อาการเจ็บตรงกลางอกเกิดจากอะไรได้บ้าง

59 การดู

ข้อมูลแนะนำใหม่ (45 คำ):

หากคุณรู้สึกเจ็บแปลบเหมือนถูกบีบที่กลางอก ร่วมกับอาการเหงื่อออก ตัวเย็น หรือหายใจลำบาก อย่าละเลย! อาการเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ควรรีบไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง รวดเร็วและทันท่วงทีอาจช่วยชีวิตคุณได้

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เจ็บกลางอก…สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม: อะไรคือสาเหตุที่เป็นไปได้?

อาการเจ็บกลางอกเป็นอาการที่สร้างความกังวลใจให้กับหลายคน เพราะอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพร้ายแรงได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว อาการเจ็บกลางอกมีสาเหตุได้หลากหลาย ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นโรคหัวใจเสมอไป การทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่เป็นไปได้จะช่วยให้เราสามารถประเมินอาการเบื้องต้นและตัดสินใจเข้ารับการรักษาได้อย่างถูกต้อง

หัวใจ: สาเหตุที่ต้องระวังเป็นพิเศษ

แน่นอนว่าสาเหตุที่น่ากังวลที่สุดของอาการเจ็บกลางอกคือปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ ซึ่งอาจรวมถึง:

  • โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (Angina): เกิดจากการที่หลอดเลือดแดงที่เลี้ยงหัวใจตีบแคบลง ทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจได้ไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะออกกำลังกายหรือมีภาวะเครียด ผู้ป่วยมักรู้สึกเจ็บแน่นหน้าอกเหมือนมีอะไรมากดทับ
  • ภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน (Myocardial Infarction): เป็นภาวะที่รุนแรงกว่าโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เกิดจากการที่หลอดเลือดหัวใจอุดตันอย่างสมบูรณ์ ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและอาจเกิดความเสียหายถาวรได้ ผู้ป่วยมักมีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรง ร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น เหงื่อออก ตัวเย็น หายใจลำบาก คลื่นไส้ อาเจียน

นอกเหนือจากหัวใจ: สาเหตุอื่นๆ ที่อาจเป็นไปได้

ถึงแม้ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจจะเป็นสาเหตุที่ต้องระวังเป็นพิเศษ แต่ยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดอาการเจ็บกลางอกได้เช่นกัน:

  • ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร:
    • กรดไหลย้อน (GERD): กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาในหลอดอาหาร ทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอกหรือเจ็บหน้าอก
    • หลอดอาหารอักเสบ (Esophagitis): การอักเสบของหลอดอาหารอาจเกิดจากการติดเชื้อ การระคายเคืองจากยา หรือกรดไหลย้อน ทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอก กลืนลำบาก
    • การหดเกร็งของหลอดอาหาร (Esophageal Spasm): การหดตัวของกล้ามเนื้อหลอดอาหารที่ผิดปกติ อาจทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอกคล้ายกับอาการของโรคหัวใจ
  • ปัญหาเกี่ยวกับปอด:
    • เยื่อหุ้มปอดอักเสบ (Pleurisy): การอักเสบของเยื่อหุ้มปอด ทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอกขณะหายใจหรือไอ
    • ปอดบวม (Pneumonia): การติดเชื้อในปอด อาจทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอก ไอ และมีไข้
    • ลิ่มเลือดอุดตันในปอด (Pulmonary Embolism): ลิ่มเลือดที่เดินทางไปอุดตันในหลอดเลือดปอด ทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอก หายใจลำบาก และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
  • ปัญหาเกี่ยวกับกระดูกและกล้ามเนื้อ:
    • การอักเสบของกระดูกอ่อนซี่โครง (Costochondritis): การอักเสบของกระดูกอ่อนที่เชื่อมต่อซี่โครงกับกระดูกหน้าอก ทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอกเมื่อกดบริเวณนั้น
    • กล้ามเนื้อหน้าอกฉีกขาดหรือบาดเจ็บ: การออกกำลังกายที่หนักเกินไป หรือการบาดเจ็บที่หน้าอก อาจทำให้กล้ามเนื้อฉีกขาดและเกิดอาการเจ็บหน้าอก
  • ความเครียดและความวิตกกังวล: ความเครียดและความวิตกกังวลสามารถทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอกได้ โดยมักมาพร้อมกับอาการใจสั่น หายใจถี่ และเหงื่อออก

เมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์?

ถึงแม้ว่าอาการเจ็บกลางอกอาจไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิตเสมอไป แต่ก็ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีอาการดังต่อไปนี้:

  • เจ็บหน้าอกรุนแรงและเฉียบพลัน
  • เจ็บหน้าอกร่วมกับอาการเหงื่อออก ตัวเย็น หายใจลำบาก คลื่นไส้ หรืออาเจียน
  • เจ็บหน้าอกที่เกิดขึ้นขณะออกกำลังกายหรือทำกิจกรรม
  • อาการเจ็บหน้าอกแย่ลงเรื่อยๆ
  • มีปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจ เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน หรือสูบบุหรี่

การเข้ารับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์จะช่วยให้สามารถระบุสาเหตุของอาการเจ็บหน้าอกได้อย่างถูกต้อง และได้รับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป

ข้อควรจำ: ข้อมูลในบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการวินิจฉัยหรือรักษาโรค หากคุณมีอาการเจ็บกลางอก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม

#ปวดอก #อาการอก #เจ็บกลางอก