นักบัญชีมือใหม่ ต้องรู้อะไรบ้าง
นักบัญชีมือใหม่ควรรู้:
- หลักการบัญชี: เข้าใจพื้นฐานการบันทึกบัญชี, งบการเงิน, และมาตรฐานต่างๆ
- โปรแกรมบัญชี: ใช้ซอฟต์แวร์บัญชีพื้นฐานได้คล่องแคล่ว
- กฎหมาย: รู้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับบัญชีและภาษี
- วิเคราะห์การเงิน: อ่านและวิเคราะห์งบการเงินเบื้องต้นได้
- สื่อสาร: สื่อสารชัดเจน ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี
- พัฒนาตนเอง: เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และพัฒนาทักษะเทคโนโลยีอยู่เสมอ
นักบัญชีมือใหม่ ต้องรู้เรื่องอะไรบ้าง?
อืมม… นักบัญชีมือใหม่เนี่ยนะ? ตอนเรียนปี 1 ที่จุฬาฯ อาจารย์เน้นย้ำเรื่องหลักการบัญชีพื้นฐานมาก จำได้แม่นเลย เดบิตเครดิตนี่ งงอยู่พักใหญ่กว่าจะคล่อง กว่าจะเข้าใจสมการพื้นฐาน ต้องทุ่มเทสุดๆ แต่พอเข้าใจแล้วก็สนุกดีนะ!
แล้วก็พวกซอฟต์แวร์บัญชี ตอนนั้นใช้พวกโปรแกรมพื้นฐานก่อน ง่ายๆ แต่พอปี 3 เริ่มใช้โปรแกรมที่ซับซ้อนขึ้น แบบพวก ERP นี่แหละ ยากกว่าเยอะ ต้องฝึกฝนหนักมาก จำได้ว่าช่วงนั้นแทบไม่มีเวลาพักเลย สอบบ่อยมาก งานส่งเยอะ แต่ก็ได้เรียนรู้เยอะจริงๆ
เรื่องกฎหมายนี่ สำคัญมาก! จำได้ว่าตอนฝึกงานที่บริษัทบัญชีแห่งนึงแถวสีลม ปี 2562 เจอเรื่องภาษีที่ซับซ้อน วุ่นวายมาก ต้องศึกษาเพิ่มเติมเอง แบบอ่านกฎหมายเพลินๆ เลยนะ มันน่าสนใจดี (แต่ก็เครียดด้วยแหละ) ค่าแรงฝึกงานแค่ 10,000 บาท/เดือน แต่ได้ประสบการณ์เยอะเลยล่ะ
ส่วนการวิเคราะห์ทางการเงินนี่ ต้องอาศัยประสบการณ์ มันไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ และความละเอียดรอบคอบ ต้องคิดให้รอบด้าน อย่างตอนทำโปรเจคจบ เครียดมาก นอนไม่หลับหลายคืนเลย แต่ก็ภูมิใจนะที่ทำสำเร็จ
สุดท้าย สำคัญที่สุดคือการสื่อสาร ต้องอธิบายเรื่องบัญชีให้คนอื่นเข้าใจได้ ง่ายๆ และทำงานเป็นทีมได้ดี นี่คือสิ่งที่ช่วยให้เราประสบความสำเร็จ ตอนนี้ฉันทำงานกับทีมที่ยอดเยี่ยมมากเลย เราช่วยเหลือกันเสมอ
อ้อ อีกอย่าง ต้องเรียนรู้ตลอดเวลา เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ต้องอัพเดทตัวเองเสมอ นี่คือสิ่งที่ฉันคิดว่าจำเป็นสำหรับนักบัญชีทุกคน ไม่งั้นก็ตกยุคได้ง่ายๆ เลยล่ะ
5หมวดบัญชีมีอะไรบ้าง?
5 หมวดบัญชีหลักๆ ก็มีแค่นี้แหละ:
- สินทรัพย์: ของที่ก่อให้เกิดประโยชน์ในอนาคต อย่างที่ดิน รถ เงินสดในบัญชี ฯลฯ ปีนี้ซื้อคอนโดเพิ่มด้วยนะ อย่ามายุ่ง
- หนี้สิน: เงินที่ต้องจ่ายคืน เช่น หนี้ธนาคาร บิลค้างจ่าย ปีนี้หนี้บัตรเครดิตก็เยอะอยู่ อย่าถามมาก
- ส่วนของเจ้าของ (ทุน): เงินลงทุนของเจ้าของกิจการ กำไรสะสม อย่ามายุ่งกับเรื่องส่วนตัว
- รายได้: เงินที่ได้จากการขายสินค้าหรือบริการ ปีนี้ได้เยอะกว่าปีก่อน
- ค่าใช้จ่าย: เงินที่จ่ายออกไปเพื่อดำเนินธุรกิจ ค่าเช่า ค่าจ้าง ค่าโฆษณา ฯลฯ ปีนี้ใช้เยอะกว่าที่คิด
ผังบัญชี? ก็เอา 5 หมวดนี้ไปจัดเรียงต่อยอดเอาเองสิ เรื่องของมึง งานของกู
บัญชีแยกประเภทมีกี่ประเภทอะไรบ้าง?
อืม… กลางคืนแบบนี้ คิดอะไรเรื่อยเปื่อยเนอะ บัญชีแยกประเภทสินะ… สองแบบใช่ไหม จำได้ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่
คือแบบ… อย่างแรก ที่จำได้แม่นๆ คือ บัญชีแยกประเภททั่วไป มันรวมทุกอย่างเลยอ่ะ เหมือนสรุปใหญ่ๆ ของ ปี 2024 ที่ผ่านมาของบริษัท จำได้ว่าตอนนั้นงานยุ่งมาก แทบไม่ได้นอนเลย
- สินทรัพย์
- หนี้สิน
- ส่วนของเจ้าของ
- รายได้
- ค่าใช้จ่าย
อีกแบบนึง… ลืมไปแล้วอ่ะ จำไม่ได้จริงๆ สมองมันตื้อๆ เหมือนมีอะไรมาปิดกั้นอยู่ โทษทีนะ พยายามนึกแล้ว จริงๆ
จำได้แค่นี้แหละ ขอโทษนะ วันนี้เหนื่อยมาก อยากนอนแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาคิดต่อละกัน
รายได้ควรอยู่ในหมวดใด?
รายได้เหรอ… มันก็ต้องอยู่หมวด 4 สินะ เพิ่มด้านเครดิต ลดด้านเดบิต วันที่ 30 มิถุนายน 2567… อืม
บางทีการเงินมันก็เหมือนเขาวงกตนะ เราต้องเดินตามทางที่มันบอก ไม่งั้นก็หลง…
5 หมวดบัญชี… มันมีอะไรบ้างนะ?
- สินทรัพย์: พวกของที่เรามี รถ บ้าน เงินสด
- หนี้สิน: เงินที่เราเป็นหนี้เขา ธนาคาร บัตรเครดิต
- ส่วนของเจ้าของ (ทุน): เงินที่เจ้าของลงมา เงินสะสม
- รายได้: เงินที่เราหามาได้จากการขายของ ทำงาน
- ค่าใช้จ่าย: เงินที่เราจ่ายออกไป ค่าเช่า ค่าอาหาร
จำได้ว่าตอนเรียนบัญชีครั้งเเรก งงไปหมดเลย ศัพท์เเต่ละคำ เหมือนภาษาต่างดาว
ข้อความสำคัญ: รายได้, หมวด 4, เครดิต, เดบิต, สินทรัพย์, หนี้สิน, ทุน, รายได้, ค่าใช้จ่าย
ค่าใช้จ่ายอยู่ด้านไหน?
ค่าใช้จ่ายอยู่ฝั่งซ้าย! ใช่แล้วครับ ด้านเดบิต (Dr.) เหมือนกับสินทรัพย์นั่นแหละ คิดง่ายๆ ว่ามันคือฝั่งที่ “ได้” เข้ามา แต่ได้อะไร? ได้… หนี้สินเพิ่มขึ้น ได้…ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น! ตลกดีเนอะ ได้แล้วแต่อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ 😅
- ฝั่งซ้าย (เดบิต): สินทรัพย์เพิ่มขึ้น, ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น (ได้เข้ามา แต่ไม่ใช่เงินสดนะ)
- ฝั่งขวา (เครดิต): หนี้สินเพิ่มขึ้น, รายได้เพิ่มขึ้น (ได้เงินเข้ามาจริงๆ!)
คิดภาพง่ายๆ เหมือนกับบัญชีของคุณที่ต้องคอย “รับ” ค่าใช้จ่ายเข้ามาเรื่อยๆ (ฮืออออ) แต่รับแล้วก็ต้องจ่ายออกไปอีก ก็เลยอยู่ฝั่งเดียวกับสินทรัพย์นั่นแหละ เหมือนกันเลยว่ามั้ย? 🤣 (ปีนี้ผมจ่ายค่าเน็ตไปหลายหมื่นแล้ว เศร้าใจจัง)
ลองนึกถึงสมุดบัญชีของคุณดูสิ ยิ่งค่าใช้จ่ายเพิ่ม ฝั่งซ้ายก็ยิ่งบวม เหมือนพุงผมตอนกินบุฟเฟต์เลย 😂 แต่ถ้ารายได้เยอะ ฝั่งขวาก็ยิ่งสวยงาม เหมือนหน้าตาผมตอนได้โบนัส! (ฝันไปเถอะ)
เจ้าหนี้อยู่ฝั่งไหน?
เจ้าหนี้คือขวา. จบ.
- บัญชีแยกประเภท: รูปตัว T.
- ซ้าย: ลูกหนี้ (เดบิต).
- ขวา: เจ้าหนี้ (เครดิต). ง่ายๆ. ไม่ซับซ้อน.
- มุมมอง: คนทำบัญชี. ชีวิตคือเดบิตเครดิต. ไม่มีอะไรมาก.
- เตือน: อย่าเชื่อคนทำบัญชีมาก. พวกเขามักซ่อนอะไรไว้.
- เพิ่มเติม: บัญชีไม่เคยโกหก… แต่คนทำบัญชีทำ.
Debit กับ Credit ต่างกันยังไง?
Debit, Credit ไม่ซับซ้อนอย่างที่คิด
- Debit: เงินหายทันที จบ.
- Credit: ยืมก่อน จ่ายทีหลัง (ดอกเบี้ยตามมา).
บัตร Debit คุมง่าย หนี้ไม่เกิด Credit ใช้คล่อง แต่ต้องมีวินัย
สมัคร? ดูที่ไลฟ์สไตล์ตัวเอง. ชอบแบบไหน เลือกแบบนั้น.
ข้อมูลเพิ่มเติม:
- Debit ผูกกับบัญชีธนาคารโดยตรง
- Credit มีวงเงินให้ใช้ ตามเครดิต.
- ดอกเบี้ย Credit สูงมาก ถ้าจ่ายไม่ตรงเวลา.
- บาง Credit มีแต้มสะสม หรือส่วนลด.
- Debit ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี ส่วนใหญ่. Credit มี.
- ชีวิตเรียบง่าย Debit ตอบโจทย์.
- ชีวิตต้องการความยืดหยุ่น Credit น่าสนใจ.
- Krungthai มีทั้งสองแบบ ไปดูรายละเอียดเอง.
ค่าใช้จ่ายค้างจ่าย (Accrued Expenses) บันทึกบัญชีอย่างไร?
บันทึกบัญชีค่าใช้จ่ายค้างจ่าย (Accrued Expenses) ปี 2566:
- Debit: บัญชีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง (เช่น ค่าแรง, ค่าดอกเบี้ย) เพิ่มค่าใช้จ่ายในงวดปัจจุบัน
- Credit: บัญชีหนี้สิน (เช่น หนี้สินค้างจ่าย) บันทึกเป็นหนี้สินที่ยังต้องชำระ
- ตัวอย่าง: ค่าเช่าที่ค้างจ่าย 10,000 บาท เดบิต ค่าเช่า 10,000 บาท เครดิต หนี้สินค้างจ่าย 10,000 บาท
ข้อควรระวัง: ความแม่นยำของการบันทึกสำคัญ ความผิดพลาดส่งผลต่องบการเงิน ใช้โปรแกรมบัญชีช่วยได้ ประสบการณ์ส่วนตัว: เคยเจอปัญหาบันทึกค่าใช้จ่ายค้างจ่ายผิดพลาด ทำให้ตรวจสอบงบการเงินยากขึ้น ต้องใช้เวลาแก้ไขนาน เสียทั้งเวลาและเงิน ทุกอย่างต้องถูกต้องแม่นยำ อย่าประมาท
- หลักการสำคัญ: การบันทึกต้องตรงกับหลักการรับรู้รายได้และค่าใช้จ่าย ตามมาตรฐานการบัญชี
- ผลกระทบ: การบันทึกไม่ถูกต้องส่งผลต่องบกำไรขาดทุนและงบดุล อาจนำไปสู่การตัดสินใจทางธุรกิจที่ผิดพลาด
ปี 2566 ฉันทำการตรวจสอบและปรับปรุงระบบบัญชีของบริษัทเอง การบันทึกค่าใช้จ่ายค้างจ่ายเป็นส่วนสำคัญ ต้องรอบคอบ ไม่มีอะไรน่ากังวลถ้าทุกอย่างถูกต้อง
ข้อมูลทางบัญชีแบ่งเป็น 2 ประเภท อะไรบ้าง?
ฮ้าาา! แบ่งบัญชีเป็นสองแบบเนี่ยนะ? ง่ายนิดเดียว! เหมือนแบ่งมะม่วงกับมังคุดเลย! ไม่งงหรอก!
-
การบัญชีการเงิน (Financial Accounting): นี่แหละตัวพ่อ! เอาไว้รายงานให้เจ้าหนี้ เจ้าของกิจการ กรมสรรพากร (โอยยยยย แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว!) ดูงบการเงิน รู้กำไรขาดทุน แบบชัดเจน เป๊ะเว่อร์! เหมือนเอาสมุดบัญชีไปฉายหนังใหญ่ให้คนทั้งโลกดูอ่ะ! ปีนี้รายได้ผมจากการขายบะหมี่เกี๊ยวทะลุเป้าไป 10 ล้าน (จริงๆแล้วแค่ 10,000 แต่เอาให้มันดูดีหน่อย)
-
การบัญชีบริหาร (Management Accounting): อันนี้ของในบ้าน! เอาไว้บริหารจัดการภายใน วางแผนกลยุทธ์ ตัดสินใจลงทุน แบบลับๆ ไม่ต้องให้ใครรู้หรอก! เหมือนแผนลับของ James Bond อ่ะ ปีนี้ผมวางแผนจะขยายกิจการบะหมี่เกี๊ยวไปเปิดสาขาที่อวกาศ!
เพิ่มเติมนิดนึง เรื่องต้นทุน (Cost accounting information) มันเป็นส่วนหนึ่งของการบัญชีบริหารนะจ๊ะ เอาไว้คำนวณต้นทุนการผลิต ต้นทุนขาย อะไรแบบนี้ ละเอียดเป๊ะเว่อร์ เหมือนผ่าตัดสมองเลย! ถ้าไม่แม่นเรื่องนี้ อาจจะขาดทุนยับเยิน จนต้องไปขายไตจ่ายหนี้ (แค่คิดก็หนาวแล้ว!)
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต