ML กับ CC ต่างกันยังไง

45 การดู

ML (Machine Learning) คือ AI ที่เรียนรู้จากข้อมูล ปรับปรุงตัวเองโดยไม่ต้องเขียนโปรแกรมทุกขั้นตอน เน้นการวิเคราะห์และคาดการณ์

CC (Cloud Computing) คือการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ผ่านอินเทอร์เน็ต เช่น พื้นที่เก็บข้อมูล กำลังประมวลผล และซอฟต์แวร์ตามความต้องการ

ความแตกต่างหลัก: ML โฟกัสที่การเรียนรู้ CC โฟกัสที่การให้บริการ ML ใช้ประโยชน์จาก CC ได้ โดยเฉพาะกับข้อมูลขนาดใหญ่ที่ต้องการกำลังประมวลผลสูง แต่ CC สามารถใช้งานได้แม้ไม่มี ML

สรุป: ML เป็นเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ CC เป็นเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งสองทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่แยกจากกันได้

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ML กับ CC แตกต่างกันอย่างไรในด้านประสิทธิภาพ?

ML เน้นเรียนรู้จากข้อมูล เพื่อพัฒนาตัวเองโดยอัตโนมัติ คิดถึงตอนเราสอนหมาให้นั่ง ยิ่งสอนบ่อย ยิ่งทำได้ดีขึ้น ML ก็คล้ายๆ กัน.

CC เหมือนเช่าคอมพิวเตอร์ใช้ สมมติอยากเล่นเกมหนักๆ แต่คอมบ้านสเปคไม่ถึง ก็ไปเช่าร้านเกม CC ก็แบบนั้น ให้เช่าพลังประมวลผล พื้นที่เก็บข้อมูล ผ่านเน็ต.

ML กับ CC ทำงานร่วมกันได้ดี จำได้ตอนทำโปรเจกต์วิเคราะห์รูปภาพ ใช้ Google Cloud เสียค่าบริการไปเดือนละประมาณพันกว่าบาท ML ช่วยวิเคราะห์ CC ให้พลังประมวลผล ถ้าไม่มี CC โปรเจกต์คงเสร็จช้ากว่านี้มาก.

แต่ CC ไม่จำเป็นต้องใช้ ML เสมอไป เหมือนเราเช่าคอมร้านเกม อาจจะแค่เล่นเกมธรรมดา พิมพ์งาน ไม่ต้องใช้ AI อะไรเลยก็ได้. CC แค่ให้บริการทรัพยากร ส่วน ML เน้นการเรียนรู้. ต่างกันตรงนี้.

น้ํา 1 แก้ว เท่ากับ กี่ cc

แก้วนึง…ก็แค่แก้วนึง 200-250 ซีซี พอประมาณ แก้วใครแก้วมัน หาแก้วตวงเอาเอง ง่ายกว่าเยอะ

  • แก้วน้ำปกติ ราวๆ 200-250 cc (2024)
  • แก้วกาแฟ อาจจะ 150-180 cc ขึ้นกับทรงแก้ว
  • อยากรู้จริง ใช้แก้วตวงจบ
  • มาตรฐาน…ไม่มีหรอก อยู่ที่ใครตวง
  • บางที ชีวิตก็เหมือนแก้วน้ำ เติมเท่าไหร่ก็ไม่เต็มสักที

น้ำ30ซีซีขนาดไหน

น้ำ 30 ซีซี เทียบได้กับแก้วตวงขนาด 1 ออนซ์ หรือ 30 ซีซี ครับ แก้วที่ว่ามีขนาดกว้างประมาณ 4.8 ซม. สูงราวๆ 6 ซม.

  • ซีซี กับ ออนซ์: จริงๆ แล้ว 1 ออนซ์ของเหลว (fluid ounce) จะเท่ากับ 29.5735 ซีซี แต่ในทางปฏิบัติ มักปัดเป็น 30 ซีซี เพื่อความสะดวก
  • ขนาดแก้ว: ขนาดที่ให้มาเป็นขนาดโดยประมาณ แก้วแต่ละยี่ห้ออาจมีขนาดต่างกันเล็กน้อย แต่โดยรวมถือว่าใกล้เคียงกัน

เกร็ดน่าสนใจ: การตวงของเหลวเนี่ย บางทีก็เป็นเรื่องของ “ศิลปะ” มากกว่า “วิทยาศาสตร์” นะ (หัวเราะ) คือ ถ้าทำอาหารบ่อยๆ เราจะเริ่มชินกับปริมาณ และสามารถกะได้ด้วยสายตาเลยล่ะ!

1 ช้อนโต๊ะมีกี่ซีซี

15 ซีซี! อืมมมม ช้อนโต๊ะนี่นะ ใช่ป่ะ แต่ช้อนโต๊ะบ้านฉัน มันเล็กไปมั้ย หรือฉันคิดไปเองวะ? สงสัยต้องเอาไปเทียบกับช้อนตวงดูแล้วล่ะ

  • ช้อนโต๊ะ 15 cc
  • ช้อนชา 5 cc

อ้อ! ใช่ๆๆๆ จำได้แล้ว หมอสั่งยา เค้าให้ใช้ช้อนตวงที่มากับยา อย่าใช้ช้อนกินข้าวเด็ดขาด อันตราย! ขนาดยาเพี้ยนหมด ปีนี้ก็ยังใช้อยู่ ปีที่แล้วก็ใช้ ช้อนกินข้าวไม่แม่นยำ จริงด้วย ลืมไปเลย

แต่ช้อนกาแฟล่ะ? เท่าไหร่หว่า? ไม่รู้เลย ไม่เคยใช้ สงสัยต้องลองหาข้อมูลเพิ่มเติม หรือไม่ก็ใช้แอพแปลงหน่วย สะดวกดี เร็วด้วย

อ้อ! อีกอย่าง ช้อนชา กับช้อนกาแฟ มันต่างกันขนาดไหนเนี่ย? ต้องไปหาข้อมูลเพิ่มแล้ว เดี๋ยวกลับไปค้นหาในเน็ตดีกว่า ขี้เกียจคิดละ มึนหัว

ยาน้ำ 1 ช้อนโต๊ะ เท่ากับกี่ซีซี

แสงส้มๆ ยามเย็นวันศุกร์… นึกถึงยาที่ต้องกินก่อนนอน…

1 ช้อนโต๊ะ… เท่ากับกี่ซีซีนะ… เหมือนจะเคยรู้… 15 ซีซี…ใช่มั้ยนะ?

อืม… ใช่… 15 ซีซี… นึกถึงช้อนตวงยาที่ได้มาจากเภสัช…เล็กๆใสๆ…

ช้อนกินข้าว… ไม่ได้นะ… เคยเผลอใช้… เกือบกินยาเกินขนาด… ตกใจหมดเลย…

ต้องใช้ช้อนตวงยาเท่านั้น… จำได้ว่าเภสัชกรที่ร้านขายยาย้ำมากๆ…

  • 1 ช้อนโต๊ะ = 15 ซีซี (cc) หรือ 15 มิลลิลิตร (ml)
  • ช้อนที่ใช้: ช้อนตวงยาที่ให้มาพร้อมกับยาเท่านั้น. อย่าใช้ช้อนกินข้าวเด็ดขาด! ของผมเป็นช้อนใสๆ เล็กๆ ที่ได้มาพร้อมกับขวดยาแก้ไอ
  • ช้อนชา = 5 ซีซี (ปี 2024 ยังเหมือนเดิม) อันนี้จำได้แม่น เพราะใช้บ่อย
  • เมื่อวานเพิ่งไปซื้อยามา (27 กรกฎาคม 2567) เภสัชยังย้ำอีกว่าอย่าใช้ช้อนกินข้าว

แสงเริ่มมืดแล้ว… ได้เวลากินยาแล้วสิ…

ยาหยอดตา 1 หยด กี่ cc

ยาหยอดตา 1 หยด = 0.05 มล.

  • ปริมาตรขวด: ส่วนใหญ่ 5 หรือ 10 มล.
  • คำนวณ: 1 มล. มี 20 หยด

ขวด 5 มล. = 100 หยด ขวด 10 มล. = 200 หยด

  • ระยะห่าง: หยอดต่างชนิดกัน เว้น 5-10 นาที. ซึมก่อนค่อยหยอดต่อ
  • ข้อควรระวัง: บางยามีผลข้างเคียงต่อการมองเห็นชั่วคราว. อย่าขับรถหลังหยอดทันที

ข้อมูลเพิ่มเติม:

  • การเก็บรักษา: เก็บยาหยอดตาในที่เย็นและแห้ง พ้นแสงแดด. ปิดฝาให้สนิทหลังใช้งาน
  • การปนเปื้อน: หลีกเลี่ยงการสัมผัสปลายหลอดหยอดกับดวงตาหรือสิ่งอื่นใด เพื่อป้องกันการปนเปื้อน
  • การหมดอายุ: ยาหยอดตามีวันหมดอายุ ควรตรวจสอบก่อนใช้. โดยทั่วไป ยาหยอดตาที่เปิดแล้วจะมีอายุการใช้งานประมาณ 28 วัน
  • อาการแพ้: หากมีอาการแพ้ เช่น คัน บวม แดง หรือแสบร้อน ควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์ทันที
  • ปรึกษาแพทย์: หากมีอาการผิดปกติทางสายตา ควรปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
  • ยาเฉพาะ: ยาหยอดตาบางชนิดมีข้อห้ามใช้ในผู้ป่วยบางกลุ่ม ควรแจ้งประวัติการเจ็บป่วยและยาที่ใช้อยู่ให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยาหยอดตา
  • ความถี่ในการหยอด: ความถี่ในการหยอดและระยะเวลาในการรักษาขึ้นอยู่กับชนิดของยาและอาการของผู้ป่วย ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
  • การใช้คอนแทคเลนส์: ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ควรถอดคอนแทคเลนส์ก่อนหยอดตา และรออย่างน้อย 15 นาที ก่อนใส่คอนแทคเลนส์กลับ
  • ผลข้างเคียง: ยาหยอดตาบางชนิดอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ตาพร่ามัว แสบตา หรือรู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมในดวงตา หากมีอาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์
  • การใช้ในเด็ก: การใช้ยาหยอดตาในเด็กควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์หรือเภสัชกร
  • การใช้ในผู้สูงอายุ: ผู้สูงอายุอาจมีน้ำตาน้อย ทำให้ยาหยอดตาซึมได้ยาก ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อขอคำแนะนำในการใช้ยาหยอดตาที่เหมาะสม
  • การใช้ร่วมกับยาอื่น: ยาหยอดตาบางชนิดอาจมีปฏิกิริยากับยาอื่นที่ใช้อยู่ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากกำลังใช้ยาอื่นอยู่
  • การลืมหยอด: หากลืมหยอดยา ให้หยอดทันทีที่นึกได้ แต่หากใกล้ถึงเวลาหยอดครั้งต่อไป ให้ข้ามไปหยอดครั้งต่อไปตามปกติ โดยไม่ต้องเพิ่มปริมาณยา
  • การใช้เกินขนาด: การใช้ยาหยอดตาเกินขนาดอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
#Cc #Ml #ต่างกัน