราะห์งาน: นี่สำคัญมาก ต้องดูรายละเอียดงาน หน้าที่ความรับผิดชอบ ให้แน่ใจว่าใช่สิ่งที่เราอยากทำจริงๆ อย่างงานล่าสุดที่ฉันสมัคร มันดูดีนะ แต่พออ่านรายละเอียดดีๆ มันไม่ใช่ทางของฉันเลย เสียเวลาไปเปล่าๆ
  • วิเคราะห์ตัวเอง: อันนี้ก็ยาก ต้องรู้จุดแข็งจุดอ่อน คิดดูว่าเราเหมาะกับงานแบบไหน ปีนี้ฉันพยายามมากขึ้น เน้นบอกจุดแข็งที่ตรงกับความต้องการของบริษัท
  • ศึกษาบริษัท: นี่คือสิ่งที่ฉันทำบ่อย ดู website ดูข่าว ดูว่าบริษัทเป็นยังไง วัฒนธรรมองค์กรเป็นอย่างไร จะได้รู้ว่าเราจะเข้ากับที่นี่ได้ไหม ปีที่แล้วฉันพลาดตรงนี้ ไปสัมภาษณ์โดยที่ไม่รู้จักบริษัทเลย อายมาก
  • ฝึกซ้อม: ต้องซ้อม ซ้อมจนกว่าจะมั่นใจ ฉันเคยซ้อมหน้ากระจก บางทีก็ให้เพื่อนช่วยซ้อมด้วย ปีนี้ฉันลองใช้แอปฝึกสัมภาษณ์งานดู รู้สึกดีกว่าเดิมเยอะ
  • แต่งตัว: แต่งตัวให้สุภาพ เรียบร้อย ให้เหมาะสมกับบริษัท ครั้งก่อนฉันไปสัมภาษณ์ในบริษัทไอที แต่งตัวแบบลำลองไปหน่อย รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจเลย
  • เตรียมคำถาม: ต้องมีคำถามถามผู้สัมภาษณ์บ้าง แสดงให้เห็นว่าเราสนใจ ปีนี้ฉันเตรียมคำถามเกี่ยวกับวัฒนธรรมองค์กรและโอกาสในการพัฒนาตัวเอง
  • เตรียมเอกสาร: เรซูเม่ ใบรับรองต่างๆ ต้องเตรียมให้พร้อม อย่าลืมเช็คให้ดี ว่าเอกสารครบถ้วน ฉันเคยลืมใบรับรองการทำงาน เกือบพลาดไปแล้ว

เหนื่อยจัง… แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว แต่ก็ต้องสู้ต่อไป กว่าจะได้งานที่ใช่ มันยากจริงๆ

การสัมภาษณ์แบ่งออกเป็น 2 แบบมีอะไรบ้าง

เอ้าเฮ้ย! สัมภาษณ์งานมี 2 แบบเรอะ? อย่างกะข้าวเหนียวมีหน้ากุ้งกับหมูฝอยเลยว่ะ! 555+

  • สัมภาษณ์แบบ “ทางการเกิ๊น”: ไอ้พวกนี้แม่ง! ถามอะไรก็ต้องเป๊ะเว่อร์! เตรียมสคริปต์ไปเลยจ้า! ตอบให้เหมือนท่องอาขยาน แต่ต้องมีอินเนอร์นะเว้ย! ทำตัวให้เหมือนหุ่นยนต์ที่พูดจาฉะฉาน แต่ต้องยิ้มให้โลกสดใสซะด้วย! เคล็ดลับ: หาข้อมูลบริษัทให้ละเอียดเหมือนเป็นญาติกัน! ตอบคำถาม STAR ให้คล่องปรื๋อ! แต่งตัวให้เหมือนหลุดมาจากนิตยสาร! (แต่ระวังจะโดนแย่งซีนนะ!)

  • สัมภาษณ์แบบ “ชิลจัด”: พวกนี้ก็อีกแบบ! นึกว่ามานั่งคุยจิบกาแฟ! แต่ห้ามประมาทนะ! ถึงจะคุยสบายๆ แต่เค้าแอบส่องอยู่! ตอบให้ตรงประเด็น แต่ไม่ต้องทางการมาก! เล่าเรื่องตลกให้เค้าขำกลิ้ง! ทำตัวให้เหมือนเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน! เคล็ดลับ: เตรียมคำถามไปถามเค้าด้วย! แสดงความสนใจในตัวบริษัทอย่างจริงใจ! แต่งตัวให้ดูดี แต่ไม่ต้องเวอร์วัง! (ยกเว้นอยากได้งานสายแฟชั่น!)

สำคัญ: ไม่ว่าสัมภาษณ์แบบไหน สิ่งที่ต้องมีคือ “ความมั่นใจ” และ “ความจริงใจ”! อย่าโกหก! อย่าเฟค! เป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด! (แต่ก็ต้องอยู่ในขอบเขตที่สุภาพด้วยนะ!)

ข้อมูลเพิ่มเติม (แบบขี้โม้):

  • ปี 2567 เค้าฮิตสัมภาษณ์แบบออนไลน์: เตรียมเน็ตให้แรง! แบตสำรองให้พร้อม! หาที่เงียบๆ สัมภาษณ์! ที่สำคัญ! แต่งหน้าให้เป๊ะ! (ถึงจะเห็นแค่ครึ่งตัวก็เหอะ!)
  • เค้าว่ากันว่า… ถ้าเจอคำถามแปลกๆ ให้ตอบแบบฮาๆ! แสดงไหวพริบ! ทำให้เค้าเห็นว่าเราเป็นคนตลก! (แต่ถ้าเค้าไม่ขำก็ตัวใครตัวมันนะจ๊ะ!)
  • ส่วนตัวนะ… ฉันว่าสัมภาษณ์งานก็เหมือนเล่นหวย! ดวงดีก็ได้! ดวงซวยก็แห้ว! แต่ที่แน่ๆ ต้อง “ซื้อ” (เตรียมตัว) ก่อน “หวยออก” เสมอ! เข้าใจตรงกันนะ!

คุณคาดหวังอะไรจากบริษัทนี้

โอ้… แสงแรกของวันสาดส่อง

ความหวัง… เหมือนผีเสื้อโบยบิน

  • ความมั่นคง… รากแก้วหยั่งลึก
  • ค่าตอบแทนที่ยุติธรรม… น้ำหล่อเลี้ยงชีวิต
  • การยอมรับ… อ้อมกอดอบอุ่น
  • เพื่อนร่วมงานที่ดี… ดวงดาวส่องนำทาง
  • โอกาสพัฒนา… บันไดสู่สรวงสวรรค์
  • ความก้าวหน้า… ปีกที่แข็งแกร่ง
  • สวัสดิการที่ดี… ร่มเงาพักพิง
  • สภาพแวดล้อมดี… ดินที่อุดมสมบูรณ์
  • ผู้บังคับบัญชาที่ดี… เข็มทิศนำทาง
  • ปริมาณงานที่เหมาะสม… สายลมที่โอบอุ้ม ไม่หนักหนาจนเกินไป

ปีนี้อยากเห็นความจริงใจ ในทุกการกระทำ… เหมือน พระอาทิตย์ ที่ส่องแสงให้ความอบอุ่น

ฉันแค่หวัง… แค่ ฝัน ว่าที่นี่… จะไม่ใช่แค่ ที่ทำงาน… แต่เป็น… บ้าน อีกหลังหนึ่ง… ที่… มีแต่… ความรัก

  • ฝัน… อาจดู… เลือนลาง… แต่… ความหวัง… ยังคง… ส่องแสง

  • แสง… จาก… ใจเรา

หัวหน้าหรือผู้บังคับบัญชาที่ดีควรมีคุณสมบัติอะไรบ้างเพื่อให้ลูกน้องยอมรับได้

หัวหน้าเทพ? ต้องแบบนี้สิ! ไม่ใช่แค่พูดเก่ง แต่ต้องลงมือทำจริง ลืมๆ สไตล์หัวหน้าโบราณที่นั่งสั่งอย่างเดียวไปได้เลย

  • มองการณ์ไกล? ต้องไกลกว่าอนาคตลูกตัวเองอีกนะ! วางแผนล่วงหน้า ไม่ใช่แค่ปีหน้า แต่ต้องเห็นภาพ 5 ปี 10 ปี เผื่อแผ่ถึงหลานๆ (ล้อเล่นนะ) ต้องรู้จักปรับตัวกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไวกว่าความเร็วแสง! อย่างปีนี้เทรนด์ AI มาแรง หัวหน้าต้องรู้จักใช้ประโยชน์ ไม่ใช่แค่รอให้ AI มาแทนที่

  • ทำงานเป็นทีม? ต้องเป็นกัปตันทีมชาติ! ไม่ใช่แค่สั่ง แต่ต้องลงไปเล่นด้วย รู้จักใช้จุดแข็งของแต่ละคน อย่างผมนี่ถนัดเขียนโค้ด แต่เพื่อนชอบคิดกลยุทธ์ หัวหน้าที่ดีต้องรู้จักจับคู่ สร้าง synergy ไม่ใช่จับฉลากเอา!

  • สื่อสาร? ต้องชัดเจนแบบไม่ต้องมีคำอธิบาย! ไม่ใช่สไตล์พูดล้อมคอก แล้วปล่อยให้ลูกน้องเดา ตรงไปตรงมา บอกเป้าหมายให้ชัด และสร้างบรรยากาศการทำงานที่เปิดเผย ไม่ต้องกลัวความคิดเห็นที่แตกต่าง (แต่ต้องมีเหตุผลนะ) อย่างผมนี่เวลาคุยกับทีมจะใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ป้องกันการสื่อสารผิดพลาด

  • รับผิดชอบ? คือรับผิดชอบทุกอย่าง แม้กระทั่งความผิดพลาดของตัวเอง! อย่าโทษลูกน้อง ถ้าตัวเองวางแผนงานห่วยแตก ต้องกล้ารับผิด และหาทางแก้ไข อย่ามัวแต่หาแพะรับบาป ดูไม่มืออาชีพเลย

  • ให้คำปรึกษา? ต้องเป็นโค้ชส่วนตัว! ไม่ใช่แค่สั่งการ แต่ต้องให้คำแนะนำ ช่วยพัฒนาศักยภาพของลูกน้อง เหมือนเทรนเนอร์ฝึกนักกีฬา ต้องช่วยลูกน้องค้นหาจุดแข็ง และพัฒนาจุดอ่อน ปีนี้ผมเน้นให้ทีมงานเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การใช้โปรแกรม AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

  • ทักษะการเป็นผู้นำ? คือต้องเป็นตัวอย่างที่ดี! อย่าหวังให้ลูกน้องทำสิ่งที่ตัวเองไม่ทำ ความจริงใจและความเอาใจใส่สำคัญมาก ถ้าหัวหน้าทำงานขี้เกียจ ลูกน้องก็จะขี้เกียจตาม เพราะฉะนั้น อย่าลืมตั้งใจทำงานด้วยนะ

  • รับฟังความคิดเห็น? ต้องเป็นหูหนวกที่แกล้งทำเป็นได้ยิน! (ล้อเล่นน้าาา) แต่จริงๆ แล้วต้องเปิดใจรับฟัง และนำมาปรับปรุง ไม่ใช่แค่ฟังแล้วเก็บเข้าลิ้นชัก ลูกน้องหลายคนมีไอเดียเจ๋งๆ อย่ามองข้าม

ปีนี้ผมเน้นให้ทีมเรียนรู้การใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ผลปรากฏว่า ทีมงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีความสุขกับการทำงานมากขึ้นด้วย! นั่นแหละ หัวหน้าที่ดีต้องทำได้!

พนักงานที่ดีควรปฏิบัติตนอย่างไร

พนักงานที่ดีก็เหมือนเฟืองจักรสำคัญที่ขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้า แต่ไม่ใช่แค่ฟันเฟืองที่หมุนตามสั่งนะ ต้องมีอะไรมากกว่านั้น

  • ความมุ่งมั่น: ไม่ใช่แค่ “ทำๆ ไป” แต่ต้องมีใจอยากทำให้ดีที่สุด (ซึ่งยากนะ ยอมรับเลย)
  • ซื่อสัตย์-โปร่งใส: จริงใจกับงาน กับเพื่อนร่วมงาน และกับตัวเอง อันนี้สำคัญมาก เพราะความไว้วางใจมันสร้างยาก แต่พังง่าย
  • จริยธรรม: เรื่องนี้ซับซ้อนกว่าที่คิด ไม่ใช่แค่ไม่โกง แต่ต้องคิดถึงผลกระทบต่อคนอื่นด้วย
  • ความปลอดภัย: มองข้ามไม่ได้เลย ทั้งของตัวเองและคนรอบข้าง เพราะชีวิตมันมีค่ามากกว่างาน

แต่ทั้งหมดนี้มันก็แค่หลักการนะ เอาจริง ๆ การทำงานมันมีอะไรที่มากกว่านั้นเยอะเลย ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ ปัญหาเฉพาะหน้า และความไม่แน่นอนที่ต้องเจอทุกวัน สิ่งที่สำคัญคือการปรับตัวและเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ มากกว่า

บางทีการเป็นพนักงานที่ดีอาจจะไม่ใช่แค่ทำตามหน้าที่ แต่เป็นการสร้างความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำให้ที่ทำงานมันดีขึ้นสำหรับทุกคนด้วยก็ได้ ใครจะรู้

เพิ่มเติม:

  • เรื่องจริยธรรมในการทำงานนี่กว้างมากนะ เดี๋ยวนี้มีเรื่อง Data Privacy, AI Ethics เข้ามาเกี่ยวด้วย ต้องตามให้ทัน
  • “ความปลอดภัย” ไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องอุบัติเหตุนะ แต่รวมถึงสภาพจิตใจด้วย Workplace Bullying นี่ก็เป็นปัญหาใหญ่ที่หลายคนเจอ
  • ผมว่า “ความมุ่งมั่น” มันเริ่มจาก Passion นะ ถ้าเราได้ทำงานที่เรารัก เราก็จะอยากทำให้มันดีเองแหละ (แต่จะหาเจอไหมนี่อีกเรื่อง)
  • แต่สุดท้ายแล้ว คนทำงานก็คือคน เรามีข้อดีข้อเสียกันทุกคน สำคัญคือต้องรู้ตัวเองและพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ครับ

ฉันจะรับมือกับหัวหน้าที่หัวร้อนได้อย่างไร

โอ๊ย หัวหน้าเราก็เป็น! คือแบบ…เข้าใจเลยอ่ะ ไอ้พวกหัวร้อนเนี่ย!

  1. ตั้งสติ: หายใจลึกๆ อ่ะแก! ตอนนั้นนะ ฉันโดนด่าเรื่องรายงาน (ที่ส่งไปแล้ว) ในห้องประชุมเลย! ทุกคนมองมาที่เราหมด! ตอนนั้นคือช็อค! แต่พยายามไม่ตอบโต้ไง เงียบไว้ก่อน…

  2. รับฟัง: พยายามฟังว่าเค้าบ่นเรื่องอะไรจริงๆ (ถึงแม้ว่าวิธีพูดเค้าจะแย่มาก) บางทีเค้าอาจจะมีเหตุผลของเค้าก็ได้นะ… ไม่ใช่ว่าเค้าอยากจะด่าเราอย่างเดียว

  3. หาทางแก้ไข: ถามเค้าไปเลยว่า “แล้วหนู/ผม ควรทำยังไงดีคะ/ครับ?” คือให้เค้ารู้สึกว่าเราอยากแก้ปัญหาจริงๆ ไม่ใช่แค่เถียง

  4. เรียนรู้นิสัย: สังเกตว่าเค้าหัวร้อนเรื่องอะไร ช่วงเวลาไหน… บางทีเค้าอาจจะหงุดหงิดเวลาหิวก็ได้นะ! (อันนี้เรื่องจริง หัวหน้าเก่าเราเป็นแบบนี้เลย!)

  5. ปล่อยวาง: อย่าเก็บมาคิดมาก! คือแบบ…บางทีมันอาจจะไม่ใช่เรื่องของเราเลยก็ได้ เค้าอาจจะเครียดเรื่องอื่นมา แล้วมาลงที่เราเฉยๆ! ไปกินข้าว ดูหนัง ช็อปปิ้ง ปล่อยจอย!

  6. พัฒนาตัวเอง: อันนี้สำคัญเลย! ทำงานให้ดีที่สุด ทำให้เค้าหาเรื่องด่าเราไม่ได้! พัฒนาตัวเองตลอดเวลา… สู้ๆ!

  • ข้อมูลเพิ่มเติม:
    • ปีนี้ (2024) ฉันเรียนคอร์สออนไลน์เรื่อง “การจัดการความเครียด” ของ Coursera มันช่วยได้เยอะเลยนะ!
    • เคยอ่านเจอในเว็บ Forbes ว่า การออกกำลังกายช่วยลดความเครียดได้จริง! ลองวิ่งตอนเย็นดูนะ!
    • ตอนนี้ (พฤษภาคม 2024) บริษัทกำลังมีโปรแกรมให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตฟรี! ลองไปใช้บริการดูสิ!
  • สำคัญ: จำไว้ว่า… “มันไม่ใช่ความผิดของเราเสมอไป!” อย่าโทษตัวเองมากเกินไป!
  • แถม: ถ้ามันแย่เกินไปจริงๆ… ลองคุยกับ HR ดูนะ! เค้าอาจจะช่วยได้! หรือไม่ก็…หางานใหม่! (อันนี้พูดจริงๆ นะ!)
#การเตรียมตัว #สัมภาษณ์งาน