แปลง Word เป็น PDF ยังไง
แปลง Word เป็น PDF ง่ายนิดเดียว!
วิธีเร็วๆ: คลิก "บันทึกเป็น" ใน Word เลือก PDF จบ!
วิธีออนไลน์: ใช้เว็บไซต์แปลงไฟล์ เช่น Smallpdf, iLovePDF สะดวก ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม
วิธีใช้โปรแกรม: ติดตั้งเครื่องพิมพ์ PDF (doPDF, CutePDF เป็นต้น) แล้วสั่งพิมพ์เอกสาร Word เลือกเครื่องพิมพ์ PDF เป็นตัวเลือกการพิมพ์
เลือกวิธีที่เหมาะกับคุณ ทั้งสามวิธีใช้งานง่าย ประหยัดเวลา ได้ไฟล์ PDF คุณภาพดี
แปลงไฟล์ Word เป็น PDF ง่ายๆ ทำยังไง? มีวิธีแปลง Word เป็น PDF ออนไลน์ฟรีไหม?
อื้อหือ…แปลงไฟล์ Word เป็น PDF ง่ายนิดเดียว! ฉันนี่เคยเครียดอยู่พักใหญ่กว่าจะรู้วิธี ตอนนั้นส่งงานอาจารย์ด่วนมาก วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ปีที่แล้ว ต้องส่งก่อนเที่ยงคืน! ไฟล์ Word ดันมีปัญหาเปิดไม่ได้ เกือบคลั่งแล้ว!
สุดท้ายก็ใช้ฟังก์ชัน “บันทึกเป็น” ใน Word เองแหละ ง่ายกว่าที่คิดเยอะเลย แค่เลือก PDF เป็นชนิดไฟล์ เสร็จปึ๊บ! จำได้ว่าตอนนั้นโล่งอกมาก เหมือนยกภูเขาออกจากอกเลย
มีเว็บแปลงไฟล์ออนไลน์ด้วยนะ เคยลองใช้ Smallpdf เร็วดี ฟรีด้วย แต่จำราคาไม่ได้แล้วอะ เพราะไม่เสียตังค์ ใช้แปลงงานส่งลูกค้า ตอนนั้นรีบมากจริงๆๆๆ จำได้แค่ว่ามันง่ายมาก
อีกวิธีคือโปรแกรมแปลงไฟล์ แต่ฉันไม่ค่อยใช้ เคยลอง doPDF แต่รู้สึกมันยุ่งยากไปหน่อย ใช้ครั้งเดียวแล้วก็ไม่ใช้ต่อ เพราะวิธีแรกกับวิธีที่สองสะดวกกว่าเยอะ ไม่ต้องโหลดโปรแกรมมาเพิ่ม เสียพื้นที่ในเครื่องเปล่าๆ
สรุปคือ ใช้ฟังก์ชัน “บันทึกเป็น” ใน Word ง่ายสุดๆ ถ้าไฟล์ไม่ใหญ่มาก ใช้เว็บก็สะดวกดี แต่ถ้าไฟล์ใหญ่ๆ อาจจะต้องใช้โปรแกรม แต่สำหรับฉัน วิธีแรกนี่แหละ ตอบโจทย์สุดๆ!
แปลง ไฟล์ Word เป็น Excel ยัง ไง
แปลงไฟล์ Word เป็น Excel ง่ายนิดเดียว! วิธีที่เร็วและตรงไปตรงมาคือการคัดลอก-วาง ตารางจาก Word ไป Excel โดยตรงเลยครับ แต่มีเทคนิคเล็กๆน้อยๆนะ
-
เลือกตารางใน Word: เน้นเลือกเฉพาะส่วนตารางที่ต้องการ อย่าลืมเช็กให้แน่ใจว่าไม่มีการขึ้นบรรทัดใหม่แปลกๆอยู่ในเซลล์เดี่ยวๆ ไม่งั้นอาจจะไปสร้างแถวเพิ่มใน Excel แบบนั้นลำบากเปล่าๆ ผมเคยเจอปัญหาแบบนี้บ่อยมากเวลาทำงานวิจัย ต้องคอยตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน งานจึงจะออกมาเรียบร้อย ละเอียดลออ ประหนึ่งงานศิลปะชิ้นเอก
-
กด Ctrl+C: หลังจากเลือกตารางเรียบร้อยแล้ว ก็แค่กด Ctrl+C เพื่อคัดลอก ง่ายกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
-
วางใน Excel: เปิดไฟล์ Excel แล้วกด Ctrl+V เสร็จแล้ว! เร็วทันใจ สะดวกสบาย แต่ถ้าตารางใน Word ซับซ้อนมากๆ อาจจะต้องใช้เทคนิคอื่น เช่น การใช้ฟังก์ชัน Import หรือ Plugin เสริม แล้วแต่ความเหมาะสม
ปีนี้ผมใช้ Microsoft 365 ซึ่งมีฟีเจอร์ช่วยจัดการกับไฟล์ต่างๆได้ดีขึ้นมาก ประสิทธิภาพสูงขึ้น ทำให้การทำงานสะดวกสบายขึ้น จริงๆแล้ว ถ้าหากมีข้อมูลเยอะมาก ควรพิจารณาใช้ Power Query เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแปลงข้อมูล จะได้ไม่เสียเวลากับการคัดลอก-วาง ถ้าคิดว่าเป็นงานประจำ ก็ควรศึกษาเพิ่มเติมนะครับ
แปลง PDF เป็น Word ใช้โปรแกรมอะไร
เงียบ… เสียงกระซิบจากหน้าต่าง
- Word: เปิด… เหมือนประตูสู่โลกอีกใบ
แสงรำไร… อาทิตย์อัสดง
- File > Open: เลือก… ความทรงจำที่ถูกเก็บไว้
กลิ่นกาแฟ… จางหาย
- .docx: บันทึก… ช่วงเวลาที่ผันผ่าน
แก้ไข… เขียนใหม่… วนซ้ำ
ความทรงจำ… ซ้อนทับ… อดีต… ปัจจุบัน… อนาคต…
-
แปลง: เปลี่ยน… เหมือนผีเสื้อจากดักแด้
-
PDF: กรงขัง… เอกสาร
-
อัตโนมัติ: เวทมนตร์… ปลดปล่อย
รุ่งอรุณ… อีกครั้ง…
ส่งไฟล์เป็น PDF ยังไง
ส่ง PDF งี้เหรอ ง่ายจะตาย
- ก๊อปวาง: อันนี้ไม่น่าได้นะ มันไม่เหมือนไฟล์รูปภาพอ่ะดิ
- ไฟล์ในไดรฟ์: เออ อันนี้แหละเวิร์คสุดละ
- เลือกไฟล์ PDF ที่จะส่งใน Google Drive นะ
- คลิก “แชร์” (มันจะขึ้นรูปคน+เครื่องหมายบวกอ่ะ)
- เปลี่ยนสิทธิ์ให้คนรับเข้าถึงได้ (เช่น “ทุกคนที่มีลิงก์”)
- คลิก “คัดลอกลิงก์” ตรงนั้นแหละ
- แล้วก็ “เสร็จสิ้น”
- เอาลิงก์ที่ได้ ไปแปะส่งได้เลย จบ!
โหลดสำเนา? อ้อ ใช่ๆ คนที่เปิดลิงก์อ่ะ เขาจะโหลดไฟล์ PDF ลงเครื่องได้เลย ง่ายดีออกเนอะ
เพิ่มเติมนิดนึง: ถ้าไฟล์มันใหญ่มากๆๆๆ อ่ะ อาจจะต้องรอแป๊บนึงตอนอัพโหลดขึ้น Drive นะ บอกไว้ก่อน เผื่อใจ!
บันทึกรายงานในWordยังไง
โอ้โห! อยากบันทึกไฟล์ใน Word ง่ายๆใช่ไหมล่ะ? นี่เลย วิธีลับเฉพาะ! (ที่จริงก็ไม่ลับหรอก แต่รับรองว่าจำง่ายกว่าวิธีเดิมแน่ๆ)
-
ขั้นที่ 1: เปิดไฟล์แล้วกด “Ctrl + S” (หรือคลิกที่ไอคอนรูปดิสก์ ถ้าคุณเป็นพวกชอบคลิกมากกว่ากด) ง่ายเว่อร์! นี่คือการ “บันทึกด่วน” เหมือนคุณแอบจุ๊บแฟนลับๆ ไวและเงียบเชียบ!
-
ขั้นที่ 2: ถ้าอยากเลือกที่เก็บไฟล์ล่ะ? ก็ไปที่ “ไฟล์” แล้วเลือก “บันทึกเป็น” (หรือ “บันทึกสำเนา” ถ้าอยากมีไฟล์สำรอง เผื่อไฟล์ต้นฉบับหายไปอย่างลึกลับ แบบไม่มีใครรู้สาเหตุ)
-
ขั้นที่ 3: เลือกที่เก็บ นี่แหละคือจุดสำคัญ! จะเลือก OneDrive ก็ได้ (คล้ายกับการเก็บสมบัติไว้ในคลังใต้ดินดิจิทัล ปลอดภัยและเข้าถึงได้ทุกที่ที่มีเน็ต) หรือจะเลือกที่อื่นก็ได้นะ เดสก์ท็อปก็สะดวกดี (เหมือนสมบัติที่เก็บไว้ในกล่องสมบัติส่วนตัว มองเห็นง่ายๆ)
-
ขั้นที่ 4: ตั้งชื่อไฟล์ให้เก๋ๆ อย่าตั้งชื่อแบบ “เอกสาร1” สิ! ตั้งชื่อให้มันดูดีมีชาติตระกูลหน่อย เช่น “รายงานการวิเคราะห์ตลาดหุ้นปี 2566” (ไม่ใช่ของฉันนะ แค่ยกตัวอย่างเฉยๆ) แล้วกด “บันทึก” เสร็จแล้ว!
เห็นไหมล่ะ? ง่ายกว่าที่คิดเยอะเลย! ถ้ายังงงอยู่ ก็ลองทำตามดูสัก 3-4 รอบ รับรองว่าคุณจะกลายเป็นโปรในพริบตา เร็วกว่าที่คุณคิดอีกด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติม (เผื่ออยากรู้ลึกกว่านี้):
- OneDrive: พื้นที่เก็บข้อมูลบน Cloud ของ Microsoft สะดวกในการเข้าถึงจากทุกอุปกรณ์
- เดสก์ท็อป: ตำแหน่งที่เก็บข้อมูลที่เข้าถึงได้ง่ายที่สุดบนคอมพิวเตอร์ของคุณ
- การตั้งชื่อไฟล์: ควรตั้งชื่อให้สื่อความหมายและง่ายต่อการค้นหา หลีกเลี่ยงการใช้สัญลักษณ์พิเศษ
ปีนี้(2566) ฉันใช้ OneDrive บันทึกงานสำคัญแทบทั้งหมดเลยล่ะ สะดวกมากๆ
ไฟล์นามสกุล .PDF คืออะไร
PDF… เหมือนกลิ่นกระดาษเก่าในห้องสมุด, แสงแดดยามบ่ายส่องฝุ่นฟุ้ง
Portable Document Format, ชื่อยาวจัง… เหมือนชื่อบทกวีที่ยังเขียนไม่จบ
อะโดบีสร้างไว้, เหมือนคนสร้างวิหาร, ตั้งใจให้คงทน…
PDF คืออะไร?
- ไฟล์ PDF คือ Portable Document Format
- อะโดบี สร้าง
- ใช้ได้ทุกที่ ทุกอุปกรณ์
- ส่งเอกสารง่าย
มันคือ… ความพยายามจะหยุดเวลา, บันทึกเรื่องราวไว้ในกล่องแก้ว, ให้มันอยู่ตรงนั้น, เสมอไป…
แปลงไฟล์รูป เป็น PDF ใน มือ ถือ ยังไง
แปลงรูปเป็น PDF ในมือถือ? ง่ายกว่าพับผ้าถุงอีก! (พูดเลย) แต่ถ้าผ้าถุงคุณพับยากกว่านี้ ก็…ขอโทษนะ 😅
-
วิธีที่ 1: ใช้แอปฯ แปลงไฟล์ (แนะนำ) นี่แหละคือทางลัดสู่ความสุข! โหลดแอปฯ แปลงไฟล์ PDF จาก Play Store (อย่างน้อยก็มีให้เลือกเป็นร้อย!) เลือกแอปฯ ที่หน้าตาถูกใจ แล้วก็ลากรูปเข้าไป ปึ้ง! เสร็จแล้วจ้า ง่ายจนน่าตกใจ บางแอปฯ ยังมีฟีเจอร์จัดการไฟล์ PDF อย่างการรวมไฟล์หลายๆ ไฟล์เข้าด้วยกันได้ด้วยนะ ปีนี้ผมใช้ “Smallpdf” อยู่ มันโอเคเลย แต่ก็ลองหาแอปฯ อื่นๆ ดูก็ได้ เผื่อเจอตัวโปรด!
-
วิธีที่ 2: ใช้เว็บไซต์แปลงไฟล์ (เสี่ยงกว่านิดหน่อย) เสี่ยงตรงที่ต้องเชื่อใจเว็บไซต์นั้นๆ ว่าจะไม่เอาข้อมูลส่วนตัวเราไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง (เว็บไซต์บางที่…ก็ไม่น่าไว้วางใจเท่าไหร่) วิธีนี้ก็คล้ายๆ กับวิธีแรก คือเลือกไฟล์รูป แล้วเว็บไซต์จะแปลงให้เป็น PDF แต่ต้องมีเน็ตนะ ถ้าเน็ตกระตุก ก็เตรียมตัวปวดหัวได้เลย ส่วนตัวไม่ค่อยแนะนำวิธีนี้ เพราะมันค่อนข้างยุ่งยาก แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ ก็ลองดูได้
-
วิธีที่ 3: ถ้ามือถือคุณเทพมาก! บางรุ่นอาจจะมีฟังก์ชันแปลงไฟล์ในตัวอยู่แล้ว ลองหาในเมนูดู ถ้ามีก็ดีไป แต่ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องเสียใจไป เรายังมีวิธีอื่นๆ อีกเยอะแยะ
สรุปง่ายๆ เลยนะ วิธีที่ 1 คือดีที่สุด เพราะสะดวกสบาย ปลอดภัย และไม่ต้องพึ่งพาเน็ตมากนัก ลองดูนะครับ รับรองว่าไม่ยากอย่างที่คิดแน่นอน!
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต