ทำไมถึงเรียก2โมงเช้า

สองโมงเช้า…เวลาที่แสนเงียบสงบ เวลาที่แสงแดดแผ่วเบา ยังไม่ทันได้สัมผัสกับความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ เวลาที่หลายคนยังคงหลับใหล ฝันหวานอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่นๆ แต่คำว่า สองโมงเช้า นี้ กลับซ่อนเร้นความลับทางภาษาและประวัติศาสตร์เอาไว้ ซึ่งหลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน มันไม่ได้หมายถึงเวลา 02.00 น. เสมอไป อย่างที่เราเข้าใจกันในปัจจุบัน

ในอดีต ระบบการบอกเวลาของไทยนั้นแตกต่างจากปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง เราไม่ได้ใช้ระบบ 24 ชั่วโมง ที่แบ่งวันออกเป็น 24 ชั่วโมง เริ่มต้นตั้งแต่ 00.00 น. ถึง 23.59 น. แต่ใช้ระบบที่เรียกว่า ระบบ 6 ชั่วโมงต่อโมง นั่นหมายความว่า หนึ่ง โมง ในสมัยก่อน กินเวลาถึง 6 ชั่วโมง ไม่ใช่แค่ 1 ชั่วโมง เหมือนที่เราใช้กันอยู่ในทุกวันนี้

การนับเวลาเริ่มต้นจากเวลา 6 นาฬิกา (06:00 น.) ซึ่งถือเป็น หนึ่งโมงเช้า เวลา 12 นาฬิกา (12:00 น.) จึงเป็น สองโมงเช้า และเวลา 18 นาฬิกา (18:00 น.) ก็เป็น สามโมงเช้า เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนครบ 24 ชั่วโมง จึงจะครบ 4 โมงเช้า นับเป็นระบบการบอกเวลาที่แปลกตา และอาจสร้างความสับสนให้กับผู้ที่ไม่คุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง

ดังนั้น สองโมงเช้า ในภาษาไทยโบราณ จึงหมายถึงเวลาประมาณ 12 นาฬิกา (12:00 น.) หรือเที่ยงวัน ซึ่งเป็นเวลาที่ดวงอาทิตย์อยู่สูงกลางท้องฟ้า เป็นช่วงเวลาที่แสงสว่างแผ่ปกคลุมไปทั่ว แตกต่างจากความหมายที่เราเข้าใจกันในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง ที่มักจะนึกถึงเวลาที่เงียบสงบ มืดมิด และเต็มไปด้วยความเงียบเชียบ ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นมาทักทายโลก

แม้ว่าปัจจุบันประเทศไทยจะเปลี่ยนมาใช้ระบบบอกเวลา 24 ชั่วโมง ซึ่งมีความแม่นยำและเข้าใจง่ายกว่า แต่คำว่า สองโมงเช้า ก็ยังคงถูกใช้สืบทอดกันมา โดยเฉพาะในบางบริบท ที่ต้องการสื่อถึงช่วงเวลาเช้าตรู่ หรือเวลาประมาณ 02:00 น. ในปัจจุบัน ซึ่งอาจเป็นเพราะความเคยชิน หรือการใช้ภาษาแบบสบายๆ ที่ไม่จำเป็นต้องตรงตามหลักการทางภาษาอย่างเคร่งครัด

อย่างไรก็ตาม การเข้าใจความหมายของ สองโมงเช้า ในอดีต จะช่วยให้เราเข้าใจถึงวิวัฒนาการของภาษาไทย และระบบการบอกเวลา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงทางสังคม วัฒนธรรม และเทคโนโลยี ตลอดระยะเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมา มันเป็นเสน่ห์ของภาษาที่แฝงไว้ด้วยเรื่องราว และประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ รอให้เราค้นพบ และเรียนรู้ต่อไป ทำให้คำว่า สองโมงเช้า ไม่ใช่เพียงแค่การบอกเวลา แต่ยังเป็นการเดินทางย้อนเวลากลับไปสู่ประวัติศาสตร์อันน่าทึ่งของประเทศไทยอีกด้วย