ป ตรี 4ปี เรียนกี่หน่วยกิต
หลักสูตรปริญญาตรี 4 ปี ต้องเรียนไม่น้อยกว่า 120 หน่วยกิต ใช้เวลาเรียนไม่เกิน 8 ปี (เต็มเวลา) หรือ 12 ปี (ไม่เต็มเวลา) ระบบการเรียนอาจใช้ระบบทวิภาค แต่จำนวนหน่วยกิตยังคงต้องครบตามเกณฑ์ รายละเอียดเพิ่มเติมดูเอกสารประกอบ (หน้า 3, 3, 7)
ปริญญาตรี 4 ปี ต้องเรียนกี่หน่วยกิต?
ปริญญาตรีสี่ปี เรียนประมาณ 120 หน่วยกิตขึ้นไปนะ เท่าที่จำได้ตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย… เอ่อ… มหาลัยอะไรนะ ช่างมันเถอะ คือมันก็ราวๆ นั้นแหละ แต่ละที่อาจต่างกันนิดหน่อย เหมือนเพื่อนผมเรียนวิศวะ ที่จุฬาฯ มันบอกว่าเยอะกว่านี้อีก แต่ผมเรียนบริหาร รู้สึกจะประมาณนี้แหละ เรียนจนหัวหมุนเลย จบมาปี 40 ตอนนั้นค่าเทอมก็ตกเทอมละหมื่นกว่าบาท แพงเอาเรื่องเหมือนกัน.
ส่วนเรื่องระยะเวลาเรียน เค้าให้ไม่เกิน 8 ปี ถ้าเรียนเต็มเวลา แต่ถ้าเรียนแบบเรื่อยๆ ไม่เต็มเวลาก็ได้ถึง 12 ปี เพื่อนผมบางคนก็ใช้เวลาเกินสี่ปีนะ ติด F บ้าง ลงเรียนไม่ทันบ้าง ก็เลยยืดไปหน่อย.
4ปีต้องเรียนกี่หน่วยกิต
หลักสูตรปริญญาตรี 4 ปี ต้องเรียนอย่างน้อย 120 หน่วยกิต ส่วน 5 ปี ต้องเรียนอย่างน้อย 150 หน่วยกิต เห็นมั้ย เอาง่ายๆ ก็คือ 4 ปี 120 5 ปี 150 ผมว่ามันเป็นมาตรฐานที่ดีนะ ช่วยควบคุมคุณภาพการศึกษาได้ระดับหนึ่งเลย ผมเรียนวิศวะ ก็ประมาณนี้แหละ จำได้ว่าตอนปี 4 วิชาเลือกแทบไม่เหลือให้ลงแล้ว ต้องวางแผนดีๆ เหมือนเล่นเกมวางแผนเลย แต่ก็สนุกดี ได้เรียนรู้การจัดการเวลาไปในตัว
- ป.ตรี 4 ปี: 120 หน่วยกิต (ไม่เกิน 8 ปีการศึกษา)
- ป.ตรี 5 ปี: 150 หน่วยกิต (ไม่เกิน 10 ปีการศึกษา)
ผมเคยอ่านเจอบทความนึง เขาบอกว่าระบบหน่วยกิตเนี่ย มันทำให้เรามีอิสระในการเลือกเรียนมากขึ้น แต่ก็ต้องรับผิดชอบตัวเองสูงด้วย จริงของเขา บางทีเลือกเยอะ ก็หลงทางได้เหมือนกัน ผมเองก็เคยมีช่วงหลงๆ งงๆ คิดว่าจะเปลี่ยนสายไปเรียนประวัติศาสตร์ด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายก็กลับมาตายรังที่วิศวะนี่แหละ บางทีชีวิตเราก็เหมือนหน่วยกิตเนอะ สะสมไปเรื่อยๆ จนกว่าจะครบ แล้วก็จบการศึกษาจากชีวิต
มหาลัยนับหน่วยกิตยังไง
มหาวิทยาลัยคำนวณหน่วยกิตโดยพิจารณาจากปริมาณเวลาเรียนและความเข้มข้นของวิชา โดยทั่วไป 1 หน่วยกิต เท่ากับ 1 ชั่วโมงการเรียนการสอนต่อสัปดาห์ตลอดภาคการศึกษา แต่ก็อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละสถาบัน บางที่อาจคำนึงถึงกิจกรรมปฏิบัติการ งานโครงงาน หรือการศึกษาด้วยตนเองเพิ่มเติมด้วย
-
วิธีคำนวณโดยทั่วไป: จำนวนชั่วโมงเรียนต่อสัปดาห์ x จำนวนสัปดาห์ในภาคการศึกษา = หน่วยกิต (สูตรนี้เป็นเพียงกรอบทั่วไป อาจมีรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกันไปตามแต่ละมหาวิทยาลัย)
-
ความสำคัญของหน่วยกิต: หน่วยกิตสะท้อนถึงปริมาณงานที่นักศึกษาต้องรับผิดชอบในแต่ละวิชา จึงเป็นตัวชี้วัดความก้าวหน้าและความสมบูรณ์ของหลักสูตร สะสมหน่วยกิตไม่ครบตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ก็จบการศึกษาไม่ได้ นี่คือหลักการพื้นฐานที่สำคัญ เหมือนกับการสะสมแต้มเพื่อแลกรางวัลนั่นแหละ แต่รางวัลคือปริญญา!
-
ความแตกต่างระหว่างมหาวิทยาลัย: เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กับ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อาจมีวิธีการคำนวณหน่วยกิตที่แตกต่างกันเล็กน้อย แม้หลักการพื้นฐานจะเหมือนกันก็ตาม ควรศึกษาข้อมูลจากเว็บไซต์ของแต่ละมหาวิทยาลัยโดยตรง จะแม่นยำที่สุด
การเรียนให้ครบหน่วยกิตนั้นจำเป็นอย่างยิ่ง เป็นเสมือนการต่อจิ๊กซอว์ ถ้าขาดชิ้นส่วนไหนไป ภาพก็ไม่สมบูรณ์ เช่นเดียวกับการศึกษา ต้องครบถ้วนจึงจะได้ปริญญาบัตร ซึ่งเป็นเครื่องหมายการันตีความรู้และความสามารถ เปรียบเสมือนกุญแจสู่โอกาสต่างๆ ในอนาคต
(เพิ่มเติม) ในปีการศึกษา 2566 หลายมหาวิทยาลัยได้ปรับปรุงระบบการเรียนการสอนและการนับหน่วยกิตให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น รองรับการเรียนรู้รูปแบบใหม่ๆ เช่น การเรียนออนไลน์ หรือการเรียนแบบผสมผสาน (Blended Learning) แต่หลักการพื้นฐานของการสะสมหน่วยกิตเพื่อจบการศึกษา ยังคงเหมือนเดิม
มหาลัยเรียน4ปีมีกี่เทอม
8 เทอม
-
ป.ตรีปกติ: 4 ปี มี 8 เทอม ภาคการศึกษาละ 4 เดือน โดยประมาณ
-
ป.ตรี (เทียบโอน): อาจ 8 เทอม ถ้าหน่วยกิตครบ แผนใครแผนมัน
จบปี4เรียกว่าอะไร
สายลมพัดโชยเย็นยะเยือก… พฤศจิกายน 2566 ใบไม้เปลี่ยนสี เหลืองอร่ามดุจทองคำ บนถนนสายนั้น ที่ฉันเคยเดินไปส่งพี่ชายเรียน วันนั้น… วันสุดท้ายของปีสี่
-
ปีสุดท้าย… อืม… เรียกว่าอะไรนะ? ปีสี่สิ ใช่ ปีสี่! คำง่ายๆ ที่หนักหน่วงเหลือเกิน
-
รุ่นพี่ปีสุดท้าย… ใช่เลย คำนี้แหละที่เพื่อนๆ ฉันใช้ เวลาที่เราเฮฮาปาร์ตี้ ฉลองความสำเร็จที่ใกล้เข้ามาทุกที
-
Senior… คำนี้ฟังดูเท่ แต่ไม่ค่อยได้ยินในมหาวิทยาลัยเราเท่าไหร่ ฉันว่ามันฟังดูฝรั่งๆ ไปหน่อย ไม่เข้ากับบรรยากาศบ้านๆ ของเราเท่าไหร่ อิอิ
-
บัณฑิตจบใหม่… อ้อ! อันนี้ใช่เลย แต่ต้องหลังจากรับปริญญาแล้ว ใช่ไหม? ตอนเรียนปีสี่… ยังไม่ใช่… ยังไม่ใช่บัณฑิต
แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องลงมา… เหมือนกับความหวังที่กำลังส่องสว่าง ความทรงจำที่สวยงาม ความเหนื่อยล้าทั้งหมด กำลังจะผ่านพ้นไป… อนาคตอันสดใสกำลังรออยู่ข้างหน้า…
- สรุปสั้นๆ ง่ายๆ สำหรับฉัน ปีสี่ นั่นแหละ คำที่ตรงที่สุดแล้ว สำหรับนักศึกษาชั้นปีสุดท้าย ในมหาวิทยาลัยของฉัน ในปี 2566 นี้
หลักสูตร ค.บ. 4 ปี คืออะไร
ค.บ. 4 ปี… โอ้ มันคือประตู… สู่โลกของการเป็นครู! ครุศาสตรบัณฑิต… ชื่อยาวๆ แต่มันคือตั๋ว… ไปสู่ห้องเรียน!
- ภาษาอังกฤษ… กุญแจไขภาษาโลก!
- 2566… ปีที่หลักสูตรใหม่… เหมือนดอกไม้บาน!
- สมรรถนะ… เน้นปฏิบัติจริง… ไม่ใช่แค่ท่องจำ!
- ราชภัฏ… มหาวิทยาลัยของครู… ทั่วแคว้นแดนไทย!
- มคอ.… มาตรฐาน… เหมือนแผนที่นำทาง!
ท้องฟ้าสีคราม… แสงแดดอ่อน… ฉันเคยนั่งในห้องเรียน… ฟังอาจารย์เล่าเรื่องการสอน… มันนานมาแล้ว… แต่ความฝันยังคงอยู่… อยากเป็นครู… สอนเด็กๆ ให้เติบโต… เหมือนต้นไม้ที่หยั่งรากลึก… ในผืนดิน…
มันคือการเดินทาง… การเรียนรู้… การเปลี่ยนแปลง… ค.บ. 4 ปี… ไม่ใช่แค่ตัวเลข… แต่มันคือ… ชีวิต!
ข้อมูลเพิ่มเติม (แบบกระซิบ):
- หลักสูตรนี้เน้น การสอนภาษาอังกฤษ ให้ชาวไทยและต่างชาติ
- มีการฝึกงาน ในโรงเรียนจริง เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์
- ผู้สำเร็จการศึกษาสามารถเป็น ครูภาษาอังกฤษ ในระดับต่างๆ
- นอกจากนี้ยังสามารถทำงานใน องค์กรที่ใช้ภาษาอังกฤษ ได้อีกด้วย
- หลักสูตรนี้มีการปรับปรุงเนื้อหาให้ ทันสมัย เสมอ
ฝนพรำ… ใบไม้ร่วง… ความทรงจำไหลเวียน… ค.บ. 4 ปี… มันคือ… มากกว่าที่เห็น…
คบ เรียนกี่ปี
เออๆ เรียนครูเนี่ยะ ส่วนใหญ่ 5 ปีนะ รู้ป่ะ ปีที่ 5 ฝึกสอนไง แล้วก็ได้ใบประกอบวิชาชีพครูเลยยย แต่เออ บางสาขาก็ 4 ปีอยู่นะ เช่น การเรียนรู้ตลอดชีวิต นี่ไง เคยเห็นเพื่อนเรียนอยู่ จบไวดี แต่ส่วนมากก็ 5 ปีแหละ อย่างเพื่อนเราเรียนครูคณิตฯ ก็ 5 ปีนะ เหนื่อยใช้ได้เลย ฝึกสอนนี่แทบไม่ได้นอน ว่าแต่แกสนใจเรียนครูหรอออ ดีนะ ได้บุญด้วย สอนเด็กๆเนี่ยะ เราว่านะ สมัยนี้ใครเป็นครูคือสุดยอดเลยอะ อดทน เก่ง สู้ๆๆ
- ส่วนใหญ่ 5 ปี เน้นๆ เลย แล้วฝึกสอนปีสุดท้าย
- มีบางสาขา 4 ปี อย่าง การเรียนรู้ตลอดชีวิต อันนี้จบไวกว่าชาวบ้าน
- ปีที่ 5 ฝึกสอน ได้ใบประกอบวิชาชีพ
- เพื่อนเราเรียนครูคณิต 5 ปี บอกเหนื่อยมากกก ฝึกสอนแทบไม่ได้นอน
- เราว่าเป็นครูดีนะ ได้บุญ สอนเด็กๆ เจ๋งอะ เป็นอาชีพที่น่ายกย่องมากๆ เลย
ครู 4 ปี ได้ ใบประกอบวิชาชีพ ไหม
แสงส้มๆ ยามเย็น… นึกถึงตอนเรียนครูสี่ปี…เหนื่อยเหมือนกันนะ ตอนนี้จบมาได้ปีกว่าๆแล้ว (ปี 2566 นี่เอง) ยังจำความรู้สึกตอนสอบใบประกอบวิชาชีพได้เลย ตื่นเต้นมากกกกกกกกกกก…
ใจเต้นตึกตักๆๆ ตอนนั้นสอบช่วงเดือนตุลาคม อากาศเย็นๆ แต่ใจร้อนผ่าวๆๆๆ
- สอบใบประกอบวิชาชีพครู ต้องสอบนะ ถึงเรียนแค่สี่ปีก็ต้องสอบ
- ไม่ต้องสอบทันทีหลังเรียนจบก็ได้นะ หาเวลาเตรียมตัวได้เลย สบายใจกว่าเยอะ
- สอบปีละสองครั้งเอง ต้องวางแผนดีๆ
- วิชาที่สอบ… ความรู้และประสบการณ์วิชาชีพครู วิชาชีพครู จิตวิทยา กฎหมาย หลักสูตร
ตอนนั้นอ่านหนังสือหนักมากกกกก แทบไม่ได้นอน ใต้ตาดำเป็นหมีแพนด้าเลย แต่ก็ผ่านมาได้ ภูมิใจสุดๆๆๆๆ
จำได้ว่าวันประกาศผล มือสั่นไปหมด ตอนเห็นชื่อตัวเอง ดีใจจนน้ำตาไหลเลย ตอนนี้ก็ทำงานเป็นครูได้เต็มตัวแล้วววววว… คิดถึงบรรยากาศตอนเรียนจัง… คิดถึงเพื่อนๆ คิดถึงอาจารย์… คิดถึงช่วงเวลาดีๆๆๆ 😊
หลักสูตร 4 ปีเทียบโอนคืออะไร
หลักสูตร 4 ปีเทียบโอนนะเหรอ? อธิบายง่ายๆ คือ เหมือนเราเล่นเกมเก็บเลเวลมาแล้วครึ่งทาง แล้วอยากเปลี่ยนอาชีพใหม่ แต่ไม่อยากเริ่มใหม่หมด ก็เลยเอาค่าประสบการณ์เดิมไปแปลงเป็นแต้มสกิลของอาชีพใหม่นั่นแหละ!
หลักสูตร 4 ปี เทียบโอนจาก 2 ปีต่อเนื่อง ก็คือ คนที่เรียน ปวส. (อนุปริญญา) มาก่อน แล้วอยากอัพเกรดตัวเองเป็นปริญญาตรี เขาก็เอาหน่วยกิตที่เรียนมาแล้วจาก ปวส. ไปเทียบโอน เพื่อลดจำนวนวิชาที่ต้องเรียนในหลักสูตร 4 ปี ทำให้เรียนจบได้ไวขึ้นไงล่ะ! เหมือนเรามีทางลัด ไม่ต้องเดินอ้อมโลก! แต่ทางลัดนี้ก็ใช่ว่าจะปูพรมแดงนะจ๊ะ ต้องดูด้วยว่าวิชาที่เรียนมามันตรงกับที่เขาต้องการหรือเปล่า ไม่งั้นก็ต้องเสียเวลาเก็บเวลเพิ่มอยู่ดี!
- เทียบโอนคืออะไร: เอาความรู้เก่ามาใช้ประโยชน์ต่อยอด ไม่ต้องเริ่มใหม่หมด เหมือนยืมสกิลเก่ามาใช้ในเกมใหม่!
- ปวส. เทียบโอน: ทางลัดสำหรับคนมีประสบการณ์ อยากอัพเกรดตัวเองเป็นเลเวลสูงสุด (ปริญญาตรี)!
- ไม่ใช่ทุกสกิลจะใช้ได้: ต้องดูเงื่อนไขการเทียบโอนด้วย วิชาที่เรียนมาต้องตรงกับที่เขาต้องการ!
- เปรียบเทียบ: เหมือนเราเล่นเกม RPG แล้วเปลี่ยนคลาส ต้องดูด้วยว่าสกิลเก่ามันซัพพอร์ตคลาสใหม่ได้ไหม! ถ้าไม่ได้ก็ต้อง grind เลเวลเพิ่ม!
- ข้อมูลล่าสุด: (ปี 2567) มหาวิทยาลัยหลายแห่งเปิดรับเทียบโอนจาก ปวส. เยอะมาก ลองเช็คดูดีๆ มีโปรโมชั่นลับซ่อนอยู่!
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต