อาการของรูทวารหนักอักเสบมีอะไรบ้าง

5 การดู

แผลขอบทวารหนักอาจมีอาการบวมแดง เจ็บแสบเวลาสัมผัสหรือถ่ายอุจจาระ มีเลือดออกเล็กน้อยติดกระดาษชำระหลังการขับถ่าย บางครั้งอาจมีหนองหรือตกขาวปนเลือด หากมีอาการรุนแรงควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง การดูแลรักษาความสะอาดบริเวณทวารหนักอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดอาการได้

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

รู้ทันอาการ รูทวารหนักอักเสบ ก่อนสายเกินแก้

รูทวารหนักอักเสบ (Anal fissure) เป็นภาวะที่เกิดจากการฉีกขาดของเยื่อบุผิวบริเวณรูทวารหนัก มักพบได้บ่อยในผู้ใหญ่ แม้จะไม่ใช่โรคร้ายแรงถึงชีวิต แต่หากปล่อยทิ้งไว้ อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตได้อย่างมาก ดังนั้น การรู้จักอาการตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญในการเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที

อาการของรูทวารหนักอักเสบนั้นมีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความรุนแรง แต่โดยทั่วไปแล้ว อาการที่พบได้บ่อยๆ มีดังนี้:

  • ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงขณะถ่ายอุจจาระ: นี่เป็นอาการเด่นชัดที่สุดของรูทวารหนักอักเสบ ความเจ็บปวดจะเกิดขึ้นในขณะที่อุจจาระผ่านบริเวณแผล และอาจกินเวลายาวนานถึงหลายชั่วโมงหลังการถ่ายอุจจาระ ความเจ็บปวดนี้รุนแรงจนบางรายอาจกลัวการขับถ่าย ส่งผลให้เกิดภาวะท้องผูกเรื้อรังตามมาได้

  • เลือดออกเล็กน้อยหลังถ่ายอุจจาระ: เลือดจะติดอยู่บนกระดาษชำระหรืออยู่ในอุจจาระ มักเป็นเลือดสดสีแดงสด ปริมาณเลือดไม่มาก แต่หากพบเลือดออกมากหรือบ่อย ควรไปพบแพทย์ทันที

  • มีแผลเปิดหรือรอยแตกบริเวณรูทวารหนัก: สามารถสังเกตได้จากการตรวจดูบริเวณรูทวารหนัก แผลอาจมีขนาดเล็กหรือใหญ่ บวมแดง และเจ็บเวลาสัมผัส

  • มีอาการคันหรือแสบร้อนบริเวณทวารหนัก: อาการนี้มักเกิดขึ้นร่วมกับอาการอื่นๆ และอาจรุนแรงขึ้นเมื่อแผลอักเสบมากขึ้น

  • มีก้อนเนื้อเล็กๆ บริเวณขอบทวารหนัก (Sentinel Pile): เกิดจากการอักเสบเรื้อรัง เป็นก้อนเนื้อเล็กๆ ที่อาจมีความเจ็บปวดเมื่อสัมผัส

  • มีการบีบตัวของกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนัก (Anal sphincter spasm): กล้ามเนื้อหูรูดจะหดตัวอย่างรุนแรงเพื่อป้องกันการสัมผัสกับแผล ส่งผลให้เกิดความเจ็บปวดอย่างมากและถ่ายอุจจาระลำบาก

สิ่งที่ควรทำหากมีอาการสงสัย:

หากคุณมีอาการดังกล่าวข้างต้น ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง การวินิจฉัยนั้นแพทย์อาจทำการตรวจร่างกายโดยการตรวจดูบริเวณรูทวารหนัก และอาจใช้เครื่องมือตรวจสอบเพิ่มเติม การรักษาอาจจะเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การรับประทานอาหารที่มีกากใยสูงเพื่อป้องกันท้องผูก การรักษาด้วยยา หรือการผ่าตัดในกรณีที่รุนแรง

การป้องกัน:

การดูแลรักษาความสะอาดบริเวณทวารหนักอย่างสม่ำเสมอ การรับประทานอาหารที่มีกากใยสูงเพื่อช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ การหลีกเลี่ยงการเบ่งอุจจาระแรงๆ และการดื่มน้ำให้เพียงพอ ล้วนเป็นวิธีการที่ช่วยป้องกันการเกิดรูทวารหนักอักเสบได้

ขอเน้นย้ำอีกครั้งว่า บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ หากมีอาการสงสัย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง