ต่อมน้ําเหลืองมีจุดไหนบ้างที่คลําได้

ตรวจสอบต่อมน้ำเหลืองด้วยตัวเอง: จุดสำคัญที่คุณควรสังเกต

ต่อมน้ำเหลืองเป็นส่วนสำคัญของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำหน้าที่กรองของเสีย แบคทีเรีย และไวรัส ปกติแล้วเราจะไม่สามารถสัมผัสหรือคลำต่อมน้ำเหลืองได้ แต่เมื่อต่อมน้ำเหลืองทำงานหนัก เช่น ต่อสู้กับการติดเชื้อ ขนาดของมันอาจเพิ่มขึ้นและสามารถคลำได้ การรู้จักตำแหน่งที่สามารถคลำต่อมน้ำเหลืองได้ จะช่วยให้เราสังเกตอาการผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว และรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง

จุดที่สามารถคลำต่อมน้ำเหลืองได้ โดยทั่วไปมีดังนี้:

• บริเวณคอ: เป็นตำแหน่งที่สามารถคลำต่อมน้ำเหลืองได้ง่ายที่สุด ลองคลำเบาๆ ตามแนวข้างลำคอ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ตั้งแต่ใต้กกหูลงมาจนถึงเหนือกระดูกไหปลาร้า ควรสังเกตทั้งสองข้าง เพื่อเปรียบเทียบขนาดและความรู้สึก

• ใต้รักแร้: ยกแขนขึ้นเล็กน้อย แล้วใช้นิ้วมือคลำเบาๆ บริเวณใต้รักแร้ ทั้งสองข้าง ต่อมน้ำเหลืองบริเวณนี้มักจะมีขนาดใหญ่กว่าบริเวณอื่นๆ และอาจพบได้ยากกว่า หากพบก้อนขนาดใหญ่หรือมีความเจ็บปวด ควรไปพบแพทย์

• เหนือกระดูกไหปลาร้า: ลองคลำเบาๆ บริเวณเหนือกระดูกไหปลาร้า ทั้งสองข้าง ต่อมน้ำเหลืองบริเวณนี้มักจะอยู่ลึก และอาจคลำได้ยากกว่าบริเวณอื่นๆ

• บริเวณขาหนีบ: คลำเบาๆ บริเวณขาหนีบ ทั้งสองข้าง ต่อมน้ำเหลืองบริเวณนี้มักจะอยู่ใกล้ผิวหนัง และสามารถคลำได้ง่าย

• ข้อพับศอกและเข่า: ลองคลำเบาๆ บริเวณข้อพับศอกและเข่า ทั้งสองข้าง ต่อมน้ำเหลืองบริเวณนี้ค่อนข้างเล็กและอาจคลำได้ยาก แต่ถ้ามีการอักเสบ จะสังเกตเห็นได้ง่ายขึ้น

สิ่งที่ควรสังเกตเมื่อคลำต่อมน้ำเหลือง:

• ขนาด: ต่อมน้ำเหลืองที่โตขึ้นผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรือโรคอื่นๆ
• ความรู้สึก: ต่อมน้ำเหลืองที่อักเสบ มักจะรู้สึกเจ็บ บวม และแข็ง อาจมีอาการแดงหรือร้อนร่วมด้วย
• ความเคลื่อนไหว: ต่อมน้ำเหลืองปกติ ควรเคลื่อนไหวได้เล็กน้อย หากพบก้อนที่ติดแน่น ควรไปพบแพทย์

ขอเน้นย้ำว่า การคลำต่อมน้ำเหลืองด้วยตัวเอง เป็นเพียงการสังเกตเบื้องต้นเท่านั้น ไม่สามารถใช้ในการวินิจฉัยโรคได้ หากพบความผิดปกติใดๆ เช่น ต่อมน้ำเหลืองโตผิดปกติ บวม เจ็บ หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทันที เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง อย่าพยายามรักษาด้วยตนเอง เพราะอาจทำให้โรคร้ายแรงลุกลามได้

บทความนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล