เลือดแบบไหนที่ไม่ใช่ประจําเดือน

11 การดู

เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดที่ไม่ใช่ประจำเดือน อาจเป็นสัญญาณเตือนปัญหาสุขภาพที่ต้องระวัง เช่น การติดเชื้อ อักเสบ ภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์ หรือโรคร้ายแรง ดังนั้น หากพบอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดและรับการรักษาที่เหมาะสม เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เลือดที่ไม่ใช่ประจำเดือน: สัญญาณเตือนที่ผู้หญิงควรรู้จัก

การมีประจำเดือนเป็นเรื่องปกติของผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ แต่เมื่อไหร่ที่เลือดออกทางช่องคลอดนอกเหนือจากช่วงประจำเดือนปกติ นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนที่ร่างกายกำลังพยายามบอกอะไรบางอย่าง การรู้จักและเข้าใจลักษณะของเลือดที่ “ไม่ใช่ประจำเดือน” จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราดูแลสุขภาพของตัวเองได้อย่างทันท่วงที

เลือดที่ออกมาผิดปกติ อาจมีลักษณะแตกต่างกันไป ทั้งปริมาณ สี และช่วงเวลาที่เกิดขึ้น ซึ่งแต่ละลักษณะอาจบ่งบอกถึงสาเหตุที่แตกต่างกัน:

1. เลือดออกกระปริดกระปรอย (Spotting): คือเลือดออกในปริมาณน้อยมาก อาจมีสีชมพูจางๆ หรือสีน้ำตาลเข้ม มักเกิดขึ้นระหว่างรอบเดือน หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ เลือดออกกระปริดกระปรอยอาจเกิดจาก:

  • ความไม่สมดุลของฮอร์โมน: โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเริ่มทานหรือหยุดยาคุมกำเนิด หรืออยู่ในช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือน
  • การใช้ยาบางชนิด: เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรือยาต้านเศร้า
  • การฝังตัวของตัวอ่อน: ในช่วงต้นของการตั้งครรภ์ อาจมีเลือดออกเล็กน้อยขณะที่ตัวอ่อนฝังตัวในผนังมดลูก
  • การติดเชื้อในช่องคลอดหรือปากมดลูก: เช่น เชื้อรา แบคทีเรีย หรือไวรัส
  • ติ่งเนื้อในมดลูกหรือปากมดลูก: ติ่งเนื้อเหล่านี้อาจทำให้เกิดเลือดออกได้ง่าย
  • การอักเสบของมดลูกหรือปากมดลูก: เช่น จากการติดเชื้อ หรือการระคายเคือง

2. เลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์: เลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์อาจเป็นเรื่องปกติ หากเกิดขึ้นนานๆครั้ง แต่หากเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ควรปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเกิดจาก:

  • การฉีกขาดของเนื้อเยื่อในช่องคลอด: โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากช่องคลอดแห้ง
  • การอักเสบของปากมดลูก: ทำให้เกิดการระคายเคืองและเลือดออกง่าย
  • ติ่งเนื้อในปากมดลูก: ทำให้เกิดเลือดออกขณะเสียดสี
  • มะเร็งปากมดลูก: แม้จะไม่ใช่สาเหตุหลัก แต่ควรได้รับการตรวจคัดกรองเพื่อความมั่นใจ

3. เลือดออกระหว่างรอบเดือน: เลือดออกนอกเหนือจากช่วงเวลาปกติของประจำเดือน อาจมีปริมาณมากหรือน้อยก็ได้ อาจเกิดจาก:

  • ภาวะไข่ไม่ตก: ทำให้ฮอร์โมนไม่สมดุลและเกิดเลือดออกผิดปกติ
  • โรคถุงน้ำในรังไข่ (PCOS): ทำให้ฮอร์โมนผิดปกติและมีเลือดออกไม่สม่ำเสมอ
  • เนื้องอกในมดลูก: เช่น เนื้องอกในกล้ามเนื้อมดลูก (Fibroids) หรือเนื้องอกในเยื่อบุโพรงมดลูก (Polyps)
  • ภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์: เช่น การแท้งบุตร หรือการตั้งครรภ์นอกมดลูก

4. เลือดออกหลังหมดประจำเดือน: เลือดออกหลังจากหมดประจำเดือนไปแล้ว ถือเป็นเรื่องผิดปกติและควรได้รับการตรวจอย่างละเอียด เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของ:

  • เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติ: อาจเป็นภาวะก่อนมะเร็ง หรือมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก
  • การใช้ฮอร์โมนทดแทน: บางครั้งอาจทำให้เกิดเลือดออกได้
  • ติ่งเนื้อในมดลูก: ทำให้เกิดเลือดออกได้

สิ่งที่ควรทำเมื่อพบเลือดออกผิดปกติ:

  • สังเกตลักษณะของเลือด: สี ปริมาณ ช่วงเวลาที่เกิดขึ้น และอาการอื่นๆ ที่เกิดขึ้นร่วมด้วย
  • จดบันทึกรายละเอียด: เพื่อให้ข้อมูลแก่แพทย์ได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน
  • ปรึกษาแพทย์: เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม

ข้อควรจำ: เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด อาจไม่ได้หมายความว่าเป็นโรคร้ายแรงเสมอไป แต่การไม่ละเลยและรีบปรึกษาแพทย์จะช่วยให้เราสามารถวินิจฉัยและรักษาปัญหาได้อย่างทันท่วงที เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว

#เลือดผิดปกติ #เลือดไม่ใช่ประจำเดือน