เอ็นฉีกต้องใส่เฝือกไหม

เอ็นฉีก ต้องใส่เฝือกไหม? คำตอบคือ…ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย

อาการเอ็นฉีกเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย ไม่ว่าจะเกิดจากการเล่นกีฬา อุบัติเหตุ หรือการใช้งานข้อต่อที่มากเกินไป เมื่อเกิดอาการนี้ขึ้น คำถามแรกที่มักผุดขึ้นในใจคือ “ต้องใส่เฝือกไหม?” คำตอบนั้นไม่ใช่คำตอบง่ายๆแบบใช่หรือไม่ใช่ แต่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่ซับซ้อน และสำคัญที่สุดคือ การวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

การตัดสินใจว่าจะใส่เฝือกหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพียงแค่ “เอ็นฉีก” แต่ต้องพิจารณาถึงระดับความรุนแรงของการฉีกขาด ตำแหน่งที่เกิดการฉีกขาด และสภาพร่างกายโดยรวมของผู้ป่วย เช่น:

• ระดับความรุนแรงของการฉีกขาด: การฉีกขาดเล็กน้อยอาจไม่จำเป็นต้องใส่เฝือก การรักษาอาจเน้นไปที่การพักการใช้งาน ประคบเย็น และการใช้ยาแก้ปวด ในขณะที่การฉีกขาดรุนแรง หรือฉีกขาดจนขาดสะบั้น อาจจำเป็นต้องมีการผ่าตัดซ่อมแซม และอาจต้องใส่เฝือกเพื่อช่วยในการตรึงและรักษาตำแหน่งของข้อต่อให้คงที่ เพื่อให้กระบวนการรักษาและการสมานของเอ็นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

• ตำแหน่งที่เกิดการฉีกขาด: เอ็นที่ฉีกขาดในบริเวณที่รับน้ำหนักมาก เช่น เอ็นไขว้หน้าเข่า อาจต้องการการรักษาที่เข้มงวดกว่า ซึ่งอาจรวมถึงการใส่เฝือก เพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวที่อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บซ้ำ หรือทำให้การรักษาไม่ประสบผลสำเร็จ

• สภาพร่างกายโดยรวมของผู้ป่วย: ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวอื่นๆ เช่น โรคเบาหวาน หรือโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน อาจมีกระบวนการรักษาที่ช้ากว่า และอาจต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนานขึ้น ซึ่งการใส่เฝือกอาจช่วยลดภาระและเร่งกระบวนการรักษาได้

นอกจากนี้ แพทย์ยังพิจารณาปัจจัยอื่นๆ เช่น อายุ ระดับกิจกรรม และความต้องการในการใช้งานข้อต่อนั้นๆ ในการวางแผนการรักษา การกายภาพบำบัด ก็เป็นส่วนสำคัญในการฟื้นฟูสมรรถภาพหลังการรักษา เพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของเอ็นและข้อต่อให้กลับมาทำงานได้ตามปกติ

สรุปแล้ว การตัดสินใจว่าจะใส่เฝือกหรือไม่ในกรณีเอ็นฉีก เป็นเรื่องที่ต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น อย่าพยายามวินิจฉัยหรือรักษาตนเอง เพราะอาจทำให้การบาดเจ็บรุนแรงขึ้น หรือทำให้การรักษาใช้เวลานานขึ้น การไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรับคำแนะนำที่เหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการรักษาอาการเอ็นฉีกให้หายเป็นปกติและปลอดภัย