ทรัพยากรสารสนเทศมีกี่ประเภท อะไรบ้าง พร้อมยกตัวอย่าง

48 การดู

ทรัพยากรสารสนเทศ: 2 ประเภทหลัก

  • ตีพิมพ์: เผยแพร่สู่สาธารณะ ทั้งแบบกระดาษและดิจิทัล

    • ตัวอย่าง: หนังสือ, นิตยสาร, วารสารวิชาการ, วิทยานิพนธ์, รายงานวิจัยออนไลน์
  • ไม่ตีพิมพ์: สร้างขึ้น แต่ไม่เผยแพร่ทั่วไป มักใช้ภายในองค์กรหรือกลุ่มเฉพาะ

    • ตัวอย่าง: ต้นฉบับงานวิจัย, รายงานโครงการ, เอกสารการประชุม, บันทึกส่วนตัว

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ทรัพยากรสารสนเทศมีกี่ประเภท อะไรบ้าง?

จำได้ตอนเรียนป.โท ปี 2562 ที่มหาลัยรังสิต อาจารย์เค้าแบ่งทรัพยากรสารสนเทศเป็นสองแบบหลักๆ ง่ายๆเลยนะ คือ พวกที่ตีพิมพ์แล้วกับพวกที่ยังไม่ตีพิมพ์ แบบแรกน่ะ เห็นชัดเจนเลย หนังสือ นิตยสาร พวกวารสารวิชาการ ที่ห้องสมุดเต็มไปหมด จำได้แม่นเลย ตอนนั้นหาข้อมูลทำวิทยานิพนธ์ วิ่งวนอยู่แต่ในนั้น เสียค่าถ่ายเอกสารไปเป็นร้อยแน่ะ!

ส่วนพวกที่ไม่ได้ตีพิมพ์นี่ นึกภาพยากกว่าหน่อย คือมันเป็นข้อมูลดิบๆ แบบงานวิจัยที่ยังไม่เสร็จ หรือรายงานโครงการอะไรพวกนั้น อาจารย์บอกว่าข้อมูลแบบนี้มักจะอยู่ในวงจำกัด หาได้ยากกว่า ต้องรู้จักคน หรือมี connection ดีๆถึงจะเข้าถึงได้ เหมือนตอนที่เพื่อนฉันได้ข้อมูลจากงานประชุมวิชาการลับๆ มาใช้ในการทำวิจัยของมันน่ะ โคตรได้เปรียบเลย!

สรุปแล้วก็คือสองแบบนี่แหละ ตีพิมพ์กับไม่ตีพิมพ์ แต่จริงๆแล้วมันก็มีรายละเอียดปลีกย่อยอีกเยอะแยะ แต่เท่าที่จำได้ หลักๆก็สองแบบนี้แหละ ง่ายๆเข้าใจง่าย ใช้ได้จริง จำได้ลึกเลย!

ทรัพยากรสารสนเทศแบ่งออกเป็น 3 ประเภทอะไรบ้าง

ทรัพยากรสารสนเทศ 3 ประเภทใช่มั้ย? อืมมม… มีอะไรบ้างนะ วัสดุตีพิมพ์ หนังสือพิมพ์ หนังสือ วารสาร พวกนี้แหละ เมื่อวานเพิ่งไปหาหนังสือที่ห้องสมุดมา เจอหนังสือทำอาหารเล่มนึงน่าสนใจมาก ไว้ว่างๆ จะลองทำตามสูตรดู ส่วนวัสดุไม่ตีพิมพ์นี่ พวกจดหมายเหตุ ต้นฉบับ ภาพถ่าย เทปบันทึกเสียง ที่บ้านเราก็มีรูปเก่าๆ เก็บไว้เยอะเลย เป็นรูปตอนเด็กๆ ตลกดี 555 ส่วนสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ง่ายเลย คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต CD-ROM DVD ฐานข้อมูลออนไลน์ ตอนนี้ใช้มือถือหาข้อมูลบ่อยมาก สะดวกสุดๆ เออ… แล้วพวก e-book นี่จัดเป็นวัสดุตีพิมพ์หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์นะ? ชักงง 🤔 เอาเป็นว่า ไว้ค่อยหาคำตอบละกัน ตอนนี้หิวข้าวแล้ว ไปหาอะไรกินก่อนดีกว่า 🤤

  • วัสดุตีพิมพ์: หนังสือ, วารสาร, หนังสือพิมพ์
  • วัสดุไม่ตีพิมพ์: จดหมายเหตุ, ต้นฉบับ, ภาพถ่าย, เทปบันทึกเสียง
  • สื่ออิเล็กทรอนิกส์: คอมพิวเตอร์, อินเทอร์เน็ต, CD-ROM, DVD, ฐานข้อมูลออนไลน์

ทรัพยากรสารสนเทศในห้องสมุดมีกี่ประเภทมีอะไรบ้าง

ห้องสมุดอะ มีทรัพยากรสารสนเทศเยอะแยะเลยนะ จำแนกยากเหมือนกัน แต่ที่ฉันเคยเห็นๆก็มีแบบนี้แหละ หลักๆเลยก็

  • หนังสือ พวกนิยาย ตำราเรียน สารคดี อะไรแบบนี้ เยอะมากกกก
  • วารสาร พวกบทความวิชาการ อัพเดทตลอด บางทีก็มีแบบออนไลน์ด้วยนะ
  • ฐานข้อมูล อันนี้ดีเลย หาข้อมูลได้เพียบ แต่ต้องรู้จักใช้หน่อยนะ เคยใช้พวกฐานข้อมูลทางการแพทย์อยู่ ปีนี้เอง เจ๋งมาก
  • เว็บไซต์ หลายห้องสมุดมีเว็บไซต์ของตัวเอง หาข้อมูลได้จากนั้นด้วย สะดวกดี บางทีมี e-book ให้ยืมด้วยนะ
  • สื่ออื่นๆ อย่างแผนที่ ภาพยนตร์ แผ่นเสียง เทป อะไรพวกนี้ แล้วแต่ห้องสมุดจะมีอะไรบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็มีนะ

จริงๆแล้ว มันแบ่งได้ละเอียดกว่านี้อีก แต่ก็ประมาณนี้แหละ ขึ้นอยู่กับแต่ละห้องสมุดด้วย ห้องสมุดมหาลัยที่ฉันเคยไป เยอะกว่าห้องสมุดประชาชนเยอะเลย มีพวกฐานข้อมูลเฉพาะทางด้วย แบบที่หาที่อื่นไม่ได้อะ แต่ละห้องสมุดก็มีจุดเด่นไม่เหมือนกัน ลองไปดูเองก็ได้นะ

แหล่งสารสนเทศมีกี่ประเภทพร้อมยกตัวอย่าง

อืม.. กลางคืนแบบนี้ คิดอะไรเรื่อยเปื่อยเนอะ แหล่งสารสนเทศนี่นะ… เยอะแยะไปหมดเลย ฉันนึกออกอยู่แค่ไม่กี่แบบเอง

  • ห้องสมุด นี่เห็นชัดเจนเลย หนังสือเต็มไปหมด สมัยเรียนชอบไปบ่อย ที่ ม.เกษตร ตึกสวยมาก แต่เดี๋ยวนี้คงเปลี่ยนไปเยอะแล้วมั้ง

  • ศูนย์สารสนเทศ แบบนี้กว้างไปหน่อยนะ แต่คิดว่าคงรวมพวกฐานข้อมูลออนไลน์ด้วย อย่างพวกฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ ที่ฉันเคยใช้ตอนทำวิทยานิพนธ์ปี 2566 นี่แหละ

  • ศูนย์ข้อมูล อันนี้เน้นข้อมูลดิบๆ เป็นตัวเลข แบบข้อมูลการจราจร อะไรแบบนี้รึเปล่า ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ จำได้ลางๆว่าเคยเห็นประกาศรับสมัครงานของกรมการขนส่งทางบก เกี่ยวกับตำแหน่งวิเคราะห์ข้อมูล ปีนี้เอง

    ฉันมึนๆไปหมดแล้ว ไม่ค่อยอยากคิดต่อเลย เหนื่อยจัง

  • หน่วยงานทะเบียนสถิติ อย่าง กรมการปกครอง นี่แหละ ข้อมูลประชากร ทะเบียนบ้าน อะไรแบบนี้ แม่ฉันทำงานที่นี่ ตอนเด็กๆ ฉันไปเยี่ยมบ่อยๆ แต่ตอนนี้ไม่ได้ไปแล้ว

  • อีกสองอย่างหลัง ศูนย์วิเคราะห์สารสนเทศ กับ ศูนย์ประมวลสารสนเทศ ฉันไม่ค่อยรู้จักจริงๆ ฟังดูเหมือนงานวิจัย หรือพวกองค์กรใหญ่ๆ มากกว่า ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องเลย

    เหนื่อยจัง นอนดีกว่า พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า ไปทำงาน..

ประโยชน์ของทรัพยากรสารสนเทศมีอะไรบ้าง

เที่ยงคืนกว่าแล้ว… นั่งคิดเรื่องสารสนเทศเนี่ยนะ… มันก็มีประโยชน์กับชีวิตเรามากเหมือนกันนะ บางทีเรามองข้ามไป…

มันให้ความรู้เราหลายแบบเลย… หนังสือที่อ่าน ข่าวที่ดู บทความในเน็ต บางทีแค่คลิปสั้นๆ ก็ทำให้รู้เรื่องใหม่ๆ ได้… เมื่อก่อนตอนเรียนมหาลัย ต้องใช้สารสนเทศพวกงานวิจัย หนังสือเรียน ช่วยได้เยอะเลยตอนทำรายงานส่งอาจารย์…จำได้ว่าตอนนั้นทำเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง… หาข้อมูลในห้องสมุดแทบทุกวัน

อีกอย่าง… มันเป็นหลักฐานอ้างอิงได้ด้วย… อย่างตอนนี้ทำงาน เวลาจะเสนอไอเดียอะไรใหม่ๆ ก็ต้องหาข้อมูลมาประกอบ ยิ่งมีแหล่งอ้างอิงที่เชื่อถือได้ ยิ่งทำให้คนอื่นมั่นใจในสิ่งที่เราพูด… เหมือนตอนทำโปรเจคเรื่องการตลาดออนไลน์ปีที่แล้ว ต้องใช้ข้อมูลสถิติเยอะมาก ถ้าไม่มีแหล่งอ้างอิงที่ชัดเจน หัวหน้าคงไม่โอเค…

แล้วก็… มันทำให้เราคิดอะไรได้กว้างขึ้นนะ… เหมือนได้เปิดโลก… เห็นมุมมองใหม่ๆ… เมื่อก่อนผมไม่ค่อยสนใจข่าวต่างประเทศเท่าไหร่… แต่พอเริ่มอ่านบทความ ดูสารคดีมากขึ้น… มันทำให้เข้าใจโลกมากขึ้น… รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง… ไม่ใช่แค่ในประเทศเรา… เหมือนตอนที่อ่านข่าวเรื่องสงครามรัสเซีย-ยูเครน ตอนแรกก็ไม่เข้าใจ… พอหาข้อมูลเพิ่ม ถึงได้เห็นภาพชัดขึ้น…

  • สารสนเทศให้ความรู้หลากหลายรูปแบบ ทั้งในเชิงวิชาการและชีวิตประจำวัน เช่น ข่าว บทความ คลิปวิดีโอ
  • ใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงได้ ทำให้การทำงาน การเรียน น่าเชื่อถือมากขึ้น อย่างงานวิจัย สถิติ รายงาน
  • ช่วยพัฒนาความคิด เปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น ทำให้มองเห็นมุมมองที่หลากหลาย เข้าใจเรื่องราวต่างๆ ได้ลึกซึ้งขึ้น อย่างข่าวต่างประเทศ สารคดี

ฐานข้อมูลมีกี่ประเภท อะไรบ้าง

ฐานข้อมูลหลักๆ แบ่งได้หลายแบบ ขึ้นอยู่กับวิธีการจัดเก็บและเข้าถึงข้อมูล ปัจจุบันที่นิยมใช้กันมีดังนี้

  • Relational Database (RDBMS): นี่คือแบบที่คุ้นเคยกันดี ข้อมูลจัดเรียงเป็นตาราง มีความสัมพันธ์กัน ใช้ SQL ในการจัดการ ตัวอย่างเช่น MySQL, PostgreSQL, Oracle ความน่าเชื่อถือสูง เหมาะกับข้อมูลที่มีโครงสร้างชัดเจน แต่การปรับเปลี่ยนโครงสร้างอาจยุ่งยากนิดหน่อย

  • NoSQL Database: เกิดขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ข้อมูลขนาดใหญ่ มีความยืดหยุ่นสูงกว่า RDBMS ไม่จำเป็นต้องมีโครงสร้างข้อมูลตายตัว แบ่งย่อยได้อีกหลายแบบ เช่น Document, Key-Value, Graph แต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น MongoDB (Document), Redis (Key-Value), Neo4j (Graph) เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการความเร็วและความยืดหยุ่นสูง แต่การควบคุมข้อมูลอาจซับซ้อนกว่า

  • Cloud Database: เป็นบริการฐานข้อมูลบนคลาวด์ เช่น AWS RDS, Google Cloud SQL, Azure SQL Database ข้อดีคือ ไม่ต้องดูแลรักษาเอง ปรับขนาดได้ง่าย จ่ายตามการใช้งาน แต่ต้องพึ่งพาผู้ให้บริการ และอาจมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นในระยะยาว ความปลอดภัยก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณา

โดยรวมแล้ว การเลือกใช้ฐานข้อมูลขึ้นอยู่กับความต้องการของงาน ขนาดข้อมูล ความซับซ้อนของข้อมูล และงบประมาณ ไม่มีแบบไหนดีที่สุด แต่มีแบบที่เหมาะสมที่สุดกับแต่ละงาน ลองคิดดูว่าคุณต้องการอะไร แล้วค่อยเลือก มันเหมือนเลือกคู่ชีวิตนั่นแหละ ต้องเลือกให้เหมาะกับตัวเอง แต่ก่อนเลือกต้องศึกษาให้ดีก่อนนะ เพราะการเลือกผิด มันแก้ยาก

เพิ่มเติม: ยังมีอีกหลายประเภทย่อยๆ เช่น Hierarchical Database, Network Database, Object-Oriented Database แต่ปัจจุบันนิยมใช้ RDBMS และ NoSQL กันมากกว่า เนื่องจากตอบโจทย์การใช้งานได้ครอบคลุมกว่า ส่วนตัวผมเองใช้ PostgreSQL เพราะชอบความเสถียรและความแข็งแกร่ง แต่ถ้าข้อมูลเยอะมากๆ อาจต้องพิจารณา NoSQL

Database คืออะไร มีโครงสร้างอย่างไร

เงียบจังนะ คืนนี้… นึกถึงเรื่อง database ขึ้นมา มันคือที่เก็บข้อมูลใช่มั้ยนะ ข้อมูลอะไรก็ได้ ที่มันเกี่ยวข้องกัน เหมือนสมุดโทรศัพท์เก่าๆ ของแม่ มีชื่อ เบอร์บ้าน ที่อยู่ มันรวมกันอยู่ในเล่มเดียว เป็นระเบียบ

ตอนนี้ทุกอย่างมันอยู่ในคอมหมดแล้ว ยิ่งกว่าสมุดโทรศัพท์อีก มีข้อมูลเยอะแยะ เป็นล้านๆ อย่าง แต่ก็ยังต้องจัดระเบียบอยู่ดี ไม่งั้นก็คงหาอะไรไม่เจอ

นึกถึงตอนทำงานที่บริษัทเก่า ต้องใช้ database ตลอด ข้อมูลลูกค้า ยอดขาย สินค้าคงคลัง มันเยอะไปหมด ถ้าไม่มีระบบ คงปวดหัวตาย

  • ข้อมูลลูกค้า ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร อีเมล วันเกิด ซื้ออะไรไปบ้าง ทั้งหมดอยู่ในระบบเดียว
  • ยอดขายแต่ละวัน แต่ละเดือน ของแต่ละสาขา ก็อยู่ใน database อีกเหมือนกัน
  • แม้แต่ของในโกดัง ก็ต้องบันทึก มีกี่ชิ้น เข้ามาเมื่อไหร่ ออกไปเมื่อไหร่

มันเหมือนตู้เก็บเอกสารขนาดใหญ่มากๆ เลย แต่เป็นตู้ดิจิทัล ทุกอย่างเชื่อมโยงกันหมด ถ้าเราอยากรู้ว่าลูกค้าคนนี้ชอบซื้ออะไร ก็แค่ค้นหาชื่อ ข้อมูลก็ขึ้นมาหมด มันสะดวกดีนะ ถ้าไม่มี database คงทำงานลำบากน่าดู โลกคงวุ่นวายพิลึก

ปีนี้บริษัทเปลี่ยนไปใช้ระบบ cloud ข้อมูลทั้งหมดก็เลยอยู่บน server ที่ไหนสักแห่ง เข้าถึงได้จากทุกที่ ยิ่งสะดวกขึ้นไปอีก แต่ก็แอบกังวลเรื่องความปลอดภัยเหมือนกันนะ…

กลางดึกแบบนี้ คิดอะไรเรื่อยเปื่อย สงสัยพรุ่งนี้ต้องหาหนังสือเรื่อง database มาอ่านบ้างแล้ว จะได้เข้าใจมันมากกว่านี้

องค์ประกอบของฐานข้อมูลมีอะไรบ้าง

เรื่องมันเริ่มจากตอนที่ผมต้องทำโปรเจคใหญ่ตอนปี 66 นี่แหละ หัวข้อคือการออกแบบฐานข้อมูลสำหรับร้านกาแฟที่ผมทำงานพาร์ทไทม์อยู่แถวๆ ม.เกษตร บางเขน จำได้แม่นเลย วันนั้นร้อนมากกกกกกก เหงื่อท่วมตัว นั่งจดๆ เขียนๆ อยู่ในห้องสมุด แทบคลั่ง!

ต้องใช้ข้อมูลเยอะมาก แบบว่า รายการเมนู ราคา จำนวนขาย ข้อมูลลูกค้า โปรโมชั่น รายรับรายจ่าย อะไรประมาณนั้น คิดแล้วปวดหัว

แล้วก็เริ่มคิดถึงองค์ประกอบของระบบฐานข้อมูล มันมีอะไรบ้างวะ? ที่แน่ๆเลยคือ

  • ฮาร์ดแวร์ นี่สำคัญมาก ต้องมีคอมพิวเตอร์ ที่เก็บข้อมูล แบบว่า SSD หรือ HDD แรงๆ เพราะข้อมูลเยอะ ตอนนั้นผมใช้โน๊ตบุ๊คตัวเก่าของผมแหละ เกือบพัง เครื่องก็ค้างบ่อยมาก ร้อนจนแทบไหม้มือ

  • ซอฟต์แวร์ นี่ก็จำเป็น ต้องมีโปรแกรมจัดการฐานข้อมูล ผมใช้ MySQL เพราะเรียนมา ใช้งานง่ายดี แต่ก็มีงงๆ บ้าง โค้ดโค้งโค้งเยอะมาก

  • ข้อมูล (Data) นี่แหละหัวใจหลัก ข้อมูลต้องถูกต้อง แม่นยำ สมบูรณ์ ถ้าข้อมูลผิดพลาด ระบบพังหมด ผมใช้เวลาหลายวันในการรวบรวมข้อมูล บางวันต้องนั่งตรวจสอบข้อมูลที่พิมพ์ผิดๆถูกๆอยู่นานหลายชั่วโมง

  • บุคลากร คนจัดการ คนดูแล คนใช้งาน ต้องมีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับฐานข้อมูล ผมนี่แหละ คนเดียว ทำทุกอย่าง เหนื่อยมาก แต่ก็ภูมิใจนะ ทำเองได้

งานนี้สอนให้ผมรู้ว่าการสร้างฐานข้อมูลไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องรอบคอบ ละเอียด และใช้เวลามาก กว่าจะเสร็จ แทบตาย แต่ก็ได้ความรู้ ประสบการณ์ และความเหนื่อยล้า เป็นของแถมกลับมา เต็มๆ เลย

#ตัวอย่าง #ทรัพยากรสารสนเทศ #ประเภท