TGAT ควรทำได้กี่คะแนน

12 การดู
ควรทำคะแนน TGAT ให้ได้มากกว่า 60 คะแนนขึ้นไปเพื่อให้มีโอกาสสูงในการสอบติดคณะหรือสาขาที่ต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะที่รับนักศึกษาที่มีคะแนนสูงกว่า 65-70 คะแนนขึ้นไป
ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เกณฑ์การทำคะแนน TGAT กี่คะแนนดี?

การสอบ TGAT (Thai General Aptitude Test) เป็นหนึ่งในกระบวนการคัดเลือกที่สำคัญสำหรับการเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคณะหรือสาขาที่ได้รับความนิยมและมีการแข่งขันสูง เพื่อเพิ่มโอกาสในการสอบติดคณะที่ต้องการ จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องทำคะแนน TGAT ให้ได้สูง

เกณฑ์การทำคะแนน TGAT

เกณฑ์การทำคะแนน TGAT ที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับคณะหรือสาขาที่ต้องการสอบเข้า โดยทั่วไปแล้ว คะแนน TGAT ที่อยู่ในเกณฑ์ดี จะอยู่ที่ประมาณ 60 คะแนนขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ในบางคณะหรือสาขาที่ได้รับความนิยมสูง อาจมีเกณฑ์การรับคะแนนที่สูงกว่า เช่น 65-70 คะแนนขึ้นไป

ผู้ที่ต้องการสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ เภสัชศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ หรือคณะในกลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพอื่นๆ ควรมุ่งทำคะแนน TGAT ให้ได้มากกว่า 70 คะแนนขึ้นไป เพื่อให้มีโอกาสในการสอบติดสูง

เป้าหมายคะแนน TGAT สำหรับคณะต่างๆ

  • คณะที่แข่งขันสูง (แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัช เตรียมอุดม): 70 คะแนนขึ้นไป
  • คณะวิทยาศาสตร์สุขภาพ (วิทย์การสุขภาพ พยาบาลกายภาพบำบัด): 65-70 คะแนนขึ้นไป
  • คณะวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ (วิศวะ คอมพิวเตอร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์): 60-65 คะแนนขึ้นไป
  • คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์): 55-60 คะแนนขึ้นไป

ปัจจัยที่ส่งผลต่อเกณฑ์การทำคะแนน

เกณฑ์การทำคะแนน TGAT อาจแตกต่างกันไปในแต่ละปี ขึ้นอยู่กับปัจจัยดังต่อไปนี้

  • จำนวนผู้สมัคร: หากมีจำนวนผู้สมัครเข้าสอบจำนวนมาก เกณฑ์การทำคะแนนอาจสูงขึ้น
  • ระดับความยากของข้อสอบ: หากข้อสอบยากขึ้น เกณฑ์การทำคะแนนอาจลดลง
  • การกำหนดเกณฑ์ของแต่ละคณะ: คณะแต่ละคณะอาจกำหนดเกณฑ์การทำคะแนนที่แตกต่างกันไปตามความต้องการและศักยภาพของคณะนั้นๆ

เทคนิคการทำคะแนน TGAT ให้สูง

  • เตรียมตัวล่วงหน้าอย่างเต็มที่: เริ่มเตรียมตัวอย่างน้อย 6-12 เดือนก่อนการสอบ
  • ศึกษาเนื้อหาอย่างครอบคลุม: ทำความเข้าใจเนื้อหาที่อยู่ในขอบเขตการสอบ TGAT ทั้ง 5 หมวด ได้แก่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสังคมศึกษา
  • ฝึกฝนทำข้อสอบอย่างสม่ำเสมอ: ฝึกทำข้อสอบย้อนหลังและข้อสอบจำลอง เพื่อฝึกฝนทักษะและสร้างความคุ้นเคยกับรูปแบบข้อสอบ
  • บริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ: จัดสรรเวลาให้กับแต่ละส่วนในข้อสอบอย่างเหมาะสม เพื่อทำข้อสอบให้ได้มากที่สุด
  • ตรวจสอบความถูกต้องก่อนส่งข้อสอบ: เมื่อทำข้อสอบเสร็จแล้ว ให้ตรวจสอบความถูกต้องของคำตอบก่อนส่งข้อสอบ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่ไม่จำเป็น

การทำคะแนน TGAT ให้ได้สูงเป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มโอกาสในการสอบติดคณะหรือสาขาที่ต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคณะที่ได้รับความนิยมและมีการแข่งขันสูง ด้วยการเตรียมตัวอย่างเต็มที่และใช้เทคนิคที่เหมาะสม ผู้สอบทุกคนสามารถทำคะแนน TGAT ให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้