การพยาบาลผู้ป่วย phlebitis มีอะไรบ้าง

7 การดู

เมื่อพบภาวะ Phlebitis ควรหยุดให้ยา/สารน้ำทันที และแจ้งแพทย์เพื่อวางแผนการรักษา ประคบอุ่นช่วยลดปวดบวม ยกแขน/ขาข้างที่เป็นให้สูง และพันผ้ายืดเพื่อพยุง การเพาะเชื้อและการรายงาน ICN เป็นสิ่งสำคัญเพื่อติดตามการติดเชื้อและป้องกันการลุกลาม

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

การพยาบาลผู้ป่วย Phlebitis: มากกว่าแค่การหยุดยา

ภาวะ Phlebitis หรือภาวะหลอดเลือดดำอักเสบ เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับการให้ยาหรือสารน้ำทางหลอดเลือดดำ การพยาบาลผู้ป่วย Phlebitis ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การหยุดยา/สารน้ำที่ให้ แต่ครอบคลุมถึงการดูแลแบบองค์รวม เพื่อบรรเทาอาการ ป้องกันภาวะแทรกซ้อน และส่งเสริมการฟื้นตัวของผู้ป่วย

การประเมินและการวินิจฉัยทางการพยาบาล:

ก่อนเริ่มต้นการดูแลใดๆ การประเมินผู้ป่วยอย่างละเอียดเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้เข้าใจถึงขอบเขตและความรุนแรงของภาวะ Phlebitis ซึ่งรวมถึง:

  • ประเมินอาการ: สังเกตและสอบถามเกี่ยวกับอาการต่างๆ เช่น อาการปวด บวม แดง ร้อน บริเวณที่แทงเข็ม หรือตามแนวหลอดเลือดดำ
  • ประเมินสัญญาณชีพ: ติดตามอุณหภูมิ ชีพจร และความดันโลหิต เพื่อเฝ้าระวังสัญญาณของการติดเชื้อ
  • ประเมินบริเวณที่แทงเข็ม: ตรวจสอบบริเวณที่แทงเข็มว่ามีอาการบวมแดง ร้อน หรือมีหนองหรือไม่
  • ประเมินปัจจัยเสี่ยง: พิจารณาปัจจัยเสี่ยงที่อาจมีส่วนทำให้เกิด Phlebitis เช่น ชนิดของยา/สารน้ำที่ให้ ระยะเวลาในการให้ยา/สารน้ำ ขนาดของหลอดเลือดดำ และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย
  • วินิจฉัยทางการพยาบาล: หลังจากประเมินข้อมูลทั้งหมดแล้ว พยาบาลสามารถวินิจฉัยปัญหาทางการพยาบาลที่เกี่ยวข้องกับ Phlebitis ได้ เช่น ปวดเฉียบพลัน เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ความบกพร่องในการเคลื่อนไหว

การวางแผนและการปฏิบัติการพยาบาล:

เมื่อได้วินิจฉัยปัญหาแล้ว พยาบาลจะวางแผนการดูแลโดยมีเป้าหมายเพื่อ:

  • บรรเทาอาการปวดและบวม
  • ป้องกันการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อน
  • ส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต
  • ให้ความรู้แก่ผู้ป่วยเกี่ยวกับการดูแลตนเอง

การปฏิบัติการพยาบาลที่สำคัญ ได้แก่:

  • หยุดการให้ยา/สารน้ำทันที: เมื่อพบอาการของ Phlebitis ให้หยุดการให้ยา/สารน้ำทันที และแจ้งแพทย์เพื่อพิจารณาแนวทางการรักษา
  • ถอดสายสวนหลอดเลือดดำ: ถอดสายสวนหลอดเลือดดำที่ทำให้เกิดปัญหา และพิจารณาแทงใหม่ในบริเวณที่เหมาะสม
  • ประคบอุ่น: ประคบอุ่นบริเวณที่มีอาการปวดบวม เพื่อช่วยลดอาการอักเสบและส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต
  • ยกแขน/ขา: ยกแขนหรือขาข้างที่เป็นให้สูงกว่าระดับหัวใจ เพื่อช่วยลดอาการบวม
  • พันผ้ายืด: พันผ้ายืดเพื่อพยุงบริเวณที่เป็น เพื่อช่วยลดอาการปวดและบวม
  • ให้ยาแก้ปวด: ตามแผนการรักษาของแพทย์ อาจมีการให้ยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการปวด
  • สังเกตอาการติดเชื้อ: เฝ้าระวังอาการแสดงของการติดเชื้อ เช่น ไข้ หนาวสั่น บวมแดง หรือมีหนอง หากพบอาการดังกล่าว ให้แจ้งแพทย์ทันที
  • เพาะเชื้อ: หากสงสัยว่ามีการติดเชื้อ อาจมีการเพาะเชื้อจากบริเวณที่แทงเข็ม เพื่อระบุชนิดของเชื้อและเลือกยาปฏิชีวนะที่เหมาะสม
  • รายงาน ICN: รายงานข้อมูลเกี่ยวกับการติดเชื้อไปยัง Infection Control Nurse (ICN) เพื่อติดตามและควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อ
  • ให้ความรู้แก่ผู้ป่วย: สอนผู้ป่วยเกี่ยวกับการดูแลตนเอง เช่น การประคบอุ่น การยกแขน/ขา การสังเกตอาการ และการมาพบแพทย์ตามนัด

การประเมินผล:

หลังจากการดูแล ผู้ป่วยควรมีอาการปวดและบวมลดลง ไม่มีสัญญาณของการติดเชื้อ และสามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการแย่ลง ควรแจ้งแพทย์เพื่อพิจารณาแนวทางการรักษาเพิ่มเติม

ข้อควรระวังเพิ่มเติม:

  • ควรเลือกขนาดของสายสวนหลอดเลือดดำให้เหมาะสมกับขนาดของหลอดเลือดดำของผู้ป่วย
  • ควรหมั่นตรวจสอบบริเวณที่แทงเข็มเป็นประจำ เพื่อสังเกตอาการผิดปกติ
  • ควรให้ความรู้แก่ผู้ป่วยเกี่ยวกับการป้องกันการเกิด Phlebitis

สรุป:

การพยาบาลผู้ป่วย Phlebitis เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนกว่าการหยุดยา/สารน้ำ การดูแลแบบองค์รวม การประเมินอย่างละเอียด การวางแผนการดูแลที่เหมาะสม และการให้ความรู้แก่ผู้ป่วย เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่มีคุณภาพ ป้องกันภาวะแทรกซ้อน และฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว