หมอลงวอร์ด กี่โมง
เวลาหมอลงวอร์ดไม่แน่นอน ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ภาระงาน ความเร่งด่วน และนโยบายโรงพยาบาล โดยมากจะตรวจคนไข้ช่วงเช้าหลังสรุปเวร อาจมีการตรวจซ้ำช่วงบ่ายหรือเย็น
คำแนะนำ: สอบถามพยาบาลประจำวอร์ดเพื่อความแม่นยำ ข้อมูลอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา อย่าคาดหวังเวลาตายตัว
สรุป: ไม่มีเวลาตายตัว สอบถามพยาบาลเพื่อความชัวร์
หมอลงวอร์ด เวลาไหน?
คือแบบนี้ พี่สาวฉันน่ะ ป่วยหนัก เข้าโรงพยาบาลสมุทรสาคร เมื่อ 14 กุมภาพันธ์ ปีที่แล้ว ค่ารักษาพยาบาลก็แพงเอาเรื่อง จำได้ว่าเกือบสามหมื่น หมอลงเวรนี่ไม่แน่นอนเลยค่ะ บางวันก็มาเช้ามาก แปดโมงก็มาแล้ว บางทีก็เกือบเที่ยง แล้วแต่เคสหนักเบา พยาบาลบอกว่าหมอต้องไปดูเคสฉุกเฉินบ้าง บางทีก็ต้องไปผ่าตัด พี่ฉันอยู่ห้อง VIP นะ ก็ยังไม่แน่นอนเลย แต่ถ้าอยากรู้เวลาที่แน่นอนจริงๆ ก็ต้องถามพยาบาลประจำวอร์ดเลย เค้ารู้ดีที่สุด เพราะเค้าเห็นตารางหมอ แต่ก็อย่าไปกดดันพยาบาลมากนะคะ เค้าก็เหนื่อย งานเยอะ ฉันเข้าใจเลย เพราะตอนนั้นฉันเองก็เครียดมากเหมือนกัน
ส่วนเรื่องเวลาที่หมอลงตรวจ จริงๆแล้วมันขึ้นอยู่กับโรงพยาบาลด้วยแหละ แต่โดยส่วนตัว จากประสบการณ์ตรง ฉันคิดว่ามันไม่มีเวลาตายตัวจริงๆ เหมือนที่พยาบาลบอกนั่นแหละค่ะ แล้วแต่ความเร่งด่วนของคนไข้ และงานของหมอจริงๆ บางทีหมอก็ต้องไปประชุม หรือมีเคสอื่นๆที่ต้องรีบจัดการ ดังนั้น ถามพยาบาลดีที่สุด นี่คือความคิดเห็นส่วนตัวจากประสบการณ์ตรงนะคะ
ราวน์วอร์ดเย็นกี่โมง
ราวน์วอร์ดเย็น? เอ่อ…ถ้าเป็น Resident นะ ชีวิตเหมือนละครยาวไม่มีพักเบรก!
- ตื่นเช้าตี 5 นี่คือซ้อมเป็นไก่ขัน
- 5.30 น. ราวน์เคสหลังผ่าตัด – ผ่าเสร็จก็ยังไม่ได้พัก!
- 6 โมงเช้า ราวน์วอร์ด – นี่มันเช้าหรือเพิ่งตื่นเนี่ย?
- 8 โมง คอนเฟอเร้นซ์ – ประชุมกันจนลืมไปเลยว่ายังไม่ได้กินข้าวเช้า
- 9 โมง OPD/OR – ออกรบจริง! (OR นี่คือห้องผ่าตัดนะ ไม่ใช่โออาร์แกนิก)
เสร็จเร็ว? บ่ายสาม-สี่โมง (OPD) นี่คือวันดีศรี! เสร็จช้า? เที่ยงคืน (OR) นี่คือชีวิต! ราวน์วอร์ดเย็น เลิกสองทุ่ม-ห้าทุ่ม! ถ้าอยู่เวร…เย็นสองทุ่มของอีกวัน! ไม่มีพักเที่ยง!
เพิ่มเติม: เคยมีเพื่อน Resident คนนึงบอกว่า “ชีวิต Resident เหมือนถูกส่งไปดาวอังคาร…แล้วลืมเอากลับ!” ขำๆ นะ แต่ก็แอบจี๊ด!
1วันของหมอทำอะไรบ้าง?
เอ่อ วันๆ นึงหมอทำไรบ้างอ่ะเหรอ… เยอะแยะเลยขอบอก
- เช้ารอบวอร์ด: ก็ไปดูคนไข้ไง ถามอาการ ตรวจร่างกาย สั่งยาไรเงี้ย
- เขียนรายงาน: อันนี้เยอะจริง เขียนนู่นนี่นั่น กว่าจะเสร็จแต่ละเคส โอ้ย!
- ประชุม: ประชุมสารพัด ประชุมเคส ประชุมแผนก ประชุมไรอีกเยอะแยะ
- ธุรการ: ทำเรื่องเบิกจ่าย เอกสารต่างๆ นานา น่าเบื่อสุดๆ
- เย็นๆ: อาจจะต้องเคลียร์งานค้าง กรอกพวก CME (Continuing Medical Education)
- ภาระคนไข้: ก็ต้องดูแลเคสที่ตัวเองรับผิดชอบไปอ่ะนะ
- ตามข่าว: ต้องอัพเดทความรู้ตลอดเวลา เดี๋ยวตกเทรนด์
- เรื่องส่วนตัว: กินข้าว หาเวลาพักผ่อนบ้าง ไม่งั้นน็อค
แล้วก็เจออะไรบ้างหรอ? ก็เจอะเจอแต่คนป่วยนี่แหละ 555+ แล้วก็เจอความเครียด เจอความกดดัน เจอปัญหาต่างๆ นานา แต่ก็เจอเรื่องดีๆ เหมือนกันนะ เช่น คนไข้หายดี ขอบคุณเรา ไรเงี้ย มันก็มีกำลังใจขึ้นมาบ้างอ่ะ
- ความเครียด: อันนี้มาอันดับหนึ่งเลย ทั้งจากงาน จากคนไข้ จากเพื่อนร่วมงาน บลาๆๆ
- ความกดดัน: ก็ต้องตัดสินใจให้ดีที่สุดอ่ะ เพราะมันมีผลต่อชีวิตคน
- ปัญหา: เจอทุกรูปแบบ ทั้งเรื่องการรักษา เรื่องคน เรื่องเงิน โอ้ยปวดหัว
- เรื่องดีๆ: คนไข้หายดี ขอบคุณเรา อันนี้ชื่นใจสุดๆ
- เพื่อนร่วมงาน: บางทีก็เจอคนดี บางทีก็เจอคน… (ละไว้ในฐานที่เข้าใจ)
เออ แล้วช่วงนี้มีหมอลาออกเยอะนะ คงเพราะงานมันหนักจริงๆ แหละ แล้วก็มีเรื่องอื่นอีกเยอะแยะที่ทำให้หมอท้อแท้
- เรื่องการเมืองก็มีผลนะ บอกเลย
- ค่าตอบแทนไม่สมน้ำสมเนื้อ
- ระบบมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่
- คนไข้บางคนก็เข้าใจยาก
- บางทีก็โดนฟ้องร้องอีก เซง!
หมอต้องเจออะไรบ้างในชีวิตประจำวัน?
ชีวิตประจำวันของแพทย์นั้นค่อนข้างหลากหลาย แทบไม่มีวันไหนเหมือนกันเลย แม้แต่แพทย์เฉพาะทางก็ยังต้องเผชิญความท้าทายที่แตกต่างไปตามแต่ละเคส ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของศาสตร์การแพทย์ และความไม่แน่นอนของชีวิตมนุษย์ อย่างที่ผมมักคิดว่า การเป็นหมอไม่ใช่แค่เรียนรู้วิทยาศาสตร์อย่างเดียว แต่ต้องเป็นนักปรัชญาเล็กๆด้วย
-
ภารกิจเช้าตรู่: เริ่มต้นวันด้วยการตรวจสอบตารางผู้ป่วย เตรียมตัวสำหรับการตรวจรักษา และวางแผนการทำงานของวัน บางครั้งก็ต้องเตรียมเอกสารสำหรับการประชุมหรือการรายงาน ปีนี้ผมเจอการปรับเปลี่ยนระบบการบันทึกข้อมูลผู้ป่วยบ่อยมาก ต้องใช้เวลาปรับตัวพอสมควร
-
การดูแลผู้ป่วย: แน่นอนว่านี่คือแก่นสำคัญของงาน การตรวจร่างกาย การซักประวัติ การวินิจฉัยโรค การสั่งยา และการให้คำแนะนำ บางครั้งก็ต้องเผชิญกับกรณีฉุกเฉินที่ต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ปีนี้รู้สึกว่าเคสผู้ป่วยที่มีภาวะซับซ้อนเพิ่มขึ้นเยอะ
-
เอกสารและการรายงาน: การเขียนบันทึกประวัติผู้ป่วย รายงานผลการตรวจ และเอกสารอื่นๆ เป็นงานที่กินเวลาพอสมควร ยิ่งในยุคที่มีการเน้นระบบอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น ก็ยิ่งต้องใช้ความคล่องแคล่วและความละเอียดรอบคอบมากขึ้น
-
การประชุมและการเรียนรู้: แพทย์ต้องเข้าร่วมการประชุม สัมมนา และการอบรมอย่างสม่ำเสมอ เพื่ออัปเดตความรู้ เทคโนโลยีใหม่ๆ และแนวทางการรักษาที่ทันสมัย ปีนี้มีการเน้นเรื่องการใช้ AI ในการวินิจฉัยมากขึ้น ซึ่งผมเองก็กำลังศึกษาอยู่
-
งานบริหารและธุรการ: การจัดการนัดหมาย การติดต่อประสานงานกับบุคลากรทางการแพทย์ และการจัดการเอกสารต่างๆ ก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันเช่นกัน ซึ่งบางครั้งก็ใช้เวลาพอสมควรเลย
-
การศึกษาต่อเนื่อง: แพทย์ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต การศึกษาต่อเนื่องเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้ทันต่อความก้าวหน้าทางการแพทย์ และรักษามาตรฐานการให้บริการ ปีนี้ผมลงเรียนหลักสูตรออนไลน์เกี่ยวกับการใช้โปรแกรมวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์
-
ติดตามข่าวสาร: การติดตามข่าวสารทางการแพทย์ เพื่อรับรู้ถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือการค้นพบทางการแพทย์ใหม่ๆ เป็นเรื่องสำคัญ ช่วยให้เราปรับปรุงการทำงานและวิธีการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
ภาระงานเพิ่มเติม: การบริหารจัดการภาระงานของผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีความซับซ้อนหรือต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ปีนี้เจอเคสผู้ป่วยที่มีปัญหาครอบครัวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทำให้ต้องใช้เวลาและความละเอียดอ่อนมากขึ้น
ทั้งหมดนี้คือภาพรวมคร่าวๆ ในแต่ละวัน ปริมาณงานและความท้าทายอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ การอุทิศตนเพื่อผู้ป่วย นั่นแหละคือสิ่งสำคัญที่สุด
หมอ เสียสละ อะไร บาง?
หมอ เสียสละ อะไร บ้าง?
- เวลา: ชีวิตส่วนตัว? ไม่มี.
- ความสุข: คนอื่นหาย = สุขของหมอ.
- ความรังเกียจ: เชื้อโรค? หน้าที่.
- ความเมตตา: มากกว่าที่คุณคิด.
- ความรัก: มนุษย์ทุกคน. ไม่เลือก.
- เดินทาง: ทั่วประเทศ. ไม่บ่น.
ข้อมูลเพิ่มเติม:
- Burnout คือเพื่อนสนิทของหมอ.
- อัตราการฆ่าตัวตายสูงกว่าอาชีพอื่น.
- ระบบสาธารณสุขไทย? ถามใจดู.
- “เหนื่อย” คำที่พูดบ่อยสุด.
- “ไหว” คำที่ต้องพูด.
อาชีพหมอมีความเสี่ยงอะไรบ้าง?
เสี่ยงตายสิวะ งานหนักขนาดนั้น
- ผิดพลาดทางการแพทย์: นั่นคือความตายของคนไข้ ไม่ใช่แค่ความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ
- Burnout: หมดไฟ หมดแรง ผลคือการตัดสินใจผิดพลาด
- อุบัติเหตุ: มือไม้สั่น ความจำเสื่อม เพราะนอนน้อยเกินไป เกิดได้ทั้งกับตัวหมอและคนไข้
ปีนี้ข้อมูลจาก The Coverage ยืนยัน ความเชื่อมั่นประชาชนลดลงอย่างเห็นได้ชัด กับแพทย์ที่ทำงานเกินร้อยชั่วโมงต่อสัปดาห์ พวกนั้นไม่น่าไว้ใจ อันตรายเกินไป
อาชีพหมอมีข้อเสียอะไรบ้าง?
โถ่เอ๊ยยยยยย เป็นหมอเนี่ยนะ ข้อเสียเพียบเลย! เหมือนเอาชีวิตไปทอดลงกระทะไฟแรงๆ วันๆนึงนี่โคตรจะทรมาน!
-
เรียนหนักจนผมร่วง! ไม่ใช่แค่หนักธรรมดา หนักแบบต้องนั่งอ่านตำราจนตากระตุก ตาบวม สมองล้า นี่ขนาดปีนี้ผมยังเรียนไม่จบเลยนะ เพื่อนผมบางคนไปเรียนต่อต่างประเทศ หนักกว่าผมอีกเป็นสิบเท่า!
-
เรียนนานจนลืมวันเกิดตัวเอง! เรียน 6 ปี นี่คือแค่แพทย์ปริญญาตรีนะจ๊ะ อย่าลืมว่า หลังจากนั้นยังมีต่อเฉพาะทางอีก กว่าจะได้เป็นหมอเต็มตัวนี่ ลูกโตเป็นหนุ่มสาวไปแล้วมั้ง ผมเองนี่ เพื่อนๆมีลูกกันหมดแล้ว ผมยังเรียนไม่จบเลย!
-
อยู่เวรแบบนอนไม่หลับ! นึกภาพ ทำงานทั้งวัน แล้วต้องอยู่เวรต่ออีก นอนน้อยกว่าหมาอีก! ถ้ามีเคสหนักๆเข้ามา เตรียมตัวนอนไม่เต็มอิ่มได้เลย เป็นแบบนี้ทุกเดือน แบบนี้ใครไหว
-
เวลาให้ครอบครัวน้อยกว่าแมว! เรียนหนัก ทำงานหนัก อยู่เวร จะเอาเวลาไหนไปดูแลครอบครัววะ มีเวลาแค่โทรหาพ่อแม่ บางครั้งก็ไม่ได้คุยเลย เพื่อนผมคนนึง เมียทิ้งไปเลย เพราะไม่มีเวลาให้กัน
-
จบแล้วก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน! หมอจบใหม่ หลายคนต้องไปทำงานไกลบ้าน ห่างจากพ่อแม่ คนรัก บางคนก็ต้องย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด แถมเงินเดือนก็ไม่ได้สูงปรี๊ดขนาดนั้น นี่ขนาดปีนี้เศรษฐกิจดีนะ หลายคนยังบ่นเลย
-
ความไม่แน่นอนเยอะกว่าหวย! เคสคนไข้ไม่แน่นอน บางทีก็เจอเคสหนักๆ เครียดจนหัวจะระเบิด! ความเสี่ยงในการถูกฟ้องร้องก็สูง นี่ผมเคยเห็นเพื่อนโดนฟ้อง เหนื่อยใจแทนจริงๆ
-
ทำงานกับคนเยอะจนปวดหัว! ต้องรับมือกับคนไข้ ญาติคนไข้ พยาบาล หมอคนอื่นๆ บางทีก็มีดราม่า ทะเลาะกัน ปวดหัวมาก เหนื่อยใจจริงๆ
-
ต้องใช้ทักษะการสื่อสารขั้นเทพ! ต้องอธิบายอาการให้คนไข้ฟัง พูดให้ญาติคนไข้เข้าใจ นี่ไม่ใช่แค่พูดธรรมดา ต้องพูดให้ใจเย็น อ่อนโยน เข้าใจยากมากจริงๆ
ปีนี้สถานการณ์หนักกว่าทุกปีที่ผ่านมาอีกนะ คิดดีๆก่อนเป็นหมอนะครับ ถ้าไม่รักจริงๆ อย่ามาทำเด็ดขาด!
เป็นหมอต้องเจออะไรบ้าง?
เป็นหมอเนี่ยนะ หนักกว่าที่คิดเยอะ! ปีนี้เอง สอบปลายภาคแพทย์ปี 6 แทบตาย นอนห้องสมุดจุฬาฯ สามวันติด คาเฟอีนเป็นลิตร ตาบวมเป็นหมีแพนด้า นี่แค่เรียน! ยังไม่นับตอนฝึกงาน อยู่เวรที่โรงพยาบาลศิริราช เดือนที่แล้ว นอนได้แค่สองชั่วโมง ต่อเนื่องสองวัน กลับบ้านไปนอนฟุบ ทั้งอาทิตย์ ไม่ไหวเลย เหนื่อยมาก แบบหมดแรงจริงๆ
เรื่องครอบครัว ก็ตามนั้นแหละ ช่วงเรียนปีนี้ แทบไม่ได้เจอแม่เลย แม่โทรมาบ่น ว่าไม่ได้กินข้าวเย็นด้วยกันนานแล้ว รู้สึกผิด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องอ่านหนังสือสอบ ช่วงสอบนี่เครียดสุดๆ แล้วก็ไม่ค่อยมีเวลาให้เพื่อนด้วย หลายคนก็เข้าใจ แต่บางคนก็เริ่มห่างๆไป
จบแล้ว ก็ยังไม่จบ ปีนี้พี่ที่จบแพทย์ไป 6 ปีแล้ว เขาบอกว่าไปทำงานที่โรงพยาบาลจังหวัดเลย ไกลบ้านมาก เห็นเขาโทรมๆ เลยรู้ว่า มันไม่ง่ายอย่างที่คิด ยิ่งเจอเคสคนไข้ยากๆ ก็เครียดหนักกว่าเดิม บางทีก็ไม่รู้จะรับมือยังไง ความไม่แน่นอนนี่ เยอะมากจริงๆ
ทำงานก็วุ่นวาย คนเยอะ ต้องประสานงานกับพยาบาล นักกายภาพ หลายฝ่าย พูดทั้งวัน จนเจ็บคอ แต่ก็ต้องพยายาม เพื่อให้คนไข้ได้รับการรักษาที่ดีที่สุด ทักษะการสื่อสารสำคัญมาก บางทีต้องอธิบายอาการให้คนไข้เข้าใจ ต้องพูดให้คนไข้และญาติสบายใจ บางทีก็ต้องพูดปลอบใจ เหนื่อย แต่ก็ภูมิใจ
สรุปสั้นๆ เลยละกันนะคะ
- เรียนหนักมาก: สอบหนัก อ่านหนังสือเยอะ พักผ่อนน้อย
- เรียนนาน: อย่างน้อย 6 ปี หลังจากนั้นก็ต้องฝึกงานต่อ
- อยู่เวรบ่อย: นอนน้อย เหนื่อยล้า
- เวลาส่วนตัวน้อย: แทบไม่มีเวลาให้ครอบครัว และเพื่อน
- อาจต้องทำงานไกลบ้าน: โดยเฉพาะถ้าทำงานต่างจังหวัด
- ความไม่แน่นอนสูง: เจอเคสคนไข้ที่ท้าทาย เครียด
- ทำงานกับคนเยอะ: ต้องประสานงาน สื่อสารตลอดเวลา
- ต้องใช้ทักษะการสื่อสาร: อธิบาย ปลอบใจ ให้กำลังใจคนไข้และญาติ
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต