ค่าไฟหน่วยละกี่บาท 2567 รวม FT

28 การดู

ค่าไฟฟ้าในงวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2567 ยังคงที่อยู่ที่ 4.1805 บาทต่อหน่วย โดยคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ตรึงค่า Ft ที่ 39.72 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งเป็นการคงอัตราเดิม พร้อมทั้งมีการแต่งตั้งเลขาธิการ กกพ. คนใหม่เข้ารับตำแหน่งแล้ว ส่งผลให้ค่าไฟฟ้ายังไม่ปรับเปลี่ยนในช่วงเวลาดังกล่าว

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ค่าไฟหน่วยละกี่บาท ปี 2567: มองลึกปัจจัยตรึงราคาและความท้าทายในอนาคต

แม้ว่าข่าวคราวเรื่อง “ค่าไฟแพง” จะยังคงเป็นประเด็นร้อนแรงที่หลายครัวเรือนและภาคธุรกิจเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด แต่สำหรับช่วงเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม 2567 สถานการณ์ค่าไฟฟ้าในประเทศไทยยังคงยืนอยู่ที่ 4.1805 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นผลมาจากการตรึงค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ไว้ที่ 39.72 สตางค์ต่อหน่วย โดยการตัดสินใจของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)

การคงอัตราค่าไฟดังกล่าวเป็นการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนและธุรกิจต่างๆ ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจยังคงอยู่ในภาวะฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม การตรึงราคาไม่ได้หมายความว่าปัญหาเรื่องต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจะหายไป ตรงกันข้าม มันอาจเป็นเพียงการ “พักยก” ชั่วคราว ก่อนที่แรงกดดันจากปัจจัยต่างๆ จะหวนกลับมากระทบค่าไฟในอนาคตอันใกล้นี้

ทำไมต้องตรึงค่า Ft?

การตรึงค่า Ft เป็นมาตรการที่รัฐบาลและ กกพ. ใช้เพื่อควบคุมราคาไฟฟ้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อลดผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนและการดำเนินธุรกิจ การตัดสินใจดังกล่าวมักพิจารณาจากปัจจัยหลายด้าน ได้แก่

  • ราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ: เชื้อเพลิงเหล่านี้เป็นส่วนประกอบหลักในการผลิตไฟฟ้า หากราคาในตลาดโลกสูงขึ้น ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
  • อัตราแลกเปลี่ยน: การนำเข้าเชื้อเพลิงจำเป็นต้องใช้เงินตราต่างประเทศ หากค่าเงินบาทอ่อนตัวลง ต้นทุนการนำเข้าก็จะสูงขึ้น
  • ปริมาณการใช้ไฟฟ้า: ความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อนหรือช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว อาจทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าสูงขึ้น
  • นโยบายภาครัฐ: รัฐบาลอาจมีนโยบายสนับสนุนพลังงานสะอาด หรือส่งเสริมการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าในระยะยาว

ความท้าทายและอนาคตค่าไฟฟ้า

แม้ว่าการตรึงค่าไฟจะช่วยบรรเทาภาระในระยะสั้น แต่ในระยะยาวประเทศไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายประการที่อาจส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้า ได้แก่

  • การพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล: ประเทศไทยยังคงพึ่งพาการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเป็นหลักในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาในตลาดโลก
  • การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ: ภัยแล้งและอุณหภูมิที่สูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานน้ำ และเพิ่มความต้องการใช้ไฟฟ้าในช่วงฤดูร้อน
  • การลงทุนในพลังงานหมุนเวียน: การเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานหมุนเวียนจำเป็นต้องมีการลงทุนจำนวนมากในโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าในระยะแรก

ทางออกและสิ่งที่ควรทำ

เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ ประเทศไทยจำเป็นต้องมีแนวทางที่ยั่งยืนในการบริหารจัดการพลังงาน โดยเน้นที่:

  • ส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ: การรณรงค์ให้ประชาชนและภาคธุรกิจลดการใช้พลังงาน และใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน จะช่วยลดความต้องการใช้ไฟฟ้าโดยรวม
  • กระจายแหล่งพลังงาน: การเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานชีวมวล จะช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล
  • พัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าให้ทันสมัย: การลงทุนในโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) จะช่วยให้การจัดการพลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และรองรับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่กระจายตัว
  • ส่งเสริมการแข่งขันในตลาดพลังงาน: การเปิดเสรีให้ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนสามารถแข่งขันกันได้ จะช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ

บทสรุป

ค่าไฟฟ้า 4.1805 บาทต่อหน่วยในปัจจุบัน อาจเป็นเพียงภาพลวงตาที่ซ่อนไว้ซึ่งความท้าทายมากมายที่รออยู่เบื้องหน้า การทำความเข้าใจปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้า และการมีส่วนร่วมในการผลักดันนโยบายพลังงานที่ยั่งยืน จะเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาความมั่นคงทางพลังงานและควบคุมค่าไฟฟ้าในระยะยาว

ดังนั้น การติดตามข่าวสารและทำความเข้าใจสถานการณ์พลังงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพ จึงเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคทุกคนควรตระหนักและให้ความสำคัญ

#Ft รวม #ค่าไฟ 2567 #หน่วยละกี่บาท