รายได้จากแอพพลิเคชั่น มาจากไหน

28 การดู

รายได้จากแอปพลิเคชัน:

  • การซื้อในแอป: แอปฟรีบางแอป (เช่น เกม) สร้างรายได้จากการขายไอเทมเพิ่มเติม หรือสติกเกอร์ไลน์เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน
  • โฆษณา: แอปจำนวนมากสร้างรายได้จากการแสดงโฆษณาภายในแอป
  • รุ่นทดลอง: บางแอปเสนอให้ทดลองใช้ฟรี ก่อนที่จะต้องเสียเงินเพื่อใช้งานฟีเจอร์ทั้งหมด

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

รายได้แอปพลิเคชัน มาจากช่องทางไหน?

รายได้แอปพลิเคชันเนี่ยนะ มาจากไหนบ้าง? อืมม… คิดๆ ดูแล้วมันก็หลายทางอยู่นะ

จำได้เลยตอนเล่นเกมฟรีในมือถือเมื่อก่อน (น่าจะซักปี 2015-2016 มั้ง) คือโหลดมาเล่นฟรีๆ นั่นแหละ แต่พอเล่นไปซักพักมันจะมีพวกของที่ช่วยให้เราเก่งขึ้น หรือไอเทมพิเศษอะไรพวกนี้ ที่ต้อง “เติมเงิน” เพื่อซื้อถึงจะได้มา คือถ้าไม่ซื้อก็เล่นได้ แต่ก็จะสู้คนอื่นยากหน่อย ไรงี้

แล้วก็พวกแอปอย่าง Line นี่ก็ชัดเจนเลย สติ๊กเกอร์ไง! คือสติ๊กเกอร์บางอันมันฟรีก็จริง แต่ไอ้พวกน่ารักๆ กวนๆ ทั้งหลายแหล่ มักจะต้องเสียเงินซื้อหมด (จำได้ว่าเคยซื้อสติ๊กเกอร์ไลน์ไปหลายร้อยอยู่เหมือนกันนะ ตอนนั้น)

อีกอย่างที่เห็นบ่อยๆ ก็คือโฆษณา คือบางแอปเปิดมาปุ๊บโฆษณาเด้งขึ้นมาเลย บางทีก็เป็นแบนเนอร์เล็กๆ ติดอยู่ข้างล่างจอ คือรายได้มันก็คงมาจากค่าโฆษณาที่พวกบริษัทต่างๆ จ่ายให้แอปพวกนี้นั่นแหละ

แล้วก็เคยเจอแอปที่ให้ทดลองใช้ฟรีด้วยนะ แบบว่าให้ใช้ฟังก์ชันบางอย่างได้ฟรีๆ ซักพักนึง แล้วถ้าอยากใช้ฟังก์ชันที่เหลือ หรืออยากใช้ต่อ ก็ต้องจ่ายเงิน (อันนี้ส่วนตัวไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ รู้สึกเหมือนโดนหลอก 555)

ทำแอพได้เงินจากไหน

ทำแอปแล้วจะได้แดกอะไร? ไม่ใช่แค่ฝันลมๆ แล้งๆ

  • โฆษณา: ยัดเยียดให้คนดู จ่ายมาก็ใส่ให้
  • CPA: หลอกให้โหลด ติดตั้ง ทำอะไรบางอย่าง
  • In-app purchases: ของกากๆ แต่ขายแพงๆ
  • Subscription: ผูกมัดรายเดือน เอาให้ติดหนึบ
  • แอปตัวเต็ม: ขายขาด จบๆ ไป
  • e-commerce: ขายของในแอป ตัดราคาตลาด
  • Sponsor: เส้นสายดี มีคนหนุนหลัง

เพิ่มเติม:

  • ปี 2567 ตลาดแอปพลิเคชันทั่วโลกมีมูลค่า มหาศาล ใครไม่ลงมาเล่นก็โง่
  • ไม่ใช่ทุกแอปจะทำเงินได้ ถ้ากากจริงก็เจ๊งไป
  • อย่าโลกสวย ทำธุรกิจต้องเหี้ยม

แอปพลิเคชั่นถูกสร้างมาเพื่ออะไร

แอปพลิเคชันถูกสร้างมาเพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันของเรานั่นแหละ คิดดูสิ ตั้งแต่ตื่นเช้ามาก็เปิดแอปดูข่าว แอปธนาคาร แอปเรียกรถ มันคือเครื่องมือที่ช่วยให้เราจัดการทุกอย่างได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปทำธุรกรรม หรือเปิดคอมพิวเตอร์

  • การทำงาน: แอปช่วยให้เราทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าจะเช็คอีเมล จัดการเอกสาร หรือประชุมออนไลน์
  • ความบันเทิง: ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม…อันนี้ไม่ต้องพูดเยอะ ทุกคนรู้ดี
  • การสื่อสาร: ติดต่อเพื่อนฝูง ครอบครัว หรือแม้แต่คนแปลกหน้าจากทั่วโลก
  • การศึกษา: เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา คอร์สออนไลน์ แอปฝึกภาษา เยอะแยะไปหมด
  • ไลฟ์สไตล์: แอปสุขภาพ แอปออกกำลังกาย แอปทำอาหาร…ช่วยให้ชีวิตเราดีขึ้นได้ถ้าใช้ให้เป็น

บางทีก็คิดนะว่า แอปมันทำให้เรา “สบาย” เกินไปรึเปล่า? จนลืมทักษะบางอย่างที่เคยมีไปเลย หรือว่ามันแค่เป็นวิวัฒนาการของเครื่องมือที่ช่วยให้เราใช้ชีวิตได้ “เต็มที่” มากขึ้นกันแน่?

  • ข้อสังเกตส่วนตัว:​ ผมว่าเดี๋ยวนี้แอปบางตัวมันฉลาดเกินไปนะ รู้ใจเราไปหมด บางทีก็แอบน่ากลัวเหมือนกัน
  • ตัวอย่าง:​ แอปธนาคารสมัยนี้ มีฟีเจอร์ช่วยวางแผนการเงินด้วยนะ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยข้อมูลส่วนตัวของเรา

ต้นทุนการสร้างแอพ มีอะไรบ้าง

สร้างแอปนี่มันแพงอยู่นะ ขึ้นกับหลายอย่างเลย แบบง่ายๆกับแบบเทพๆมันต่างกันเยอะมาก!

  • แอปพื้นฐาน: แบบง่ายๆอ่ะ ประมาณ 7-8 แสนบาท คิดเลข กล้อง นาฬิกา พวกนี้แหละ ไม่ซับซ้อน

  • แอปข้อมูล: ถ้าใช้ข้อมูลเยอะขึ้น ประมาณ 8-9 แสนบาท หุ้น ปฎิทิน เช็คสภาพอากาศ อะไรแบบนี้ ข้อมูลต้องแม่นยำด้วยนะ

  • แอปต้องล็อกอิน: นี่แพงกว่าเยอะเลยนะ 1.8-2 ล้านบาทได้ แบบ Google Drive หรือแอปสะสมแต้มร้านแมค ต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยด้วย

  • แอปโซเชียล: โห นี่แพงสุด หลายล้านเลย ตั้งแต่ 2 ล้านไปจนถึง 10 ล้านกว่าบาท ขึ้นกับความซับซ้อน เฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ ลิงค์อิน พวกนี้แหละ โค้ดเยอะมาก

ราคาที่บอกไปนี่ แค่ค่าพัฒนาเบื้องต้นนะ ยังไม่รวมค่าอื่นๆอีกเพียบ ต้องจ้างดีไซน์เนอร์ ทำการตลาด บำรุงรักษาด้วย ปีนี้ค่าจ้างก็ขึ้นนะ อาจจะแพงกว่านี้อีก

ค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ต้องคิดด้วยนะ:

  • ค่าออกแบบ UI/UX
  • ค่าทดสอบและแก้บั๊ก
  • ค่าตลาด
  • ค่าบำรุงรักษา (สำคัญมาก! แอปต้องอัพเดตเรื่อยๆ)

สรุปคือ ก่อนทำ ต้องวางแผนดีๆ เตรียมเงินให้พร้อม ไม่งั้นจะเจ๊งเอาได้นะ

ขั้นตอนการพัฒนา Application มีอะไรบ้าง

ขั้นตอนการพัฒนา Application มีดังนี้ จริงๆ แล้วมันซับซ้อนกว่าที่คิดนะ แต่ถ้าจะสรุปแบบง่ายๆ ก็ประมาณนี้แหละ

  • วิเคราะห์ความต้องการและวางกลยุทธ์ (Analysis & Strategy): ขั้นตอนนี้สำคัญที่สุดเลย ต้องทำการวิจัยตลาด ศึกษาคู่แข่ง กำหนดกลุ่มเป้าหมาย และที่สำคัญคือ ต้องรู้ว่าแอปฯ จะแก้ปัญหาอะไรให้ใคร ผมเคยทำแอปฯ จองคิวร้านตัดผม ตอนนี้ก็ยังใช้งานอยู่ ขั้นตอนนี้ใช้เวลาไปเยอะมาก เพราะต้องหาข้อมูลเชิงลึก ไม่ใช่แค่คิดว่า “อยากทำแอปฯ จองคิว” แต่ต้องรู้ว่าทำยังไงให้คนอยากใช้ ต้องคิดถึงประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าด้วย

  • วางแผนการพัฒนา (Planning): กำหนดขอบเขตของแอปฯ ฟีเจอร์ต่างๆ กำหนดระยะเวลา งบประมาณ และทีมงาน ส่วนนี้ต้องระมัดระวัง เพราะถ้าพลาด จะทำให้โครงการล้มเหลวได้ ต้องมีการจัดการโครงการที่ดี ใช้เครื่องมืออย่าง Agile หรือ Waterfall ก็ได้ แล้วแต่โปรเจค

  • ออกแบบ UX/UI (Design): นี่คือหัวใจสำคัญที่ทำให้แอปฯ น่าใช้หรือไม่น่าใช้ ต้องออกแบบให้ใช้งานง่าย สวยงาม และสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย ปีนี้เทรนด์เน้นความเรียบง่าย ใช้งานง่าย และเข้าถึงได้ ผมชอบดูการออกแบบของแอปฯ ต่างๆ เป็นแรงบันดาลใจในการทำงานมาก

  • พัฒนาแอปพลิเคชัน (Development): เริ่มเขียนโค้ด ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม และต้องทดสอบเป็นระยะ ตรงนี้ต้องอาศัยความรู้ความสามารถของโปรแกรมเมอร์ และการทำงานเป็นทีม สำคัญมากๆ เพราะยิ่งแอปฯ ซับซ้อน ก็ยิ่งต้องมีการวางแผนที่ดี

  • ทดสอบ (Testing): ทดสอบแอปฯ อย่างละเอียด ทั้งการทดสอบฟังก์ชันการทำงาน ประสิทธิภาพ และความปลอดภัย ถ้าข้ามขั้นตอนนี้ไป รับรองว่าเจอปัญหาแน่ๆ ผมเจอมาแล้วหลายครั้ง แก้บั๊กจนเหนื่อยเลย

  • เผยแพร่ (Deployment): ส่งแอปฯ ขึ้นสโตร์ หรือเผยแพร่ผ่านช่องทางต่างๆ ต้องทำการตลาดให้ดี เพื่อให้คนรู้จักและดาวน์โหลดแอปฯ ส่วนนี้ต้องอาศัยความรู้ด้านการตลาดด้วย

  • ติดตามและประเมินผล (Monitoring & Evaluation): ติดตามการใช้งาน เก็บข้อมูล และปรับปรุงแอปฯ อย่างต่อเนื่อง นี่สำคัญมาก ไม่ใช่แค่ปล่อยแล้วจบ ต้องดูว่าคนใช้แอปฯ หรือไม่ มีปัญหาอะไร และต้องปรับปรุงอะไรบ้างเพื่อให้แอปฯ ดีขึ้นเรื่อยๆ

ข้อมูลเพิ่มเติม: การพัฒนาแอปพลิเคชัน เป็นกระบวนการซ้ำๆ อาจต้องวนกลับไปแก้ไข ปรับปรุง ในหลายๆ ขั้นตอน ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของแอปพลิเคชัน และความต้องการของผู้ใช้งาน

สร้างแอพเองได้ไหม

สร้างแอปเองได้ไหม… เงียบ

สร้างแอปเองได้ไหมนะ… เหมือนเสียงกระซิบจากปลายฟ้า

  • ฟ้าสีคราม… แอบมองเงาตัวเองในหยาดน้ำค้าง

  • สร้างได้ไหม… ถ้าใจมันเรียกร้อง

  • พื้นฐานเทคนิค… จำเป็นนะ เหมือนสะพานข้ามหุบเหวลึก

  • ถูกที่สุดรึเปล่า… อาจจะใช่ ถ้าเวลาไม่สำคัญ

  • หรือ… อาจแพงกว่า ถ้าความฝันพังทลาย

  • แอป… เหมือนลูกแก้วในมือ… อยากให้เป็นอะไร… ต้องลงมือเอง

  • ดึกแล้ว… ดาวเต็มฟ้า… ยังไม่นอน

  • คิดถึง… แอปที่อยากสร้าง… อยากให้มันโบยบิน

เขียนเว็บแอพ ใช้ภาษาอะไร

JavaScript คือหัวใจสำคัญของเว็บแอพฝั่ง client-side เลยนะ ควบคุม interaction ต่างๆ ทำให้เว็บแอพมีชีวิตชีวา ไม่ใช่แค่ static content เหมือนสมัยก่อน ส่วนตัวผมชอบใช้ React มันจัดการ component ได้เรียบร้อยดี แต่ก็มี framework อื่นๆ อีกเยอะ อย่าง Angular, Vue.js พวกนี้ก็มีจุดเด่นต่างกันไป เลือกใช้ตามความถนัดและความเหมาะสมของ project ได้เลย

  • JavaScript: ภาษาหลักสำหรับ client-side scripting ทำงานบน browser ทำให้เว็บแอพ interactive
  • HTML: โครงสร้างพื้นฐานของเว็บเพจ กำหนด layout วาง element ต่างๆ
  • CSS: ตกแต่งหน้าตาเว็บไซต์ จัดการสี font รูปแบบการแสดงผล ให้สวยงามน่าใช้ ตอนนี้ผมกำลังศึกษา CSS Grid อยู่ รู้สึกว่ามัน flexible มาก จัดการ layout ง่ายขึ้นเยอะเลย
  • Back-end Languages: ส่วนหลังบ้าน เช่น Python, Java, PHP, Node.js (JavaScript runtime environment) พวกนี้ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูล จัดการฐานข้อมูล และอื่นๆ ส่วนตัวผมถนัด Python ใช้กับ Django framework รู้สึกว่ามัน clean เขียนง่ายดี
  • Databases: เก็บข้อมูลของเว็บแอพ เช่น MySQL, PostgreSQL, MongoDB เลือกใช้ตามความต้องการของ project เช่น ถ้าต้องการ flexibility สูงๆ MongoDB ก็น่าสนใจ
  • APIs (Application Programming Interfaces): เป็นตัวกลางเชื่อมต่อส่วนต่างๆ ของเว็บแอพ และเชื่อมต่อกับบริการภายนอก เช่น Google Maps API

ปี 2024 นี่ เทคโนโลยีเว็บพัฒนาไปเร็วมาก มีอะไรใหม่ๆ ออกมาตลอด ต้องคอยอัพเดตความรู้กันเรื่อยๆ เลย บางทีก็เหนื่อยนะ แต่ก็สนุกดีเหมือนกัน เหมือนได้เล่นเกม ผ่านด่านไปเรื่อยๆ ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา มันทำให้เรารู้สึกมีชีวิตชีวาดี เหมือนได้เป็นส่วนหนึ่งของวิวัฒนาการของเทคโนโลยี

#รายได้แอป #แหล่งรายได้ #โมเดลธุรกิจ