ข้อสอบโทอิคแต่ละพาร์ทมีกี่ข้อ

Toeic แต่ละพาร์ทกี่ข้อ

อื้อหือ สอบ TOEIC ปีนี้ จำได้แม่นเลย ตื่นเต้นมาก ไปสอบที่ศูนย์สอบแถวสีลม อากาศร้อนตับแล่บ เกือบสาย แทบวิ่งไม่ทัน เหงื่อท่วมตัวเลย

พาร์ทฟังนี่ โคตรหนัก 100 ข้อ ยาวเป็นหางว่าว

• Part 1 รูปภาพ 6 ข้อ ง่ายๆ แต่ก็นะ เวลาจำกัด ก็ต้องรีบๆ ดู
• Part 2 ถามตอบ 25 ข้อ อันนี้หนักกว่า ต้องฟังให้ดีๆ บางทีเสียงมันเบา แถมคำถามก็ซับซ้อน แทบไม่ได้พักหายใจเลย
• พาร์ทอื่นๆ จำรายละเอียดไม่ค่อยได้แล้ว แต่ก็จำได้ว่า เหนื่อยมาก

พาร์ทอ่านนี่ก็ เยอะไม่แพ้กัน จำไม่ได้เหมือนกันว่ากี่ข้อ แต่จำได้ว่า ข้อสอบหนา เหมือนหนังสือเรียนเลย อ่านจนตาจะปิด

เอาเป็นว่า สอบ TOEIC ไม่ง่ายเลย ต้องเตรียมตัวให้พร้อม จริงๆ ปีนี้ ตั้งใจมาก อ่านหนังสือหนักมาก แต่ก็ยังเครียดอยู่ดี หวังว่าจะได้คะแนนดีๆ ลุ้นสุดๆ ตอนนี้ก็รอผลอยู่ อยากรู้คะแนนเร็วๆจัง

ข้อสอบโทอิค มีอะไรบ้าง มีพาร์ทอะไรบ้าง

TOEIC หรือ Test of English for International Communication เป็นข้อสอบวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษสำหรับการทำงานระดับสากล ปัจจุบันใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในแวดวงธุรกิจและองค์กรระดับนานาชาติ

ข้อสอบแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก:

• Listening Comprehension: เน้นการฟังและทำความเข้าใจ มีหลากหลายรูปแบบ เช่น บทสนทนา สถานการณ์จำลอง และการบรรยาย วัดความสามารถในการจับประเด็นสำคัญ แยกแยะรายละเอียด และเข้าใจสำเนียงต่างๆ (ข้อมูล ณ ปี 2024)

• Reading Comprehension: เน้นการอ่านและทำความเข้าใจ ประกอบด้วยข้อความหลากหลายรูปแบบ เช่น อีเมล จดหมายธุรกิจ ข่าวสาร และบทความ วัดความสามารถในการอ่านเร็ว ทำความเข้าใจความหมายโดยรวม และวิเคราะห์ข้อมูลจากข้อความ (ข้อมูล ณ ปี 2024)

คะแนนเต็ม 990 คะแนน ใช้เวลาสอบ 2 ชั่วโมง ค่าสอบ ณ ปี 2024 อยู่ที่ 1,800 บาท ผลสอบโดยปกติจะประกาศภายในไม่กี่วันหลังการสอบเสร็จสิ้น

ส่วนตัวเคยสอบ TOEIC เมื่อปี 2022 ได้คะแนน 850 ซึ่งถือว่าเพียงพอสำหรับการสมัครงานในตำแหน่งที่ต้องการ แต่คะแนนที่ได้ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบริษัทและตำแหน่งงาน บางตำแหน่งอาจกำหนดเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำไว้ การเตรียมตัวให้พร้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญ เหมือนกับการเตรียมตัวไปแข่งขัน ต้องฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ถึงจะประสบความสำเร็จได้ ชีวิตก็เหมือนกัน ต้องมุ่งมั่น ถึงจะบรรลุเป้าหมาย

โทอิคแต่ละข้อคะแนนเท่ากันไหม

ไม่ใช่ แต่ละข้อมีน้ำหนักเท่ากันหมด

• TOEIC: คะแนนเต็ม 990 คะแนน เฉลี่ย 495 ไม่มีเกณฑ์ตายตัว วัดความสามารถเฉพาะด้าน ไม่ใช่มาตรฐานภาษาสากล

• CEFR: ระดับ A1-C2 อิงความสามารถใช้ภาษาครอบคลุมด้านต่างๆ มีเกณฑ์ชัดเจน ใช้ทั่วโลก

คะแนน TOEIC บอกแค่ความสามารถด้านการฟังและการอ่านภาษาอังกฤษในบริบทธุรกิจ ไม่ใช่ภาพรวมภาษาอังกฤษทั้งหมด ตัวเลขไม่ใช่ทุกอย่าง

• ระดับคะแนน TOEIC (ตัวอย่างตามความสามารถส่วนตัว อิงปี 2566): 800+ ทำงานระดับนานาชาติได้สบายๆ 600-790 สื่อสารธุรกิจได้ แต่ยังมีจุดอ่อน 400-590 ต้องพัฒนาอีกมาก ต่ำกว่า 400 ควรเน้นพื้นฐาน

CEFR บอกระดับความสามารถภาษาตามมาตรฐานยุโรป ครอบคลุมการฟัง พูด อ่าน เขียน ละเอียดกว่า TOEIC มาก

• A1-A2: พื้นฐาน B1-B2: ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน C1-C2: เชี่ยวชาญ สามารถใช้ภาษาได้อย่างคล่องแคล่ว

สรุปสั้นๆ TOEIC วัดเฉพาะด้าน CEFR วัดภาพรวม การเปรียบเทียบจึงทำได้ยาก ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้ภาษาของแต่ละบุคคล

Toeic แต่ละพาร์ทกี่ข้อ

โอ้ววว TOEIC! สอบเสร็จแล้วรู้สึกเหมือนวิ่งมาราธอนจบเลยเนอะ แต่ละพาร์ทนี่มีกี่ข้อนะ? ขอขยายความแบบฮาๆ แต่จริงจังหน่อยละกัน

• ฟัง (Listening): รวม 100 ข้อ ฟังจนหูชาแน่ๆ แบ่งเป็น 4 พาร์ท

  • Part 1: Photographs (6 ข้อ): ดูรูปแล้วตอบ ง่ายๆ แต่ก็มีหลอกล่อซ่อนอยู่ เหมือนเลือกแฟน รูปหล่อๆ หลายคน แต่สุดท้ายก็เลือกคนนิสัยดี (ประสบการณ์ตรง!)
  • Part 2: Question-Response (25 ข้อ): ฟังคำถามแล้วตอบ เหมือนตอบคำถามเพื่อน แต่เพื่อนถามเร็วมากกกกก ต้องไวเหมือนโกโก้ครั้นช์!
  • Part 3 & 4: Conversations & Talks (70 ข้อ): ส่วนนี้หนักหนา เหมือนฟังอาจารย์บรรยาย ยาวเป็นหางว่าว แต่โชคดีมีช่วงพักหายใจให้บ้าง (ระหว่างข้อ) นี่คือด่านสุดท้ายของมาราธอน ใครผ่านได้ถือว่าเก่งจริง!

• อ่าน (Reading): นี่ก็อีก 100 ข้อ! อ่านจนตาจะปิด แต่ก็ต้องสู้ เหมือนอ่านนิยาย 100 ตอนจบ แต่ไม่มีภาพประกอบ (ถึงมีก็ไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่ 555) แบ่งเป็น 3 พาร์ท

  • Part 5: Incomplete Sentences (30 ข้อ): เลือกคำให้ถูกต้อง ง่ายๆ เหมือนเลือกเสื้อผ้า แต่ต้องเลือกให้เข้าชุดกันด้วย! คิดหนัก
  • Part 6: Text Completion (10 ข้อ): เติมคำลงในข้อความ เหมือนเล่นเกมส์ต่อคำ แต่ยิ่งต่อยิ่งยากขึ้น ความคิดสร้างสรรค์ต้องมา!
  • Part 7: Reading Comprehension (60 ข้อ): อ่านแล้วตอบคำถาม เหมือนอ่านบทความวิชาการ แต่ต้องอ่านอย่างไว แล้วตอบคำถามให้ทัน!

สรุปคือ ทั้งฟังทั้งอ่านรวม 200 ข้อ ถ้าสอบไม่ผ่าน อย่าโทษโชคชะตา โทษตัวเองเถอะ ฮ่าๆๆ

ปีนี้ (2566) ข้อมูลยังคงเหมือนเดิม ถ้ามีการเปลี่ยนแปลง คงมีประกาศอย่างเป็นทางการแน่นอน อย่าลืมเช็คข้อมูลจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการด้วยนะ เพื่อความแม่นยำ!

ข้อสอบโทอิค มีอะไรบ้าง มีพาร์ทอะไรบ้าง

โทอิคอ่ะเหรอ ก็ข้อสอบวัดภาษาอังกฤษไง เพื่อเอาไปสมัครงานนี่แหละ เพื่อนฉันก็ไปสอบมา จะได้ปรับตำแหน่ง สายการบินด้วยมั้ง

มีสองพาร์ทใหญ่ๆนะ ฟังกับอ่าน Listening กับ Reading จำได้แม่นเลย พาร์ทฟังนี่มีหลายแบบมากกกกก โคตรเยอะ จำไม่ได้หมดอ่ะ แต่พาร์ทอ่านก็เยอะเหมือนกัน ข้อสอบเยอะมาก สอบนานด้วย สองชั่วโมงเต็มๆเลยนะ เหนื่อยมากกก

คะแนนเต็ม 990 ฉันจำได้ว่าเพื่อนบอกค่าสมัคร ปีนี้ 1800 บาท แพงอยู่นะ ผลสอบออกไวด้วย วันถัดไปเลย เร็วมากกก

สรุปง่ายๆเลยนะ

• พาร์ทฟัง (Listening): เยอะมาก จำรายละเอียดไม่ได้จริงๆ แต่มีหลายแบบแน่ๆ
• พาร์ทอ่าน (Reading): นี่ก็เยอะ จำรายละเอียดไม่ได้ แต่เยอะมากเหมือนกัน
• คะแนนเต็ม: 990 คะแนน
• เวลาสอบ: 2 ชั่วโมง
• ค่าสอบ: 1800 บาท (ปี 2566)
• ผลสอบ: ออกวันรุ่งขึ้น

เพื่อนบอกว่ายากมากกก ต้องเตรียมตัวดีๆนะ โชคดีด้วย อิอิ

โทอิคแต่ละข้อคะแนนเท่ากันไหม

ไม่เท่ากันจ้าาาาา แต่ละข้อคะแนนไม่เท่ากันนะจ๊ะ อย่าคิดว่าทำถูกเยอะๆ แล้วยิ้มหวานๆ เพราะมันมีระบบการให้คะแนนที่ซับซ้อนกว่านั้นเยอะ คิดซะว่าเป็นศิลปะการต่อสู้แบบญี่ปุ่น เหมือนการแข่งขันคาราเต้ บางท่าได้คะแนนเยอะ บางท่าได้คะแนนน้อย ถึงแม้จะทำท่าเยอะแยะ แต่ถ้าท่าไม่เป๊ะ ก็ได้คะแนนน้อยอยู่ดี อิอิ

ส่วนเรื่องเปรียบเทียบคะแนน TOEIC กับ CEFR นี่สิ สนุก! มันเหมือนเอาแอปเปิ้ลไปเทียบกับส้ม รู้ปะ ต่างกันลิบลับ แต่ก็พยายามหาความสัมพันธ์กันได้นะ เหมือนพยายามหาคู่ให้หมากับแมว สุดท้ายก็ได้แต่ภาพในหัว ฮ่าๆๆ แต่ก็มีตารางแปลงคร่าวๆ นะ ไม่ได้แม่นยำเป๊ะๆ เหมือนดูดวง ไว้เป็นแนวทาง อย่าเอาเป็นหลักเลย เด๋วผิดหวัง

• TOEIC 800+: ระดับเทพ! ภาษาอังกฤษงดงาม พูดได้คล่องปรื๋อ แปลได้ไม่มีสะดุด เข้าใจลึกซึ้ง สมองไว รับประทานภาษาอังกฤษเป็นอาหารหลักได้สบายๆ CEFR ก็ระดับ C1 ขึ้นไป ไปทำงานต่างประเทศได้สบายๆ เงินเดือนสูงๆ รออยู่
• TOEIC 600-799: ระดับกลางๆ ใช้ภาษาอังกฤษได้สบายๆ แต่ก็ยังมีจุดที่ต้องพัฒนา ไม่ต้องกังวล ยังมีที่ให้พัฒนาอีกเยอะแยะ แค่พยายามต่อไป CEFR ประมาณ B2-C1 ทำงานได้ทั่วไป มีโอกาสก้าวหน้าถ้าขยันเพิ่มทักษะ
• TOEIC 400-599: ระดับเริ่มต้น ภาษาอังกฤษยังไม่ค่อยคล่อง ต้องฝึกฝนเพิ่มอีกเยอะ อย่าท้อ! ยังมีเวลา CEFR ประมาณ B1 หรือต่ำกว่า ยังต้องพัฒนา แต่ก็ยังสู้ได้ อย่าลืมความตั้งใจเดิม
• TOEIC ต่ำกว่า 400: อย่าเพิ่งเสียใจ ยังมีเวลา ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี เริ่มจากจุดนี้แล้วก้าวไปข้างหน้า สุดยอดไปเลย! CEFR A2 หรือต่ำกว่า โฟกัสการเรียนรู้พื้นฐานก่อน ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากล ต้องพยายามให้ได้นะ

เพิ่มเติม: คะแนน TOEIC แสดงความสามารถด้านการฟังและการอ่านภาษาอังกฤษ ไม่ใช่ทักษะการพูดและการเขียน นะจ๊ะ อย่าสับสน และการแปลงคะแนนไป CEFR ก็เป็นเพียงการประมาณการเท่านั้น ไม่ใช่ตัวเลขที่ตายตัว เหมือนความรัก มีขึ้นมีลง

ปล. ข้อมูล ณ ปี 2024 นะคะ อย่าลืมอัปเดตตัวเองเรื่อยๆ เหมือนมือถือรุ่นใหม่ ออกรุ่นใหม่ๆ เรื่อยๆ อิอิ

โทอิก พารท7 มีกี่ข้อ

TOEIC Part 7 มี 54 ข้อครับ จำได้ว่าตอนสอบครั้งล่าสุดเดือนมีนาคม 2024 ก็ยังเจอ 54 ข้อ ส่วนคะแนนเต็ม 990 แบ่ง Listening/Reading อย่างละครึ่ง 495 เหมือนเดิมเป๊ะ เวลาสอบก็ยัง 2 ชั่วโมง Listening 45 นาที, Reading 75 นาที ผมว่าการจัดสรรเวลาใน Reading สำคัญมากนะ เพราะ Part 7 มันยาว บางทีเจอ Passage ยาวๆ 3 บทความรวด ต้องบริหารเวลาดีๆ ไม่งั้นทำไม่ทันแน่ ส่วนตัวผมจะแบ่งเวลาคร่าวๆ ให้ Part 5, 6 ประมาณ 20 นาที ที่เหลือจัดเต็ม Part 7 ไปเลย

• Part 7: 54 ข้อ
• คะแนนเต็ม: 990 (L: 495, R:495)
• เวลาสอบ: 120 นาที (L: 45, R:75)
• จำนวนข้อทั้งหมด: 200 (L: 100, R: 100)

ผมว่า New TOEIC เน้นวัดความเข้าใจในการอ่านจับใจความมากกว่าแบบเก่า โดยเฉพาะ Part 7 บางทีเนื้อหาเยอะ ต้องอ่านเร็ว แล้ววิเคราะห์ให้ทัน จำได้ว่ามีครั้งนึง เจอ Passage เกี่ยวกับ Business Email ยาวเป็นหางว่าว แถมคำศัพท์เฉพาะทางเพียบ ตอนนั้นเกือบทำไม่ทัน ต้องเร่งสปีดสุดๆ คิดแล้วก็เหนื่อย แต่ก็สนุกดีเหมือนกันนะ เหมือนเป็นการท้าทายตัวเอง

โทอิคมีกี่ข้อ ข้อละกี่คะแนน

โทอิค 200 ข้อ ข้อละไม่ถึง 5 คะแนนหรอก

คะแนนเต็ม 990 ฟัง 495 อ่าน 495

เวลา 2 ชั่วโมง ฟัง 45 นาที อ่าน 75 นาที

• ข้อสอบแบบเดิม เปลี่ยนแค่ปีที่สอบ
• คิดว่าตัวเองเก่งพอแล้วเหรอ? ลองดู
• สอบได้เท่าไหร่ แล้วแต่ฝีมือ

เพิ่มเติม: ผมสอบเมื่อ 2566 ได้ 900 ไม่ยากอย่างที่คิด แต่ต้องขยัน เรียนพิเศษที่ไหนก็ได้ เอาที่ตัวเองถนัด