โปรแกรมสำเร็จรูปทางบัญชีมีโปรแกรมอะไรบ้าง

เลือกโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ: มากกว่า Zoho Books, Xero และ MYOB

ยุคดิจิทัลที่ธุรกิจต้องแข่งขันกันอย่างดุเดือด การบริหารจัดการบัญชีอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จ และโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปก็เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับธุรกิจทุกขนาด โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง ที่อาจไม่มีงบประมาณมากพอที่จะจ้างนักบัญชีเต็มเวลา แต่โปรแกรมบัญชีออนไลน์อย่าง Zoho Books, Xero และ MYOB นั้นเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของตัวเลือกมากมายที่มีอยู่ในตลาด บทความนี้จะพาไปสำรวจโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปประเภทต่างๆ และปัจจัยสำคัญในการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ

ประเภทของโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูป

โปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปสามารถแบ่งประเภทได้หลากหลาย โดยพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น วิธีการใช้งาน ขนาดธุรกิจ และฟีเจอร์ที่รองรับ ซึ่งสามารถแบ่งได้คร่าวๆ ดังนี้:

• โปรแกรมบัญชีแบบออนไลน์ (Cloud-based): เป็นโปรแกรมที่ใช้งานผ่านอินเทอร์เน็ต ไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์บนเครื่องคอมพิวเตอร์ สามารถเข้าถึงข้อมูลได้จากทุกที่ทุกเวลาที่มีอินเทอร์เน็ต เช่น Zoho Books, Xero, MYOB, QuickBooks Online ข้อดีคือสะดวก ประหยัดพื้นที่ และมักมีการอัปเดตระบบอยู่เสมอ แต่ต้องพึ่งพาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

• โปรแกรมบัญชีแบบออฟไลน์ (Desktop-based): เป็นโปรแกรมที่ต้องติดตั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์ สามารถใช้งานได้แม้ไม่มีอินเทอร์เน็ต มักมีฟีเจอร์ที่ครอบคลุมและละเอียดกว่าแบบออนไลน์ แต่การใช้งานอาจไม่สะดวกเท่า และต้องมีการจัดการการอัปเดตเอง ตัวอย่างเช่น โปรแกรมบัญชีที่พัฒนาโดยบริษัทซอฟต์แวร์ภายในประเทศหลายๆ แห่ง

• โปรแกรมบัญชีแบบเฉพาะอุตสาหกรรม (Industry-specific): เป็นโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการเฉพาะของอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง เช่น โปรแกรมสำหรับร้านอาหาร โรงแรม หรือธุรกิจค้าปลีก โปรแกรมเหล่านี้มักมีฟีเจอร์ที่ตรงกับความต้องการของธุรกิจในอุตสาหกรรมนั้นๆ โดยเฉพาะ

• โปรแกรมบัญชีแบบโอเพนซอร์ส (Open-source): เป็นโปรแกรมที่มีรหัสต้นฉบับเปิดเผยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงและแก้ไขได้ โดยทั่วไปแล้วจะมีราคาถูกหรือฟรี แต่การใช้งานอาจต้องอาศัยความรู้ทางเทคนิคพอสมควร และอาจไม่มีการสนับสนุนจากผู้พัฒนาอย่างเต็มที่

ปัจจัยสำคัญในการเลือกโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูป

การเลือกโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่าง เช่น:

• ขนาดและประเภทธุรกิจ: ธุรกิจขนาดเล็กอาจต้องการโปรแกรมที่มีฟีเจอร์พื้นฐาน ในขณะที่ธุรกิจขนาดใหญ่ต้องการโปรแกรมที่มีฟีเจอร์ครอบคลุมและสามารถรองรับข้อมูลจำนวนมากได้

• งบประมาณ: ราคาของโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปมีความแตกต่างกันมาก ต้องเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมกับงบประมาณของธุรกิจ

• ความสะดวกในการใช้งาน: โปรแกรมควรใช้งานง่าย มีอินเทอร์เฟซที่เข้าใจง่าย และมีการสนับสนุนจากผู้พัฒนาอย่างเพียงพอ

• ฟีเจอร์ที่จำเป็น: ควรเลือกโปรแกรมที่มีฟีเจอร์ที่ตรงกับความต้องการของธุรกิจ เช่น การจัดการบัญชีลูกหนี้ บัญชีเจ้าหนี้ การจัดทำรายงานทางการเงิน การเชื่อมต่อกับระบบอื่นๆ เป็นต้น

• ความปลอดภัยของข้อมูล: โปรแกรมควรมีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่ดี เพื่อป้องกันการสูญหายหรือการถูกโจมตีจากแฮกเกอร์

สรุป

การเลือกโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จของธุรกิจ การศึกษาหาข้อมูล เปรียบเทียบฟีเจอร์ และราคาของโปรแกรมต่างๆ รวมถึงการพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น จะช่วยให้คุณเลือกโปรแกรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอย่าลืมพิจารณาถึงการทดลองใช้โปรแกรมฟรีก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อให้แน่ใจว่าโปรแกรมนั้นตรงกับความต้องการของคุณอย่างแท้จริง