ปัสสาวะออกน้อย กี่cc

ปัสสาวะน้อย…สัญญาณเตือนร่างกายที่ไม่ควรมองข้าม

ปัสสาวะเป็นของเสียที่ร่างกายขับออกมา ปริมาณและความถี่ในการขับถ่ายปัสสาวะจึงเป็นตัวบ่งชี้ถึงสุขภาพของระบบไตและสมดุลของเหลวในร่างกายได้เป็นอย่างดี โดยทั่วไปแล้ว เราจะสังเกตเห็นปริมาณปัสสาวะที่ออกมาเป็นประจำ แต่หากวันใดวันหนึ่งคุณรู้สึกว่าปริมาณปัสสาวะน้อยกว่าปกติ หรือมีอาการปัสสาวะน้อยผิดปกติอย่างต่อเนื่อง นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนสุขภาพที่ไม่ควรมองข้าม เพราะอาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ก็ได้

ปริมาณปัสสาวะที่ถือว่า น้อย นั้นไม่มีเกณฑ์ตายตัว เนื่องจากปริมาณปัสสาวะในแต่ละวันจะแตกต่างกันไปตามปัจจัยหลายอย่าง เช่น ปริมาณน้ำที่ดื่ม กิจกรรม สภาพอากาศ และสุขภาพโดยรวม อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้ว ปริมาณปัสสาวะน้อยกว่า 400-500 ซีซีต่อวัน หรือ น้อยกว่า 20 ซีซีต่อชั่วโมง ถือว่าเป็นปริมาณที่น้อยผิดปกติ และควรได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียด

สาเหตุของการปัสสาวะน้อยนั้นมีหลากหลาย และบางครั้งอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงได้ สาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่:

• ภาวะขาดน้ำ (Dehydration): นี่เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด เกิดจากการดื่มน้ำไม่เพียงพอ เสียเหงื่อมาก หรือมีอาการท้องเสีย อาเจียน ทำให้ร่างกายขาดน้ำ ส่งผลให้ปริมาณปัสสาวะลดลง ปัสสาวะจะมีสีเข้มข้น

• การทำงานของไตผิดปกติ (Kidney Dysfunction): ไตเป็นอวัยวะสำคัญที่ทำหน้าที่กรองของเสียออกจากเลือด หากไตทำงานผิดปกติ เช่น ไตวาย โรคไตเรื้อรัง หรือมีนิ่วในไต จะส่งผลให้ปริมาณปัสสาวะลดลง หรืออาจมีอาการบวมน้ำ ปวดหลัง

• การใช้ยาบางชนิด: ยาบางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะบางชนิด (Diuretics) ยาแก้ปวดบางชนิด หรือยาอื่นๆ อาจทำให้ปริมาณปัสสาวะลดลงได้ ดังนั้น หากคุณกำลังรับประทานยาใดๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

• การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract Infection – UTI): การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ อาจทำให้ปัสสาวะน้อยลง ร่วมกับอาการปวดแสบปัสสาวะ ปัสสาวะขุ่น หรือมีกลิ่นผิดปกติ

• โรคเบาหวาน (Diabetes): ในกรณีที่รุนแรง โรคเบาหวานอาจทำให้เกิดภาวะคีโตอะซิโดซิส ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายขาดน้ำอย่างรุนแรง และส่งผลให้ปัสสาวะน้อยลง

• ภาวะช็อก (Shock): ภาวะช็อกทำให้ไตได้รับเลือดไปเลี้ยงน้อยลง ส่งผลให้ปริมาณปัสสาวะลดลงอย่างมาก

หากคุณพบว่าตัวเองมีอาการปัสสาวะน้อยผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง และได้รับการรักษาที่เหมาะสม การรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการ อาจเป็นการรักษาด้วยการดื่มน้ำให้มากขึ้น หรือการใช้ยา หรืออาจต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในกรณีที่รุนแรง อย่าปล่อยปละละเลยอาการนี้ เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรงได้ การดูแลสุขภาพที่ดี การดื่มน้ำอย่างเพียงพอ และการตรวจสุขภาพเป็นประจำ เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพได้