ความเฉลียวฝึกยังไง

34 การดู

เพิ่มความเฉลียวฉลาดได้ด้วย 7 วิธีง่ายๆ:

  1. คบคนเก่ง: แรงบันดาลใจและมุมมองใหม่ๆ จากเพื่อนฉลาดๆ จะช่วยกระตุ้นความคิด

  2. ใช้เน็ตอย่างมีประสิทธิภาพ: หาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อย่าเสียเวลาไปกับสิ่งไร้สาระ

  3. จดบันทึกความรู้: บันทึกสิ่งที่เรียนรู้และประสบความสำเร็จในแต่ละวัน ช่วยทบทวนและสร้างนิสัยการเรียนรู้

  4. ตั้งเป้าหมายและจดบันทึกความสำเร็จ: การบรรลุเป้าหมายเล็กๆ น้อยๆ ช่วยสร้างความมั่นใจและกระตุ้นให้เรียนรู้ต่อไป

  5. เล่นเกมฝึกสมอง: เกมปริศนาหรือเกมที่ต้องใช้กลยุทธ์ช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และการแก้ปัญหา

  6. เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา: ลองศึกษาเรื่องที่ไม่เคยสนใจมาก่อน ขยายขอบเขตความรู้และทักษะ

  7. ทบทวนและประยุกต์ใช้: อย่าเรียนรู้เพียงอย่างเดียว นำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ วิเคราะห์และปรับปรุงอยู่เสมอ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ฝึกฝนความเฉลียวฉลาดได้อย่างไร?

โอเค มาลองดูกันนะ เรื่องความฉลาดเนี่ย มันเหมือนกล้ามเนื้อ ยิ่งใช้ยิ่งแข็งแรง (มั้ง)

  • อธิบายให้คนอื่นฟัง: เคยไหม สอนเพื่อนทำการบ้าน แล้วตัวเองเข้าใจขึ้นมาเฉยเลย? นั่นแหละ คือมัน!
  • คบเพื่อนฉลาดๆ: ตอนม.ปลาย ชอบไปสิงอยู่กับกลุ่มเด็กเรียน มันซึมซับกันได้จริงๆ นะ
  • ใช้เน็ตให้เป็นประโยชน์: ไม่ใช่ไถ TikTok ทั้งวัน หาคอร์สออนไลน์ฟรีๆ เรียนไปสิ
  • จดสิ่งเรียนรู้: เมื่อวานเพิ่งรู้วิธีทำขนมเค้กแบบไม่ง้อเตาอบ จดไว้กันลืมไง
  • จดสิ่งที่ทำสำเร็จ: เล็กๆ น้อยๆ ก็เอา ฉันเคยเขียนบล็อกเสร็จ 1 ตอน ฉลองไปเลย!
  • เล่นเกมฝึกสมอง: Sudoku, crossword, อะไรก็ได้ที่ทำให้หัวหมุนๆ หน่อย
  • ศึกษาเรื่องที่ไม่เคยสนใจ: เมื่อก่อนไม่เคยคิดจะแตะเรื่องดาราศาสตร์ ตอนนี้ติดหนึบ!

ทั้งหมดนี้ ฉันว่ามันเหมือนการลงทุนในตัวเองนะ ลองดู ไม่เสียหาย 😉

ทำยังไงให้สมองไวขึ้น

โอเค มาลองดูว่าจะทำยังไงให้สมองไวกว่าเดิมนะ เหมือน RAM ในคอมอะ ต้องอัพเกรด!

  • ทำอะไรใหม่ๆ สิ! ปีนี้ฉันลองหัดทำขนม ไม่เคยทำมาก่อนเลย ยากแต่สนุกดีนะ กระตุ้นสมองสุดๆ

  • เขียนๆ ไปเหอะ ไดอารี่อะ บางทีก็เขียนแต่เรื่องหมาที่บ้าน มันกวนประสาทดี แต่ก็เป็นการเรียบเรียงความคิดนะ

  • เกมส์ฝึกสมอง… Sudoku ยังเล่นอยู่เลย แต่เบื่อแล้วอะ หาเกมส์ใหม่ๆ ดีกว่า ต้องหาอะไรที่ท้าทายกว่านี้

  • อ่านหนังสือ! ปีนี้ตั้งเป้าไว้ 20 เล่ม อ่านไปได้ 5 เองมั้ง เศร้า… แต่ละเล่มก็ต้องเลือกที่มันจุดประกายความคิดหน่อยนะ ไม่ใช่แค่อ่านเอามัน

  • ขี้สงสัยเข้าไว้! อันนี้ง่ายสุด ถามมันไปทุกเรื่อง อย่ากลัวที่จะถามอะไรโง่ๆ

  • คิดบวก… ยากจังเลย เจอเรื่องแย่ๆ มาเยอะ แต่พยายามอยู่! มองหาเรื่องดีๆ ในทุกเรื่องให้ได้

  • คิดเลขเอง… สมัยนี้ใครเขาคิดเลขเองกัน? แต่ก็จริงนะ ฝึกไว้ไม่เสียหาย เผื่อวันไหนแบตมือถือหมด

  • ใช้แผนที่… GPS มันสะดวกกว่าเยอะ แต่ลองใช้แผนที่กระดาษบ้างก็ได้ จะได้จำทางได้

  • จริงๆ มีอีกเยอะเลยนะ ที่ทำได้ เช่น เรียนภาษาใหม่ (อยากเรียนสเปน!) หรือเล่นดนตรี (เคยเล่นกีตาร์ ตอนนี้ลืมหมดแล้ว) หรือจะออกกำลังกาย (อันนี้สำคัญมาก!)

ไหวพริบ ฝึกได้ไหม

ไหวพริบฝึกได้มั้ย? อืม… มันก็…ได้แหละมั้ง? แต่ไม่ใช่แค่ปิ๊ง! แล้วก็ได้เลยนะ เพื่อนฉันน่ะ ใช้เวลานานมาก กว่าจะคิดไอเดียโปรเจคจบปีนี้ได้ แบบว่า นั่งคิดเป็นเดือนเลย กว่าจะลงตัว คนเรามันไม่เหมือนกันนี่นา บางคนก็ไว บางคนก็ช้า

  • อย่างฉันนี่แหละ ช้ามาก ต้องใช้เวลาคิด ต้องลองผิดลองถูก
  • แต่ก็เห็นผลนะ อย่างตอนแก้โจทย์ฟิสิกส์ ปีที่แล้วโคตรยาก แต่ปีนี้ โอเคขึ้นเยอะเลย เพราะฉันฝึกทำโจทย์บ่อยขึ้น
  • เพื่อนอีกคนนึง เค้าไวมาก ไอเดียทะลัก แต่บางทีก็พลาดง่าย อาจเพราะไม่คิดอะไรมาก ก็เลยต้องปรับปรุง

สรุปคือ ฝึกได้ แต่ต้องใช้เวลา ต้องลงมือทำ อย่าแค่คิด ต้องวิเคราะห์ด้วย คิดเยอะๆ ลองผิดลองถูกบ่อยๆ มันสำคัญกว่า ใช้เวลาเยอะกว่า การแก้ปัญหาฉับพลันด้วยซ้ำ ปีนี้ฉันเลยตั้งใจจะอ่านหนังสือเพิ่มขึ้น อาจช่วยได้

อ้อ ลืมไป เพื่อนบอกว่าเล่นเกมส์บางประเภทก็ช่วยได้นะ แต่ฉันยังไม่ลอง ไว้ว่างๆค่อยว่ากัน เฮ้อออ เหนื่อยจัง พรุ่งนี้ต้องรีบตื่นไปเรียนอีกแล้ว

อยากหัวไวทำไง

อยากหัวไวเหรอ? เอ้อเฮ้อ…ถามมาได้! สมัยนี้ใครๆ ก็อยากเป็นไอน์สไตน์ตอนหนุ่มๆ อ่ะนะ แต่ถ้าอยากฉลาดแบบไม่ต้องผ่าตัดสมอง ลองทำตามสูตรเด็ดเคล็ดลับเซียนเหล่านี้ดู รับรองว่าหัวหมุนติ้วๆ เหมือนกินกระทิงแดงสิบขวด!

8 วิธีลับ (ที่ไม่ลับ) ฉบับคนอยากหัวไว:

  • ขยันใช้สมอง: อย่าปล่อยให้สมองขึ้นสนิม! อ่านหนังสือ, เล่นเกมลับสมอง, หรือจะนั่งคิดเลขเล่นๆ ก็ได้ แต่ถ้าให้ดี..คิดบัญชีเมียหลวงเมียน้อย อันนี้รับรองสมองแล่นปรื๊ด!
  • คิดนอกกรอบ: อย่าเป็น “เต่า” ในกะลา! ลองมองโลกในมุมกลับดูบ้าง อาจจะเจอไอเดียเจ๋งๆ เหมือนตอนที่ผมคิดค้นสูตร “ไก่ย่างเขยลาว” ไงล่ะ!
  • ออกกำลังกาย: วิ่ง, เต้น, ว่ายน้ำ…อะไรก็ได้ที่ทำให้เหงื่อไหลไคลย้อย! เลือดลมสูบฉีด สมองก็ปลอดโปร่งโล่งสบายเหมือนได้ขึ้นสวรรค์!
  • กินอาหารดี: กินผักผลไม้, ปลา, ถั่ว…อะไรที่มันมีประโยชน์ต่อร่างกายบ้าง! อย่ากินแต่หมูกระทะทุกวัน เดี๋ยวจะได้สมองหมูแทนสมองคน!
  • จิบน้ำ (บ้าง): ชา, กาแฟ, น้ำผลไม้…อะไรที่มันช่วยกระตุ้นสมอง! แต่ถ้าจะให้ดี…น้ำใบบัวบกก็ช่วยได้นะ! แต่ยาดองนี่…พักก่อน!
  • เล่นดนตรี: ตีกลอง, ดีดกีตาร์, สีซอ…อะไรก็ได้ที่มันช่วยปลดปล่อยอารมณ์! สมองจะได้ไม่เครียด! (แต่ระวังเพื่อนบ้านด่า!)
  • พักผ่อน: นอนหลับให้เพียงพอ! อย่าหักโหมทำงานจนไม่ได้พักผ่อน! เดี๋ยวจะได้เป็น “ซอมบี้” สมองตาย!
  • สังสรรค์: คุยกับเพื่อนฝูง, หัวเราะเฮฮา…อะไรที่มันช่วยให้ผ่อนคลาย! อย่าเก็บตัวอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยม! เดี๋ยวจะได้เป็น “บ้า”!

เกร็ดความรู้เพิ่มเติม (แบบบ้านๆ):

  • กินปลาเยอะๆ: เขาว่าในปลามีโอเมก้า 3 ช่วยบำรุงสมอง! แต่ถ้าไม่มีเงินซื้อปลา…กินปลากระป๋องก็ได้! (อย่าบอกใครนะ!)
  • ฝึกสมาธิ: นั่งสมาธิวันละ 5 นาที ช่วยให้จิตใจสงบ! (แต่ถ้าฟุ้งซ่าน…ก็ลุกไปกินขนมก่อนก็ได้!)
  • เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ: หาคอร์สเรียนออนไลน์, อ่านหนังสือ, ดูสารคดี…อะไรก็ได้ที่มันช่วยเปิดโลกทัศน์! (แต่ถ้าขี้เกียจ…ก็ดู TikTok ไปก่อนก็ได้!)
  • หัวเราะเยอะๆ: เสียงหัวเราะช่วยลดความเครียด! (แต่ถ้าหัวเราะคนเดียว…เดี๋ยวคนจะหาว่าบ้า!)

คำเตือน: วิธีเหล่านี้อาจไม่ได้ผลกับทุกคน! เพราะแต่ละคนมีกรรมพันธุ์และสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน! แต่ถ้าลองทำตามดูแล้ว…ไม่เสียหายอะไรนี่นา! อย่างน้อยก็ได้ออกกำลังกาย!

ป.ล. ถ้าทำตามทุกวิธีแล้วยังไม่ฉลาดขึ้น…ก็อย่าท้อแท้! อย่างน้อยก็สุขภาพดีขึ้นกว่าเดิม! (อันนี้พูดจริงๆ นะ!)

พัฒนาสมองยังไง

พัฒนาสมองยังไง 10 เคล็ดลับ (ไม่) ลับ? อื้อหือ คำถามนี้หนักหนา เอาแบบยุ่งๆ เหมือนสมองฉันตอนนี้เลยนะ

  1. ลองทำอะไรใหม่ๆ! ปีนี้ฉันลองเรียนทำเค้ก โอยยยย ยากมาก แต่สนุกดีนะ ฝึกสมองจริงๆ ไม่ใช่แค่จำสูตรนะ ต้องคิด วิเคราะห์ ปรับเปลี่ยนด้วย

  2. เขียนไดอารี่! อันนี้จริงจังนะ ไม่ได้เขียนเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ ต้องพยายามวิเคราะห์ความรู้สึกตัวเอง สรุปเหตุการณ์ ลองมองมุมมองใหม่ๆ บ้าง

  3. เกมส์! เกมส์อะไรก็ได้ ที่ต้องใช้สมองคิด ฉันชอบเล่น sudoku รู้สึกตึงเครียดดี (ฮา) แต่ช่วยฝึกความจำและการคิดเชิงตรรกะ

  4. (ข้ามไปข้อ 5 เลยละกัน)

  5. อ่านหนังสือ! ปีนี้ฉันอ่าน “The Silent Patient” จบแล้ว สนุกมาก ต้องคิดตาม เดาไปเรื่อย ใช้ความคิดสร้างสรรค์ด้วยแหละ

  6. สงสัย! ฉันเป็นคนขี้สงสัยอยู่แล้ว ถามนู้นถามนี่ตลอด แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ถามตัวเองก็ได้ มันช่วยกระตุ้นสมองนะ

  7. คิดบวก! อันนี้ยากสุด แต่พยายามนะ คิดดีๆ ทำดีๆ ผลลัพธ์อาจจะไม่ดีเสมอไป แต่ก็ได้ฝึกการจัดการอารมณ์ไปในตัว

  8. คำนวณเอง! ไม่ใช้เครื่องคิดเลข! บ่อยๆ นะ ช่วยฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์ จำสูตรต่างๆ แถมยังฝึกสมาธิอีกด้วย

  9. ใช้แผนที่! ไม่ใช่แค่เปิด Google map นะ ลองใช้แผนที่กระดาษดูบ้าง ต้องคิด วิเคราะห์เส้นทางเอง สนุกดีนะ เหมือนเกมส์ผจญภัยเลย

  10. นอนหลับให้เพียงพอ! อันนี้สำคัญมาก ถ้าสมองพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็พัฒนาอะไรไม่ได้หรอก จริงป่ะ? ฉันนอนประมาณ 7-8 ชั่วโมง ไม่เกินนี้

  • เพิ่มเติม: ปีนี้ฉันยังลองเรียนภาษาใหม่ด้วยนะ ภาษาสเปน ยากชิบ แต่ก็สนุก ถือเป็นการฝึกสมองอย่างนึงเหมือนกัน
  • เพิ่มเติมอีก: การออกกำลังกายก็สำคัญนะ ฉันวิ่งอาทิตย์ละ 3 วัน ช่วยให้สมองโล่ง คิดอะไรได้คล่องขึ้น (หรือเปล่า?)

IQสามารถเพิ่มขึ้นได้ไหม

IQ น่ะหรือ เพิ่มได้ไหม? อืม… มันซับซ้อนนะ

  • Fluid intelligence: พีคตอนต้น adulthood (วัยผู้ใหญ่ตอนต้น) แล้วค่อยๆ decline คือเรื่องจริง
  • Crystallized intelligence: คือความรู้ที่สะสมมา อันนี้ keep evolving (พัฒนาต่อไป) ได้เรื่อยๆ
  • Brain plasticity: สมองเราปรับตัวได้ตลอดเวลา ถึงจะไม่ใช่แบบเด็กๆ แล้วก็ตาม

ความคิดส่วนตัว: “IQ fix” อาจไม่ใช่เป้าหมายที่ถูกต้องนัก การโฟกัสที่การเรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ๆ น่าจะสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืนกว่านะ ว่าไหม?

เกร็ดเล็กน้อย:

  • Nootropics: หรือ “smart drugs” บางคนใช้ boost cognitive function (เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง) แต่ต้องระวังผลข้างเคียงนะ
  • Lifestyle matters: การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายเป็นประจำ ส่งผลดีต่อสมองแน่นอน
  • Lifelong learning: การเรียนรู้ตลอดชีวิต ช่วย keep brain active (กระตุ้นสมอง) และป้องกัน cognitive decline (การถดถอยของความรู้ความเข้าใจ)

ข้อควรระวัง: อย่าหลงเชื่อโฆษณาเกินจริงเกี่ยวกับ “IQ boost” ส่วนใหญ่เป็นแค่การตลาดนะทุกคน

ระดับ IQ เท่าไหร่ถึงจะฉลาด

ฉลาดเนี่ยนะ… วัดกันยังไงล่ะครับ? IQ แค่ตัวเลข! เหมือนเอาไม้บรรทัดวัดความสูงหัวใจเลย! บอกความยาวได้ แต่บอกความลึกไม่ได้

  • IQ 90-109: อยู่ในเกณฑ์ปกติ คิดแบบนี้ดีกว่าครับ “เฉลี่ย” ไม่ใช่ “โง่” อย่าไปกังวลมาก ชีวิตไม่ได้แข่งขันกันแค่คะแนนสอบ! คิดอย่างสร้างสรรค์สิครับ ผมนี่ IQ 110 แต่บางทีก็ยังงงๆ กับเรื่องง่ายๆ อยู่เลย!

  • IQ > 109: อ๋อ… ฉลาดกว่าเกณฑ์! ยินดีด้วยครับ! แต่… ฉลาดอย่างเดียวพอเหรอ? ผมรู้จักคน IQ สูงปรี๊ด แต่ชีวิตโคตรพัง! ฉลาดต้องใช้ให้เป็น! ต้องรู้จักใช้ EQ ด้วยนะ! มิเช่นนั้น ฉลาดแต่ไม่มีความสุขก็เท่ากับไร้ค่า!

  • IQ อย่าไปซีเรียสครับ! บางทีการมองโลกแบบ “ไม่ฉลาด” อาจจะทำให้คุณเห็นมุมมองที่คนอื่นมองไม่เห็นก็ได้! ผมเชื่อว่าทุกคนมีจุดแข็งเฉพาะตัว แค่ต้องค้นหาให้เจอ ผมมีเพื่อนคนหนึ่ง IQ ต่ำกว่าเกณฑ์ แต่ฝีมือทำอาหารโคตรเทพ เปิดร้านได้ปีเดียวรวยเลย!

สรุปแล้ว IQ เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น! ความสำเร็จมันวัดกันไม่ได้ด้วยตัวเลข ความสุข ความสามารถ ความอดทน ทั้งหมดนี้สำคัญกว่าเยอะ! อย่าเอาตัวเลขมาจำกัดความเป็นตัวเอง! ปีนี้ผมกำลังลองเรียนทำเบเกอรี่ ดูสิ อาจจะเจอความสามารถแฝงก็ได้!

ค่า IQ ปกติควรอยู่ที่เท่าไหร่

โอ๊ย! ถามถึง IQ นี่มันจี้เส้นคนบ้านๆ อย่างฉันเลยนะเนี่ย!

ค่า IQ ปกติเค้าว่ากันว่าต้อง 90 ถึง 109 ถึงจะรอดพ้นจากการถูกหาว่าเป็น “เอ๋อ” ไปได้ แต่ถ้าพลาดพลั้งได้แค่ 80-89 เค้าจะเรียกว่า “Dull Normal” ฟังดูดี๊ดี แต่ความจริงก็คือ เรียนรู้ช้ากว่าชาวบ้านเค้านิดนึง น่ะแหละ (อย่าคิดมาก! ยังดีกว่าไม่รู้เรื่องเลยโว้ย!)

แล้วถ้าซวยกว่านั้น ได้ IQ 70-79 ล่ะ? โอ้ว…งานเข้า! เค้าจะป้ายสีให้ว่าเป็น “Borderline MR” (MR นี่มาจาก Mental Retardation นะจ๊ะ…แปลว่า ปัญญาอ่อนขั้นขอบๆ อ่ะแก!)

สรุปแบบชาวบ้าน:

  • 90-109: IQ ปกติ ไม่ต้องกินยาแก้ปวดหัว
  • 80-89: Dull Normal เรียนช้าแต่ก็ยังกินข้าวได้
  • 70-79: Borderline MR…เอิ่ม…สู้ๆ นะ!

แถมท้าย (เผื่อใครอยากรู้มากกว่านี้):

  • IQ มันไม่ได้วัดทุกอย่างในชีวิตนะเว้ย! บางคน IQ สูงปรี๊ด แต่ทำมาหากินไม่เป็นก็มีถมไป
  • IQ มันเปลี่ยนกันได้นะ! อ่านหนังสือเยอะๆ เล่นเกมฝึกสมองบ้างก็ได้ (ไม่ใช่เล่นแต่โป๊กเกอร์นะเฟ้ย!)
  • อย่าไปซีเรียสกับตัวเลขมาก! สำคัญคือใช้ชีวิตให้มีความสุขก็พอแล้ว

คำเตือน: ข้อมูลข้างบนอาจจะไม่ถูกต้อง 100% เพราะฉันก็จำขี้ปากชาวบ้านเค้ามาอีกที! อย่าเชื่อฉันมาก ไปหาหมอดีกว่า ถ้าอยากรู้จริงๆ!

IQ แบบไหนฉลาด

IQ 109+ ก็แค่พวก เนิร์ด. ต่ำกว่า 90 ก็โง่ไป. จบนะ.

  • IQ เฉลี่ย: 90-109 (คนทั่วไป)
  • IQ สูง: 110+ (เริ่มฉลาด, แต่ไม่ได้แปลว่ารวย)
  • IQ ต่ำ: ต่ำกว่า 90 (ทำงานใช้แรง, ไม่ต้องใช้สมองเยอะ)
  • เรื่องจริง: IQ บอกอะไรไม่ได้มาก นอกจากความสามารถในการทำข้อสอบ

คำเตือน:อย่าไปยึดติดกับตัวเลขมากนัก. ชีวิตจริงมันซับซ้อนกว่านั้นเยอะ.

#ความคิดสร้างสรรค์ #พัฒนาสมอง