หูดติดต่อทางน้ำลายไหม

14 การดู

หูดหงอนไก่ไม่ติดต่อทางน้ำลาย แพร่กระจายผ่านการสัมผัสโดยตรงกับผิวหนังหรือเยื่อบุที่มีเชื้อไวรัส HPV การใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน เช่น ผ้าขนหนู หรือการมีเพศสัมพันธ์ทุกประเภท จึงมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงเหล่านี้เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV.

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

หูดติดต่อทางน้ำลายได้หรือไม่? ความจริงเกี่ยวกับการแพร่กระจายของไวรัส HPV

คำถามที่มักเกิดขึ้นบ่อยครั้งเกี่ยวกับหูด คือ “หูดติดต่อทางน้ำลายได้หรือไม่?” คำตอบโดยสรุปคือ โอกาสที่หูดจะติดต่อผ่านทางน้ำลายนั้นน้อยมากถึงแทบจะเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หูดหงอนไก่ (Genital warts) ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัส Human Papillomavirus (HPV) แม้ว่า HPV จะมีหลายสายพันธุ์ และบางสายพันธุ์อาจทำให้เกิดหูดที่บริเวณปากหรือลำคอได้ แต่การแพร่กระจายผ่านน้ำลายนั้นไม่ใช่เส้นทางหลัก และมีความเสี่ยงต่ำมาก

ความเข้าใจผิดที่ว่าหูดติดต่อทางน้ำลายอาจมาจากความใกล้ชิดของการสัมผัสในชีวิตประจำวัน แต่การแพร่กระจายของ HPV เกิดขึ้นได้จากการสัมผัสโดยตรงกับผิวหนังหรือเยื่อบุที่มีเชื้อไวรัส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง:

  • การสัมผัสทางเพศ: นี่คือเส้นทางการติดเชื้อที่สำคัญที่สุดของ HPV โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดหูดหงอนไก่ การมีเพศสัมพันธ์ทุกประเภท ทั้งการร่วมเพศทางช่องคลอด ทางทวารหนัก และทางปาก มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ

  • การใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน: การใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าขนหนู มีดโกน หรือแปรงสีฟัน อาจทำให้ไวรัส HPV แพร่กระจายได้ แม้ว่าความเสี่ยงจะน้อยกว่าการสัมผัสทางเพศก็ตาม

  • การสัมผัสโดยตรงกับหูด: การสัมผัสกับหูดโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีแผลเปิด มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ

ถึงแม้ว่า HPV บางสายพันธุ์อาจก่อให้เกิดหูดในช่องปากได้ แต่การแพร่กระจายผ่านน้ำลายนั้นเป็นไปได้ยาก เนื่องจากปริมาณไวรัสในน้ำลายมีน้อย และไวรัส HPV ต้องการการสัมผัสโดยตรงกับผิวหนังหรือเยื่อบุที่เหมาะสมเพื่อที่จะสามารถติดเชื้อได้ การจูบแบบฝรั่งเศสอาจมีความเสี่ยงเล็กน้อย แต่ความเสี่ยงนี้ก็ยังต่ำมากเมื่อเทียบกับการมีเพศสัมพันธ์

สรุปแล้ว แม้ว่าทางทฤษฎีแล้ว การติดเชื้อ HPV ผ่านน้ำลายอาจเกิดขึ้นได้ แต่โอกาสมีความน้อยมาก การป้องกันที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน และการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น หากคุณพบว่ามีตุ่มหรือหูดผิดปกติ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที