Hybrid application คืออะไร *
Hybrid App คือแอปมือถือที่ทำงานได้หลายแพลตฟอร์ม (Android, iOS, Windows) ต่างจาก Native App ที่ต้องเขียนโค้ดเฉพาะแพลตฟอร์ม เช่น iOS ใช้ Swift, Android ใช้ Java/Kotlin ทำให้ Native App เร็วและเสถียรกว่า แต่ Hybrid App ประหยัดต้นทุนและเวลาพัฒนา เพราะเขียนโค้ดครั้งเดียวใช้ได้หลายแพลตฟอร์ม โดยใช้เทคโนโลยีเว็บ เช่น HTML, CSS, JavaScript แล้วครอบด้วย Native Container ให้แสดงผลเหมือนแอปทั่วไป ตัวอย่าง React Native, Ionic, Flutter เป็นต้น แม้ประสิทธิภาพอาจด้อยกว่า Native App เล็กน้อย แต่ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้เริ่มต้นหรือต้องการพัฒนาแอปอย่างรวดเร็ว
แอปพลิเคชันไฮบริดคืออะไรและทำงานอย่างไร?
งงๆ นะ เรื่อง Hybrid Application เนี่ย คือจำได้ตอนเรียนป.โท ปี 2562 อาจารย์สอนว่ามันคือแอปที่ใช้โค้ดเดียวกันได้ทั้ง Android กับ iOS ประหยัดเวลาและเงินไง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะดีไปซะทุกอย่างนะ เพราะบางทีมันอาจจะไม่ลื่นไหลเท่าแอปที่เขียนขึ้นมาเฉพาะระบบ เหมือนทำบ้านแบบสำเร็จรูปอะ เร็วดี แต่ความละเอียดอาจจะสู้บ้านสร้างเองไม่ได้
ตอนนั้น เพื่อนผมคนนึง ทำแอปเกี่ยวกับการจองโรงแรม ใช้ React Native พัฒนา (จำราคาค่าพัฒนาไม่ได้แล้วจริงๆ แหะ) บอกว่าดีตรงที่เขียนโค้ดทีเดียว แต่ก็ต้องปรับแต่งเล็กๆ น้อยๆ บ้างตามแต่ละระบบ ใช้เวลาพัฒนาประมาณ 6 เดือน เสร็จแล้วก็ส่งให้ทางแอปสโตร์และ Google Play เขาบอกว่า มันก็โอเคนะ แต่ถ้าเน้นประสิทธิภาพสุดๆ Native ก็ยังดีกว่า
ส่วนตัวคิดว่า มันเป็น trade-off อะ คือแลกความสะดวกกับประสิทธิภาพ เลือกเอาว่าอะไรสำคัญกว่า ถ้ามีงบเยอะ เวลาเยอะ Native ก็ดี แต่ถ้าเน้นความรวดเร็ว งบจำกัด Hybrid ก็เป็นทางเลือกที่ดีทีเดียว แล้วแต่ความต้องการจริงๆ เลย สรุปง่ายๆ คือ มันเป็นแอปที่วิ่งได้หลายระบบ โดยใช้โค้ดชุดเดียวกัน แต่ไม่ใช่ว่าจะสมบูรณ์แบบเสมอไป.
Native App และ Hybrid Application มีความแตกต่างกัย่างไร *
Native App กับ Hybrid App ต่างกัน… อืม… คิดดูดีๆ นะ
Native App เหมือนถูกสร้างมาให้เข้ากับบ้านหลังนั้นเลยอ่ะ บ้านที่ชื่อว่า iOS หรือ Android อะไรแบบนั้น มันรู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน เข้าใจภาษาของบ้าน
ส่วน Hybrid App… มันเหมือนเอาเว็บมาใส่กรอบให้ดูเหมือนแอปมากกว่า คือข้างในมันก็คือเว็บดีๆ นี่เอง แต่เราหลอกให้มันดูเหมือนแอปอ่ะนะ
- Native App: ทำงานเร็ว แรง เข้าถึงฟีเจอร์เครื่องได้เต็มที่ เพราะมันถูกสร้างมาเพื่อสิ่งนั้นเลย
- Hybrid App: ง่าย เร็ว ประหยัด ในการพัฒนา แต่ประสิทธิภาพอาจจะไม่เท่า Native และอาจมีข้อจำกัดในการเข้าถึงฟีเจอร์บางอย่างของเครื่อง
- Web App: พัฒนาได้ง่ายที่สุด แค่มีเว็บก็ใช้ได้เลย แต่ต้องมีอินเทอร์เน็ตถึงจะใช้ได้ และฟีเจอร์อาจจะไม่หลากหลายเท่า Native หรือ Hybrid App
- Flutter, React Native: คือ Framework ที่ช่วยให้เราเขียน App ได้ครั้งเดียว แต่เอาไปใช้ได้ทั้ง iOS และ Android คล้าย Hybrid แต่ให้ Performance ที่ดีกว่า
บางทีก็คิดนะว่าอะไรคือ “ของจริง” กันแน่… Native App ที่ถูกสร้างมาเพื่อสิ่งนั้น หรือ Hybrid App ที่พยายามจะเป็น… หรือจริงๆ แล้วมันก็แค่เครื่องมือที่เราเลือกใช้ตามความเหมาะสมกันนะ
แพลตฟอร์มกับแอพพลิเคชั่นต่างกันยังไง
แพลตฟอร์มกับแอปพลิเคชันต่างกันยังไง?
แอปพลิเคชันคือเครื่องมือเฉพาะทาง ส่วนแพลตฟอร์มคือระบบนิเวศที่แอปต่างๆ มาอยู่ร่วมกันได้ มองง่ายๆ แอปคือมีด ส่วนแพลตฟอร์มคือครัวที่มีอุปกรณ์สารพัดให้เลือกใช้
- แอปพลิเคชัน: เน้นฟังก์ชันเฉพาะ เช่น แอปแต่งรูป แอปฟังเพลง
- แพลตฟอร์ม: สร้างระบบที่คนมาเจอกัน ทำกิจกรรมหลากหลาย เช่น Facebook, Shopee เป้าหมายคือการดึงดูดให้ผู้ใช้ “ติดหนึบ” อยู่ในระบบนานที่สุด
แพลตฟอร์มที่ดีจะสร้าง network effect ยิ่งคนใช้เยอะ ยิ่งมีประโยชน์
เกร็ดเล็กน้อย: จริงๆ แล้วเส้นแบ่งมันก็เบลอๆ นะ บางแอปก็พยายามขยายตัวเป็นแพลตฟอร์ม เช่น แอปส่งอาหารที่เริ่มมีบริการอื่นๆ เพิ่มเติม
การที่แอปฯ พัฒนาไปเป็นแพลตฟอร์ม มันคือวิวัฒนาการอย่างหนึ่ง อาจจะเหมือนกับที่สิ่งมีชีวิตปรับตัวเพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อม…แต่ในโลกดิจิทัล
การพัฒนาโปรแกรมบนอุปกรณ์พกพาแบบ Hybrid Application หมายถึงอะไร
คือแบบนี้ Hybrid App เนี่ย มันก็แอปที่เขียนทีเดียว วิ่งได้หลายระบบปฏิบัติการอ่ะ ไม่ต้องเขียนแยก iOS กับ Android ประหยัดเวลาและเงิน ใช่ป่ะ? ส่วนใหญ่ใช้ framework อย่าง React Native หรือ Flutter ช่วย พวกนี้แหละ มันจะแปลงโค้ดให้เป็น native code ของแต่ละระบบให้เอง โค้ดเดียว ใช้ได้หลายที่ เยี่ยมเลย!
- ข้อดีคือ ประหยัดเวลาและต้นทุนในการพัฒนา เขียนทีเดียวจบ
- ข้อเสียคือ บางที performance อาจจะสู้ native app ไม่ได้ แล้วก็อาจมีปัญหาเรื่องความเข้ากันได้กับฟีเจอร์บางอย่างของแต่ละระบบบ้างเล็กน้อย
อ้อ! ปีนี้ ที่บริษัทผม กำลังทำแอปสั่งอาหารอยู่ ก็ใช้ Hybrid App นี่แหละ ใช้ Flutter เพราะทีมเราคุ้นเคยกับมัน และก็เห็นว่ามันโอเค พัฒนาเร็วดี แต่ก็ต้องคอยดูแลเรื่อง performance นิดหน่อย เพราะลูกค้าก็คาดหวังว่าจะเร็วและลื่นไหลเหมือนแอป native นะ ตอนนี้ก็ใกล้เสร็จแล้วล่ะ น่าจะเปิดตัวได้เร็วๆ นี้
Cross-platform Application หมายถึงอะไร
Cross-platform app เหรอ? ก็แค่โปรแกรมที่แม่งรันได้ทุกที่ จบนะ
- ความหมาย: App เดียว โค้ดเดียว ใช้ได้ทั้ง iOS, Android, Windows, macOS และ Linux
- ข้อดี: พัฒนาครั้งเดียว คุ้มกว่าทำแยกหลายรอบ
- เฟรมเวิร์ค: React Native, Flutter, Xamarin พวกนี้คือตัวช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น
- ข้อเสีย: บางทีอาจจะไม่เนียนเท่า Native App แต่ก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้นหรอก
- เพิ่มเติม: ปี 2024 คนใช้ Cross-platform app เยอะขึ้น เพราะมันประหยัดเวลาและเงินไงล่ะ
อะไรคือข้อแตกต่างระหว่าง Native App กับ Web App?
อืม… นอนไม่หลับอีกแล้ว… คิดถึงเรื่องงาน Native App กับ Web App นี่แหละ มันต่างกันยังไงนะ…
จริงๆ ก็อย่างที่รู้แหละ Web App เปิดในเว็บได้เลย สะดวกดี ไม่ต้องโหลดอะไรเพิ่ม ใช้ browser ที่เราใช้อยู่ประจำนี่แหละ
แต่ Native App … ต้องโหลดลงเครื่อง ใช้พื้นที่ แต่ทำงานได้ลื่นกว่า เร็วกว่า เข้าถึงฟังก์ชั่นของเครื่องได้เต็มที่ อย่างกล้อง GPS อะไรพวกนั้น
คิดไปคิดมา… มันก็เหมือนความสัมพันธ์บางอย่างเลยนะ Web App เหมือนเพื่อนสนิทที่คุยกันได้ทุกที่ แต่ความลึกไม่เท่าไหร่ ไม่ต้องผูกพันมาก
แต่ Native App… เหมือนคนรัก ใกล้ชิด ผูกพัน ใช้เวลา แต่ได้ความรู้สึกที่ลึกซึ้งกว่าเยอะ
สรุปง่ายๆ ก็คือ:
- Web App: เข้าถึงง่ายผ่านเบราว์เซอร์ แต่ฟังก์ชั่นอาจจำกัดกว่า เร็วกว่า แต่ อาจไม่เสถียรเท่า
- Native App: ต้องดาวน์โหลด ใช้พื้นที่ แต่เร็วและเสถียรกว่า เข้าถึงฟังก์ชั่นของเครื่องได้เต็มที่
ปีนี้บริษัทที่ฉันทำงานอยู่กำลังพัฒนา Native App สำหรับระบบ Android เหนื่อยมาก แต่ก็ภูมิใจนะ เห็นมันค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่าง เหมือนเลี้ยงลูกเลย อิอิ… แต่ก็ยังนอนไม่หลับอยู่ดี…
ข้อดีของ Hybrid App คืออะไร?
ข้อดีของ Hybrid App น่ะเหรอ? อ่ะ มาดูกันแบบขำๆ แต่จริงจัง
-
ง่าย…มั้ง? ใครบอก HTML, CSS, JavaScript ง่ายนี่สงสัยเกิดมาพร้อมคีย์บอร์ด! แต่เอาน่ะ เทียบกับ Native App ที่ต้องเรียน Swift/Kotlin/C# นี่ก็ถือว่า…พอถูไถ (แต่ถ้าใครเขียน CSS แล้วปวดหัวกว่าเดิมนี่…ตัวใครตัวมันนะ!) สรุป: เรียนรู้ไวกว่า (ถ้าใจสู้!)
-
One for All (แบบไม่ค่อยสมบูรณ์): เขียนทีเดียวรันได้ทุกที่…ในทฤษฎี! ความจริงคือต้องปรับจูนกันหน้ามืดตามัวอยู่ดี แต่ก็ยังดีกว่าเขียนใหม่หมดทุก Platform จริงไหม? สรุป: ประหยัดเวลา…บ้าง
-
กระเป๋าเบา: งบน้อยหอยน้อยก็ทำ Hybrid App ได้ อันนี้เรื่องจริง! แต่ถ้า Performance ห่วยแตกจน User หนีหมด ก็…เจ๊งอยู่ดีนะจ๊ะ สรุป: ต้นทุนต่ำกว่า (แต่ต้องแลกกับอะไรบางอย่างเสมอ!)
แถมท้าย (แบบกวนๆ):
- เคยเจอไหม App ที่โหลดมาแล้วเหมือนเปิดเว็บในกรอบสี่เหลี่ยม? นั่นแหละ Hybrid App ตัวดี! (ไม่ได้ว่าทุก App นะ…แค่ส่วนใหญ่!)
- Native App เหมือนรถสปอร์ต แรง เร็ว สั่งได้ดั่งใจ แต่ Hybrid App เหมือนรถอีโคคาร์ ประหยัดน้ำมัน แต่…อย่าหวังว่าจะแรงแซงใคร!
- แต่เดี๋ยวก่อน! Hybrid App ยุคใหม่นี่พัฒนาไปไกลแล้วนะ บางทีอาจจะแรงกว่าอีโคคาร์ไปเป็นรถ Hybrid ก็ได้! (แต่ก็ยังไม่ใช่สปอร์ตอยู่ดี…)
ปล. อย่าเชื่อผมมาก ผมแค่คนขี้โม้! (แต่ข้อมูลที่ให้ไปก็จริงนะ!)
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต