ปพ.1 ปพ.7 ต่างกันอย่างไร

53 การดู
ปพ.1 หรือพระราชบัญญัติการจัดตั้งศาลยุติธรรม พ.ศ. 2498 เน้นการจัดตั้งและโครงสร้างศาล ส่วนปพ.7 หรือพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความแพ่ง พ.ศ. 2479 กำหนดขั้นตอนการดำเนินคดีแพ่ง กล่าวคือ ปพ.1 ว่าด้วยเรื่องการจัดตั้งศาล ส่วนปพ.7 ว่าด้วยวิธีการพิจารณาคดีในศาล จึงเป็นกฎหมายคนละประเภท ทำงานร่วมกันเพื่อให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินไปอย่างราบรื่น
ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ปพ.1 และ ปพ.7: สองฟันเฟืองสำคัญในกระบวนการยุติธรรมไทย

เมื่อพูดถึงกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย หลายคนอาจคุ้นเคยกับชื่อย่อของกฎหมายสำคัญสองฉบับ คือ ปพ.1 และ ปพ.7 แม้ชื่อย่อจะคล้ายกันและทำงานเกี่ยวเนื่องกัน แต่เนื้อหาและวัตถุประสงค์ของกฎหมายทั้งสองฉบับนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เปรียบเสมือนฟันเฟืองสองตัวที่ทำงานประสานกันเพื่อขับเคลื่อนกลไกของกระบวนการยุติธรรมให้ดำเนินไปอย่างราบรื่น บทความนี้จะพาไปสำรวจความแตกต่างของ ปพ.1 และ ปพ.7 อย่างละเอียด เพื่อให้เข้าใจบทบาทและความสำคัญของกฎหมายทั้งสองฉบับนี้มากยิ่งขึ้น

ปพ.1 หรือชื่อเต็มว่า พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลยุติธรรม พ.ศ. 2498 เป็นกฎหมายที่ว่าด้วยการจัดตั้งโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ของศาลยุติธรรมในประเทศไทย เปรียบเสมือนสถาปนิกที่ออกแบบและสร้าง บ้าน ให้กับกระบวนการยุติธรรม กฎหมายฉบับนี้กำหนดประเภทของศาล ลำดับชั้นของศาล เขตอำนาจศาล รวมถึงคุณสมบัติและการแต่งตั้งผู้พิพากษา โดยมีศาลฎีกาเป็นศาลสูงสุด รองลงมาคือศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค ศาลจังหวัด และศาลแขวง การกำหนดโครงสร้างศาลที่ชัดเจนเช่นนี้ช่วยให้การพิจารณาคดีเป็นไปอย่างมีระบบ ลดความซับซ้อน และสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม

นอกจากการกำหนดโครงสร้างศาลแล้ว ปพ.1 ยังกำหนดอำนาจหน้าที่ของศาลแต่ละประเภทอย่างชัดเจน เช่น ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีในชั้นฎีกา ศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีในชั้นอุทธรณ์ ส่วนศาลชั้นต้นอย่างศาลจังหวัดและศาลแขวงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีในชั้นต้น การแบ่งแยกอำนาจหน้าที่เช่นนี้ช่วยป้องกันการแทรกแซงจากภายนอก และสร้างความเป็นอิสระให้กับศาลในการพิจารณาพิพากษาคดี

ในทางกลับกัน ปพ.7 หรือชื่อเต็มว่า พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความแพ่ง พ.ศ. 2479 เป็นกฎหมายที่ว่าด้วยขั้นตอนและวิธีการดำเนินคดีแพ่งในศาลยุติธรรม เปรียบเสมือน คู่มือการใช้งาน ของ บ้าน ที่ ปพ.1 สร้างขึ้น กฎหมายฉบับนี้กำหนดวิธีการยื่นฟ้อง การสืบพยาน การพิพากษา การบังคับคดี รวมถึงสิทธิและหน้าที่ของคู่ความในคดีแพ่ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การพิจารณาคดีแพ่งเป็นไปอย่างยุติธรรม รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ

ปพ.7 ครอบคลุมกระบวนการพิจารณาคดีแพ่งตั้งแต่ต้นจนจบ เริ่มตั้งแต่การยื่นคำฟ้องต่อศาล การส่งหมายเรียกให้จำเลยมาศาล การสืบพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่าย การไกล่เกลี่ย การพิพากษาคดี และการบังคับคดีตามคำพิพากษา ขั้นตอนเหล่านี้ถูกกำหนดไว้อย่างละเอียดใน ปพ.7 เพื่อให้คู่ความทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรมและมีโอกาสต่อสู้คดีอย่างเต็มที่

จะเห็นได้ว่า ปพ.1 และ ปพ.7 เป็นกฎหมายที่ทำงานประสานกัน ปพ.1 สร้างโครงสร้างและวางรากฐานให้กับศาลยุติธรรม ส่วน ปพ.7 กำหนดวิธีการดำเนินคดีภายในโครงสร้างนั้น หากขาดกฎหมายใดกฎหมายหนึ่งไป กระบวนการยุติธรรมก็ไม่อาจดำเนินไปอย่างสมบูรณ์ เปรียบเสมือนรถยนต์ที่ขาดเครื่องยนต์หรือขาดล้อ ย่อมไม่สามารถเคลื่อนที่ไปได้

ในปัจจุบัน ทั้ง ปพ.1 และ ปพ.7 ได้รับการแก้ไขเพิ่มเติมหลายครั้งเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและตอบสนองความต้องการของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างไรก็ตาม หลักการสำคัญของกฎหมายทั้งสองฉบับยังคงเดิม นั่นคือการสร้างความยุติธรรมและความเป็นธรรมให้กับทุกฝ่ายในกระบวนการยุติธรรมไทย การทำความเข้าใจความแตกต่างและความสัมพันธ์ระหว่าง ปพ.1 และ ปพ.7 จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคนที่ต้องการศึกษาหรือเกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นนักกฎหมาย ผู้พิพากษา ทนายความ หรือแม้แต่ประชาชนทั่วไป เพราะความรู้ความเข้าใจเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถใช้สิทธิทางศาลได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ และนำไปสู่การสร้างสังคมที่ยุติธรรมและเป็นธรรมอย่างแท้จริง