จะรู้ได้ยังไงว่ามีไข้

14 การดู

สังเกตอาการไข้ด้วยตนเองง่ายๆ ด้วยวิธีวัดอุณหภูมิร่างกายด้วยเทอร์โมมิเตอร์แบบดิจิทัล วางปลายเทอร์โมมิเตอร์ใต้รักแร้หรือในช่องปาก รอจนได้ค่าที่เสถียร หากอุณหภูมิสูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ และสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีไข้สูง ควรรีบไปพบแพทย์

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

รู้ทันไข้: สังเกตอาการและวิธีตรวจวัดอุณหภูมิอย่างถูกต้อง

ไข้เป็นสัญญาณเตือนที่ร่างกายส่งมาบอกว่ากำลังต่อสู้กับการติดเชื้อหรือภาวะผิดปกติต่างๆ แม้จะเป็นอาการที่พบได้บ่อย แต่การรู้จักสังเกตอาการและวัดอุณหภูมิอย่างถูกวิธีจะช่วยให้เราสามารถดูแลตัวเองได้อย่างเหมาะสม และรู้เมื่อไรควรปรึกษาแพทย์

การรู้ว่าตัวเองมีไข้หรือไม่นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความรู้สึกเพียงอย่างเดียว เช่น รู้สึกหนาวสั่นหรือตัวร้อน เพราะบางคนอาจมีไข้แต่ไม่รู้สึกตัวร้อนเลย วิธีที่แม่นยำที่สุดคือการวัดอุณหภูมิร่างกายด้วยเทอร์โมมิเตอร์ โดยเฉพาะเทอร์โมมิเตอร์แบบดิจิทัลซึ่งให้ผลลัพธ์รวดเร็วและแม่นยำ

วิธีวัดอุณหภูมิร่างกายด้วยเทอร์โมมิเตอร์แบบดิจิทัล:

ก่อนเริ่มวัด ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเทอร์โมมิเตอร์อยู่ในสภาพดีและแบตเตอรี่เพียงพอ วิธีการวัดอุณหภูมิที่นิยมทำกันมีดังนี้:

  • วัดใต้รักแร้ (Axillary): เป็นวิธีที่สะดวกและปลอดภัยสำหรับทุกเพศทุกวัย วางปลายเทอร์โมมิเตอร์ใต้รักแร้ แนบชิดกับผิวหนัง กดแขนให้แนบกับลำตัว รอจนกว่าเทอร์โมมิเตอร์จะส่งสัญญาณเตือน โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 3-5 นาที ค่าที่ได้อาจต่ำกว่าวิธีอื่นเล็กน้อย โดยทั่วไป อุณหภูมิปกติที่วัดได้ด้วยวิธีนี้จะอยู่ประมาณ 36.0-37.0 องศาเซลเซียส

  • วัดในช่องปาก (Oral): วางปลายเทอร์โมมิเตอร์ใต้ลิ้น ปิดริมฝีปาก รอจนกว่าเทอร์โมมิเตอร์จะส่งสัญญาณเตือน วิธีนี้ให้ค่าที่แม่นยำกว่าการวัดใต้รักแร้ แต่ไม่เหมาะสำหรับเด็กเล็กหรือผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับช่องปาก ค่าอุณหภูมิปกติที่วัดได้จะอยู่ประมาณ 36.5-37.5 องศาเซลเซียส

  • วัดในรูหู (Tympanic): ใช้อุปกรณ์วัดอุณหภูมิแบบพิเศษ การวัดด้วยวิธีนี้รวดเร็ว แต่ความแม่นยำอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับวิธีการใช้งาน และไม่เหมาะสำหรับเด็กเล็ก โดยทั่วไป ค่าอุณหภูมิปกติที่วัดได้จะอยู่ประมาณ 36.5-37.5 องศาเซลเซียส

ตีความค่าอุณหภูมิ:

โดยทั่วไป อุณหภูมิร่างกายที่สูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ถือว่ามีไข้ แต่ควรพิจารณาค่าที่ได้จากวิธีการวัด และอาการอื่นๆประกอบด้วย เช่น มีอาการไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรือมีน้ำมูก หากมีไข้สูงกว่า 38.5 องศาเซลเซียส หรือมีอาการรุนแรงอื่นๆ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

การดูแลตัวเองเบื้องต้นเมื่อมีไข้:

  • พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับพักผ่อนช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
  • ดื่มน้ำมากๆ: ช่วยลดอาการอ่อนเพลีย และช่วยให้ร่างกายขับสารพิษออกไป
  • รับประทานอาหารอ่อนๆ: ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้สะดวกขึ้น
  • ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นประคบตามจุดต่างๆ: ช่วยลดความร้อนในร่างกาย แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผ้าเย็นจัด

การสังเกตอาการและวัดอุณหภูมิร่างกายอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพ หากมีข้อสงสัยหรือมีอาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสม อย่าละเลยอาการไข้ เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงได้