คอมเพรสเซอร์ตู้เย็นเสียอาการเป็นยังไง

7 การดู

ข้อมูลแนะนำ:

ตู้เย็นไม่เย็นฉ่ำ? ลองฟังเสียงด้านหลังตู้เย็น! ถ้าเงียบผิดปกติ ไม่มีเสียงเครื่องทำงาน อาจเป็นสัญญาณว่าคอมเพรสเซอร์ น็อค เสียแล้ว อย่าปล่อยไว้นาน รีบเรียกช่างเช็คด่วน ป้องกันอาหารเน่าเสีย และประหยัดค่าไฟในระยะยาว!

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

คอมเพรสเซอร์ตู้เย็น: หัวใจที่หยุดเต้น…สัญญาณอันตรายที่ต้องรีบแก้ไข

ตู้เย็น เปรียบเสมือนหัวใจสำคัญของครัวเรือน ที่คอยรักษาความสดใหม่ของอาหารและเครื่องดื่ม แต่หากวันใด “หัวใจ” ที่ว่าเกิดอาการ “น็อค” หรือหยุดทำงานขึ้นมา ปัญหาใหญ่ก็ตามมาอย่างแน่นอน และเจ้า “หัวใจ” ที่เรากล่าวถึงนั้นก็คือ คอมเพรสเซอร์ตู้เย็น นั่นเอง

คอมเพรสเซอร์ทำหน้าที่เป็นตัวปั๊มสารทำความเย็น หมุนเวียนไปทั่วระบบ เพื่อดูดซับความร้อนภายในตู้เย็น แล้วระบายออกสู่ภายนอก หากคอมเพรสเซอร์เสีย ตู้เย็นก็จะไม่มีความเย็น อาหารเน่าเสีย และค่าไฟก็จะพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ ดังนั้น การสังเกตอาการผิดปกติของคอมเพรสเซอร์จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง

แล้วอาการคอมเพรสเซอร์ตู้เย็นเสีย มีอะไรบ้าง?

นอกเหนือจากข้อมูลเบื้องต้นที่เราทราบกันดีว่า “ตู้เย็นไม่เย็นฉ่ำ” และ “ไม่มีเสียงเครื่องทำงาน” แล้ว ยังมีสัญญาณอื่นๆ ที่อาจบ่งบอกถึงความผิดปกติของคอมเพรสเซอร์ที่ควรสังเกตดังนี้:

  • เสียงดังผิดปกติ: ปกติตู้เย็นจะมีเสียงการทำงานที่สม่ำเสมอ แต่หากได้ยินเสียงดังครืดคราด, เสียงสั่นรัว หรือเสียงแปลกๆ ที่ผิดไปจากเดิม นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าชิ้นส่วนภายในคอมเพรสเซอร์เริ่มสึกหรอหรือเสียหาย
  • ตู้เย็นทำงานตลอดเวลา: แม้จะตั้งอุณหภูมิไว้ปกติ แต่ตู้เย็นกลับทำงานตลอดเวลาไม่มีพัก นั่นอาจเป็นเพราะคอมเพรสเซอร์ทำงานหนักเกินไปเพื่อพยายามรักษาอุณหภูมิให้เย็นตามที่ตั้งไว้ ซึ่งอาจบ่งบอกถึงประสิทธิภาพที่ลดลงของคอมเพรสเซอร์
  • มีกลิ่นเหม็นไหม้: หากได้กลิ่นเหม็นไหม้มาจากบริเวณด้านหลังตู้เย็น นั่นเป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งบอกว่าคอมเพรสเซอร์อาจจะไหม้ หรือมีสายไฟช็อต ควรปิดตู้เย็นทันทีและเรียกช่าง
  • ไฟตก/ไฟกระชากเมื่อตู้เย็นเริ่มทำงาน: เมื่อคอมเพรสเซอร์เริ่มทำงาน จะมีการดึงกระแสไฟฟ้าสูง หากพบว่าเมื่อตู้เย็นเริ่มทำงานแล้วไฟในบ้านตก หรือเกิดไฟกระชาก อาจเป็นสัญญาณว่าคอมเพรสเซอร์มีปัญหาในการสตาร์ท
  • มีน้ำแข็งเกาะมากเกินไป: แม้ว่าการมีน้ำแข็งเกาะในช่องแช่แข็งจะเป็นเรื่องปกติ แต่หากมีน้ำแข็งเกาะมากเกินไป ผิดปกติ และรวดเร็วกว่าที่เคย อาจบ่งบอกถึงประสิทธิภาพการทำความเย็นที่ลดลงของคอมเพรสเซอร์

เมื่อพบอาการผิดปกติ ควรทำอย่างไร?

  1. ตรวจสอบเบื้องต้น: ลองตรวจสอบปลั๊กไฟ, แรงดันไฟฟ้า และตั้งอุณหภูมิดูว่าถูกต้องหรือไม่
  2. ทำความสะอาด: ทำความสะอาดคอยล์ร้อนด้านหลังตู้เย็น เพื่อให้ระบายความร้อนได้ดีขึ้น
  3. เรียกช่างผู้เชี่ยวชาญ: หากตรวจสอบเบื้องต้นแล้วยังไม่ดีขึ้น ควรรีบเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบโดยละเอียด เพราะการซ่อมคอมเพรสเซอร์เป็นงานที่ซับซ้อน ต้องใช้เครื่องมือและความชำนาญเฉพาะทาง

อย่าปล่อยทิ้งไว้นาน…เพราะอะไร?

การปล่อยทิ้งไว้เมื่อคอมเพรสเซอร์เริ่มมีอาการผิดปกติ นอกจากจะทำให้อาหารเน่าเสียแล้ว ยังอาจส่งผลเสียอื่นๆ ตามมา เช่น:

  • ค่าไฟที่สูงขึ้น: คอมเพรสเซอร์ที่ทำงานผิดปกติจะกินไฟมากกว่าปกติ
  • ความเสียหายที่มากขึ้น: หากปล่อยทิ้งไว้ อาจทำให้ความเสียหายลุกลามไปยังส่วนอื่นๆ ของตู้เย็น
  • อายุการใช้งานที่สั้นลง: การใช้งานคอมเพรสเซอร์ที่ผิดปกติ จะทำให้อายุการใช้งานของตู้เย็นสั้นลง

ดังนั้น การสังเกตอาการผิดปกติของคอมเพรสเซอร์ตู้เย็น และรีบแก้ไขเมื่อพบปัญหา จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยรักษาความสดใหม่ของอาหาร ประหยัดค่าไฟ และยืดอายุการใช้งานของตู้เย็นคู่ใจของคุณ