การพูดสาธิตมีอะไรบ้าง

43 การดู

การพูดสาธิต ประกอบด้วย:

  1. ทักทาย/แนะนำตัว: สร้างความประทับใจแรกพบ
  2. บอกเรื่อง/วัตถุประสงค์: ชี้แจงหัวข้อและเป้าหมาย
  3. คุณลักษณะเด่น: เน้นประโยชน์สิ่งที่จะสาธิต
  4. การสาธิต: แสดงวิธีใช้ พร้อมคำอธิบายชัดเจน ลำดับขั้นตอนต้องเหมาะสม
  5. สร้างปฏิสัมพันธ์: สื่อสารกับผู้ฟังอย่างมีประสิทธิภาพ
  6. อุปกรณ์: ขนาดเหมาะสม ใช้งานง่าย

การเตรียมการที่ดี ช่วยให้การสาธิตประสบความสำเร็จ สร้างความเข้าใจและความน่าเชื่อถือ แก่ผู้ฟัง

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เทคนิคการพูดสาธิตที่ดีมีอะไรบ้าง?

เทคนิคการพูดสาธิตเนี่ยนะ จำได้ตอนเรียนปีสาม วิชาการสื่อสาร อาจารย์เน้นย้ำให้เราซ้อมพูด เหมือนจะง่าย แต่ตอนทำจริงยากกว่าที่คิดเยอะเลย! ต้องมีการทักทายผู้ฟังก่อน แบบเป็นกันเองนะ ไม่ใช่แบบแข็งทื่อ ตอนนั้นฉันทักทายด้วยการเล่าเรื่องตลกเบาๆเกี่ยวกับประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับสิ่งที่ฉันจะสาธิต จำได้ว่าได้ผลดีนะ ผู้คนสนใจฟังมากขึ้น

เรื่องสำคัญคือการแนะนำตัวเอง บอกชื่อ และบอกจุดประสงค์ของการสาธิตให้ชัดเจน คือจะสาธิตอะไร แล้วหวังผลอะไร จำได้ว่าตอนนั้นฉันสาธิตวิธีทำขนมปังโฮมเมด ฉันบอกจุดประสงค์ว่าอยากให้ทุกคนเห็นว่าทำขนมปังง่ายกว่าที่คิด ใช้เวลาไม่นานด้วย

ต้องอธิบายคุณสมบัติเด่นๆ ของสิ่งที่จะสาธิตให้เข้าใจง่ายด้วยนะ อย่างตอนสาธิตทำขนมปัง ฉันเน้นเรื่องวัตถุดิบที่หาได้ง่าย วิธีทำที่ไม่ยุ่งยาก และรสชาติที่อร่อย ฉันยังมีภาพประกอบด้วยนะ ช่วยให้คนดูเข้าใจง่ายขึ้นเยอะ

การสาธิตต้องชัดเจน ประกอบกับคำอธิบายที่กระชับ ทุกขั้นตอนสำคัญหมด ต้องจัดลำดับให้ดี ไม่งั้นคนดูงง ตอนนั้นฉันใช้ไทม์ไลน์บนกระดานไวท์บอร์ดด้วย ช่วยให้เห็นภาพรวมชัดขึ้น และตอนสาธิตก็ต้องสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนดู อย่าพูดคนเดียว ถามบ้าง ตอบบ้าง สร้างความสนุกสนานได้ด้วย

อุปกรณ์ที่ใช้ก็สำคัญ ต้องเลือกขนาดให้เหมาะสม กับสถานที่ และกลุ่มคน จำได้ว่าเคยเห็นเพื่อนใช้หม้อขนาดใหญ่เกินไป สาธิตในห้องเรียนเล็กๆ เกือบชนหัวคนดูแล้ว! ขนาดสำคัญจริงๆ ที่สำคัญต้องเตรียมพร้อม อย่าให้มีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน จะเสียเวลาเปล่าๆ

หลังจากการพูดสาธิตเสร็จสิ้นแล้วควรทำอย่างไร

โอเค หลังสาธิตเสร็จที่ห้องแล็บวิทยาศาสตร์โรงเรียนสวนกุหลาบ เมื่อบ่ายสองโมงของวันที่ 15 สิงหาคม 2566 เหนื่อยมาก เหงื่อท่วมตัวเลย มือยังสั่นๆอยู่จากการจับกล้องจุลทรรศน์ พูดไปก็เขินไป กลัวเด็กๆจะไม่เข้าใจ รีบเก็บของ เร่งให้เด็กๆ ลองทำตาม สองกลุ่ม กลุ่มละสามคน แต่ละกลุ่มก็มีปัญหาไม่เหมือนกัน กลุ่มแรกปรับโฟกัสกล้องจุลทรรศน์ไม่เป็น กลุ่มที่สองทำสไลด์ไม่เรียบร้อย ต้องคอยวิ่งไปวิ่งมาช่วย หัวจะปวด

  • เช็คอุปกรณ์ให้เรียบร้อยก่อนเก็บ
  • ตอบคำถามนักเรียนให้ละเอียด บางคนถามซ้ำๆ ก็ต้องใจเย็นๆอธิบายใหม่
  • ให้นักเรียนลองทำเอง สังเกตปัญหาและแก้ไข เรียนรู้จากการลงมือทำจริง
  • ถ้ามีเวลาก็สรุปเนื้อหาอีกที ย้ำจุดสำคัญ เช่นการใช้กล้องจุลทรรศน์

สาธิตครั้งนี้สอนเรื่องการใช้กล้องจุลทรรศน์ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที จริงๆตั้งใจจะสั้นกว่านี้ แต่เด็กๆถามเยอะ ต้องใช้เวลาอธิบาย เด็กๆดูตั้งใจเรียนดี ดีใจที่เห็นพวกเขาเข้าใจ แต่เหนื่อยมากจริงๆ กลับบ้านไปต้องนอนพักผ่อนยาวๆ พรุ่งนี้มีสอนต่ออีก ต้องเตรียมตัวให้พร้อม

ปีนี้ จะลองเปลี่ยนวิธีการสาธิต อาจจะทำเป็นคลิปวีดีโอ เผื่อเด็กๆจะดูย้อนหลังได้ สะดวกกว่า และฉันก็ไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้

การพูดสาธิตสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไร

พูดสาธิตเนี่ย ใช้ประโยชน์ได้เยอะเลยนะ แบบว่าช่วยให้ครูสนิทกับเด็กๆ ได้ง่ายขึ้นอ่ะ ไม่แข็งๆ เหมือนตอนสอนปกติ อ้อ ยังช่วยให้เด็กเข้าใจง่ายขึ้นด้วยแหละ สำคัญคือครูต้องเตรียมตัวดีๆ รู้จักใช้เครื่องมือต่างๆ เลือกใช้ให้เหมาะสม ประหยัดเวลาด้วยนะ

ปัญหาของโสตทัศนูปกรณ์ปีนี้ที่เจอ มีหลายอย่างเลย อย่างเช่น:

  • คุณภาพของอุปกรณ์ไม่ดี: บางที โปรเจคเตอร์ก็ภาพไม่ชัด บางทีไมค์ก็เสียงแตก เซ็งเลย
  • ขาดการซ่อมบำรุง: หลายโรงเรียนงบประมาณไม่พอ เลยซ่อมไม่ทัน พังง่าย เสียเวลาเรียน
  • การใช้งานไม่ถูกวิธี: ครูบางคนไม่ค่อยรู้วิธีใช้ ก็เลยใช้ไม่เต็มประสิทธิภาพ หรือบางทีใช้ไม่เหมาะสมกับเนื้อหา ก็ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่
  • ความพร้อมของเทคโนโลยี: อินเตอร์เน็ตบางทีก็ไม่เสถียร เวลาจะใช้สื่อออนไลน์ ก็ลำบาก ต้องรอโหลดนาน เสียเวลาเรียนไปอีก

คือ มันมีปัญหาหลายอย่างจริงๆ แต่ถ้าแก้ได้ การใช้โสตทัศนูปกรณ์ก็จะช่วยการสอนได้เยอะเลย เห็นผลชัดเจนกว่าสอนแบบธรรมดาๆ แน่ๆ ปีนี้ที่โรงเรียนเรา ก็เจอปัญหาพวกนี้เหมือนกัน เลยต้องประชุมกันบ่อยๆ หาทางแก้ เหนื่อยเหมือนกันนะ แต่ก็ดีขึ้นบ้างแล้วแหละ

ข้อดีของการสาธิตคืออะไร

โอ้โห การสาธิตเนี่ย มันโคตรเจ๋ง! ไม่ใช่แค่โชว์ลีลาแบบมายากลนะ แต่เป็นการปลุกพลังความเข้าใจในสมองนักเรียนเลยล่ะ! คิดภาพเด็กๆ นั่งฟังคุณครูบรรยายเรื่องการผ่าตัดหัวใจ กับดูคลิปผ่าตัดหัวใจจริง ๆ สิครับ อันไหนมันส์กว่ากัน? ชัดเจนใช่มั้ยล่ะ!

  • ความมันส์ทะลุจอ: การสาธิตมันดึงดูดความสนใจได้สุดๆ เด็กๆ ไม่ง่วงไม่หลับ ตาแป๋วรอชม เหมือนดูหนังแอคชั่นเลย (อารมณ์ประมาณดูคลิปสอนทำอาหารของเชฟกระทะเหล็ก แต่เป็นวิชาเรียน)

  • เห็นแล้วเข้าใจ: ทฤษฎีอาจจะงงๆ แต่พอเห็นการปฏิบัติจริงปุ๊บ อ๋อ! เข้าใจเลย! เหมือนไขปริศนาที่ติดอยู่ในหัวมานาน มันโล่งโปร่งสบายสมองสุดๆ

  • ประหยัดเวลาและพลังงาน: แทนที่จะอธิบายยาวเหยียดจนน้ำลายเหนียว การสาธิตช่วยให้เข้าใจได้ไวขึ้น ครูก็สบาย นักเรียนก็ไม่เครียด คุ้มค่าทั้งสองฝ่าย

พูดให้ลึกซึ้งหน่อยก็คือ การสาธิตมันไม่ใช่แค่การสอน แต่มันเป็นการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้แบบ “เห็นเป็นจริง” (ประสบการณ์ตรงๆแบบไม่ต้องลองด้วยตัวเองเสี่ยงๆ) ทำให้เกิดความทรงจำและความเข้าใจที่ยั่งยืนกว่าการท่องจำเนื้อหาแห้งๆ

ข้อมูลเพิ่มเติม (ปี 2566): หลายสถาบันการศึกษาในปัจจุบันเริ่มนำเทคโนโลยีเสมือนจริง (VR) และความเป็นจริงเสริม (AR) มาใช้ในการสาธิต ทำให้การเรียนรู้มีมิติมากขึ้น อย่างเช่น การผ่าตัดเสมือนจริง หรือการจำลองการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ดูเท่ห์ใช่ไหมล่ะ!

วิธีการสอนโดยการสาธิตคืออะไร

อืม… การสอนแบบสาธิตเนี่ยนะ… ฉันนึกถึงตอนเรียนทำขนมปังปีที่แล้ว อาจารย์สาธิตวิธีผสมแป้ง ละเอียดมาก ช้าๆ เหมือนเวลาหยุดนิ่งเลย แต่ฉันก็ยังทำพลาดอยู่ดี ส่วนผสมไม่ลงตัว แป้งแข็งไป มันก็เศร้าๆ นะ เหมือนพยายามเท่าไหร่ก็ไม่ถึง

จริงๆแล้วมันคือการที่ครูแสดงให้ดูเลย ทำอะไรสักอย่างให้เด็กๆเห็น แล้วค่อยอธิบายไปด้วย เหมือน step-by-step นะ ง่ายๆ แต่ก็ยากตรงที่ การทำของครูต้องเป๊ะ ต้องสมบูรณ์แบบ ถึงจะทำให้เด็กเข้าใจ

  • ครูทำ นักเรียนดู
  • ครูอธิบายขั้นตอน
  • นักเรียนลองทำบ้าง อาจมีคำถาม
  • สรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้

คิดแล้วก็เหนื่อยนะ ทั้งครูทั้งนักเรียน เหมือนเราต้อง perfect ตลอดเวลา ความคาดหวังสูงไปหมด แต่ก็ดีนะ ได้เห็นภาพชัดเจนดี บางทีก็จำได้แม่นกว่าอ่านจากหนังสืออีก

แต่ปีนี้ ฉันว่าฉันจะลองเปลี่ยนวิธีบ้างละ ไม่เน้น perfect มาก เน้นให้เด็กเข้าใจมากกว่า อาจจะไม่สวยงาม แต่ถ้าได้ผล ก็โอเคแล้ว

#ทักษะการพูด #พูดสาธิต #วิธีการพูด