ระดับที่ 3 ของทฤษฎีแรงจูงใจของมาสโลว์คืออะไร

ทฤษฎี Maslows Hierarchy of Needs ประกอบด้วยอะไรบ้าง

Maslow? อืม… ตอนเรียนจิตวิทยาปี 1 อาจารย์ให้ท่องแทบตาย ตอนนั้นจำได้แค่ว่ามันเป็นพีระมิด!

• ขั้นแรก: ปัจจัย 4 (กิน ขี้ ปี้ นอน… เอ๊ย! ไม่ใช่ๆ) อาหาร น้ำ ที่อยู่อาศัย อากาศหายใจ… แบบว่าถ้าไม่มีนี่ตายก่อนอย่างอื่น

• ต่อมา: ความปลอดภัย ไม่ใช่แค่จากโจรนะ แต่รวมถึงความมั่นคงในชีวิตอะ การงาน สุขภาพ… ไม่ต้องกลัวตกงานพรุ่งนี้อะไรแบบนั้น

• รักและผูกพัน: อันนี้สำคัญสุดๆ เลยนะ! เพื่อน แฟน ครอบครัว… คือถ้าไม่มีใครเลยบนโลกนี้ มันจะไปมีอะไรอย่างอื่นได้ไงวะ

• ได้รับการยอมรับ: พอมีเพื่อนมีแฟนแล้ว ก็อยากให้เค้าเห็นว่าเราเก่ง เราดีอะ… ไม่ใช่แค่คนอื่นนะ ตัวเองก็ต้องรู้สึกว่าตัวเองมีค่าด้วย

• สูงสุดคือเข้าใจตัวเอง: อันนี้ยากสุด! คือรู้ว่าตัวเองอยากทำอะไร อยากเป็นอะไร… แล้วก็ใช้ชีวิตไปในทางนั้นให้เต็มที่

จริงๆ นะ ตอนเรียนก็ไม่ได้อินอะไร แต่พอเจอเรื่องแย่ๆ ในชีวิตช่วงโควิดที่ผ่านมา (ตกงาน แฟนทิ้ง บลาๆ) ถึงได้เข้าใจว่า Maslow นี่มันไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นเรื่องจริงเลย!

เพิ่มเติม: ตอนนั้นอยู่บ้านเฉยๆ เงินเก็บก็ร่อยหรอ เริ่มคิดเลยว่าไอ้ที่เคยคิดว่าสำคัญ (เช่น อยากมีรถหรู) มันไม่สำคัญเท่ามีข้าวกินจริงๆ ว่ะ

ทฤษฎีมาสโลว์ 5 ขั้นอะไรบ้าง

มาสโลว์เหรอ? อ๋อ ไอ้ทฤษฎี 5 ขั้นบันไดชีวิตที่คนชอบเอามาอ้างน่ะนะ! มาๆ เดี๋ยวข้าเล่าให้ฟังแบบชาวบ้านๆ เลย:

• ขั้นที่ 1: แดกขี้ปี้นอน! (Physiological) – ไม่ต้องคิดไรมาก หิวก็แดก ง่วงก็ขี้เกียจนอน หาที่ซุกหัวนอนให้พ้นฝนพ้นแดดก่อน เรื่องอื่นช่างแม่ง!

• ขั้นที่ 2: เอาชีวิตรอดให้ได้ก่อน! (Safety) – โจรผู้ร้ายเต็มบ้านเต็มเมือง หาปืนผาหน้าไม้(หรือสเปรย์พริกไทย) ติดตัวไว้บ้างก็ดี ป้องกันตัวโว้ย!

• ขั้นที่ 3: อยากมีเพื่อน มีแฟน! (Love and Belonging) – เหงาเป็นหมาก็ต้องหาเพื่อน หาแฟน หาคนคุยด้วยบ้าง เดี๋ยวจะกลายเป็นคนบ้าไปซะก่อน

• ขั้นที่ 4: อยากเป็นคนสำคัญ! (Esteem) – เริ่มอยากให้คนอื่นมองว่าตัวเองเก่ง ตัวเองเจ๋ง อยากมีหน้ามีตาในสังคม ประมาณว่า “เฮ้ย! กูไม่ใช่ขี้ข้าใครนะเว้ย!”

• ขั้นที่ 5: อยากเป็นยอดมนุษย์! (Self-actualization) – ขั้นนี้แม่งโคตรยาก! ต้องเป็นคนดีศรีสังคม ทำอะไรเพื่อคนอื่น แบบว่า “กูจะสร้างโลกให้ดีขึ้น!” (แต่ส่วนใหญ่ก็แค่พูด…)

ป.ล. ไอ้ทฤษฎีมาสโลว์เนี่ย บางทีมันก็ไม่ได้เรียงตามขั้นเป๊ะๆ หรอกนะ บางคนยังแดกขี้ปี้นอนอยู่เลย แต่เสือกอยากเป็นยอดมนุษย์ซะแล้ว! คนเรามันก็แปลกๆ อย่างงี้แหละว่ะ!

ความต้องการของชีวิตตามทฤษฎีของ อับราฮัม มาสโลว์ มีอะไรบ้าง

มาสโลว์… พีระมิดความต้องการเนี่ยนะ? ตอนเรียนก็ท่องๆ ไปงั้นแหละ เอาจริงก็…

• สรีรวิทยา: ข้าวไง! ข้าวผัดกระเพราหมูกรอบใส่ไข่ดาวไม่สุก อร่อยสุด น้ำเปล่าก็สำคัญนะ ที่นอนนุ่มๆ ด้วย โซฟาเบดที่บ้านก็โอเค
• ความปลอดภัย: ไม่อยากตกงานอ่ะช่วงนี้ งานหายากโคตรๆ ประกันสุขภาพต้องมีนะ ป่วยทีจ่ายเองไม่ไหว
• ความรัก: เพื่อนสนิทหายไปไหนหมด? เลี้ยงหมาดีกว่ามั้ง… ว่าแต่จะเลี้ยงพันธุ์อะไรดี? ปอม? ชิวาวา?
• การยอมรับ: อยากได้คำชมบ้างดิ ทำงานแทบตาย ไม่เห็นมีใครชมเลย! อยากเก่งกว่านี้ ต้องทำไงเนี่ย?
• พัฒนาตนเอง: อยากวาดรูปเก่งๆ อ่ะ ซื้อสีน้ำมาดองไว้ชาติกว่าแล้ว ไม่ได้แตะเลย… ต้องฮึด!

เพิ่มเติม:

• เรื่องเลี้ยงหมา: หรือจะแมวดีนะ? แมวขี้อ้อนกว่าหรือเปล่า?
• เรื่องวาดรูป: ลองหาคอร์สออนไลน์ดูดีกว่ามั้ง?
• เรื่องงาน: ต้องอัพสกิลอะไรเพิ่มบ้างวะเนี่ย? Python? Data analytics? หรือไปเรียนทำอาหารดี? (เริ่มหิวอีกแล้ว)
• สำคัญ: อย่าลืมจ่ายค่าน้ำค่าไฟ! ไม่งั้นอดนอนแอร์อีกแน่ๆ! ปีนี้ค่าไฟแพงชิบ!

ข้อใดคือระดับที่ 3 ของความต้องการมนุษย์จากทฤษฎีมาสโลว์

• ความต้องการด้านสังคม! ใช่ๆๆๆ มาสโลว์ไง ลำดับ 3 อ่ะ

• ความต้องการด้านสังคม มันคืออะไรวะ อ่อ… ความรัก ความผูกพัน ใช่ป่ะ? แบบว่าอยากมีเพื่อน อยากมีคนรัก เข้าใจละ

• มาสโลว์! นี่มันเรื่องจิตวิทยาสมัยเรียนเลยนะเนี่ย! ปีนี้ 2567 แล้ว ยังจำได้อยู่เลยเว้ยเฮ้ย!

• ลำดับขั้นที่ 3 นะเหรอ… เอ่อ… ความต้องการทางสังคม ป่ะวะ? ใช่แหละ… ต้องใช่ดิ

• ความต้องการด้านสังคม นี่รวมถึงอะไรบ้างนะ?

  • ความรัก
  • มิตรภาพ
  • การยอมรับจากสังคม
  • อยากมีคนคุยด้วย! (อันนี้ส่วนตัว 555)

• (แอบกระซิบ) ฉันว่าเรื่องนี้มันสำคัญนะ เพราะถ้าไม่มีใครรัก ไม่มีเพื่อน มันจะเหงามากกกกกก

• ความต้องการด้านสังคม เนี่ยนะ บางคนบอกว่าไม่สำคัญ… แต่ฉันว่าสำคัญสุดๆ เลยนะ! (คหสต.)

ทฤษฎีความต้องการ 5 ขั้น ของ มาสโลว์ มีอะไรบ้าง

โอ๊ยตาย! มาสโลว์นี่แหละตัวพ่อเรื่องแรงจูงใจ! ทฤษฎี 5 ขั้นของลุงแกเนี่ย โคตรฮา! เปรียบเหมือนการปีนเขาเลย ต้องไต่ทีละขั้น ไม่งั้นตกเหวแน่!

• ขั้นที่ 1: ความต้องการทางกายภาพ (Physiological) นี่แหละขั้นพื้นฐานสุดๆ! กินอิ่ม นอนหลับ เหมือนหมาหิวข้าวไง! ไม่ได้นี่คือตายแน่ๆ! ปีนี้ผมเองก็ยังต้องดิ้นรนหาเงินซื้อข้าวสารกินอยู่เลยครับ!

• ขั้นที่ 2: ความต้องการความมั่นคงปลอดภัย (Safety) พออิ่มท้องแล้วก็ต้องมีที่ซุกหัวนอน ปลอดภัยจากภัยอันตราย ไม่ใช่โดนงูจงอางกัด หรือโจรปล้นกลางดึก บ้านผมเองก็ยังผ่อนไม่หมดเลยครับ!

• ขั้นที่ 3: ความต้องการความรักและความเป็นเจ้าของ (Love and Belonging) นี่แหละขั้นสำคัญ! ต้องมีเพื่อน มีครอบครัว ไม่งั้นเหงาแย่! ปีนี้ผมโสดสนิทครับ! หาแฟนไม่เจอสักที!

• ขั้นที่ 4: ความต้องการการได้รับการยกย่องนับถือในตนเอง (Esteem) เอาตัวเองให้รอดก่อน แล้วค่อยสร้างชื่อเสียง ให้คนยอมรับ! เหมือนผมนี่แหละกำลังพยายามสร้างแบรนด์ตัวเองอยู่ครับ! ยังไม่ค่อยมีคนรู้จักเท่าไหร่เลย!

• ขั้นที่ 5: ความต้องการบรรลุความหมายและความสำเร็จ (Self-Actualization) นี่คือขั้นสูงสุด! ทำตามความฝัน พบเจอความสุขแท้จริง! ผมยังไม่ถึงขั้นนี้หรอกครับ! ยังต้องดิ้นรนอีกเยอะ!

เห็นมั้ยล่ะ ปีนี้ผมก็ยังดิ้นรนอยู่กับความต้องการขั้นพื้นฐาน ไต่เขาขึ้นไปทีละขั้น เหนื่อยแต่ก็สนุกดี! อยากรู้ว่าปีหน้าผมจะถึงขั้นไหน ต้องติดตามกันต่อไปนะครับ! อิอิ

ทฤษฎีแรงจูงใจ มีกี่ทฤษฎี

เอออออ ทฤษฎีแรงจูงใจเนี่ยเยอะแยะไปหมดเลยนะ จำได้คร่าวๆ ว่ามีสามประเภทใหญ่ๆ อ่ะๆๆๆ ลองดูดิ

1. ทฤษฎีเนื้อหา อันนี้มันก็จะเน้นที่ความต้องการภายในของคน เช่น พวก Maslow’s hierarchy of needs ที่ว่ามนุษย์เรามีความต้องการขั้นพื้นฐานก่อน แล้วค่อยไปสู่ความต้องการสูงๆ หรือ Herzberg’s two-factor theory ที่แยกเป็นปัจจัยด้านสุขอนามัยกับปัจจัยด้านแรงจูงใจ จำได้ว่าเพื่อนผมเรียนจิตวิทยา มันอธิบายให้ฟังยาวมากกกกก แต่ก็เข้าใจยากเหมือนกันนะ ปีนี้ก็ยังเรียนกันอยู่แหละ

2. ทฤษฎีกระบวนการ อันนี้มันจะดูที่กระบวนการคิด ตัดสินใจ ของคน ว่าทำไมถึงทำ ทำยังไงถึงจะได้ผล เช่น Expectancy theory Goal-setting theory พวกนี้จะเน้นเรื่องความคาดหวัง การตั้งเป้าหมาย และความพยายามที่จะไปถึงเป้าหมาย ผมว่าอันนี้ใช้ได้จริงนะ เห็นหลายบริษัทเอาไปใช้ คือมันจะช่วยให้พนักงานรู้ว่า ถ้าทำได้ดี จะได้อะไรบ้าง ประมาณนั้น

3. ทฤษฎีการเสริมแรง แบบนี้ง่ายสุด คือให้รางวัล หรือลงโทษ เพื่อให้คนทำตามที่เราต้องการ อย่างพวก Skinner เขาก็จะเน้นการเรียนรู้แบบ operant conditioning ให้รางวัลพฤติกรรมที่ดี ลดพฤติกรรมไม่ดี บริษัทผมก็ใช้ แบบให้โบนัส หรือปรับขึ้นเงินเดือน อะไรแบบนี้แหละ เห็นผลชัดเจนดี

• เพิ่มเติมนิดนึง จริงๆ แล้ว ยังมีทฤษฎีอื่นๆ อีกเยอะแยะมากมาย แต่พวกนี้คือ หลักๆ ที่มักจะพูดถึงกัน เอาไปปรับใช้ได้จริงในองค์กร

เอาแค่นี้ก่อนละกัน เหนื่อยแระ เยอะไป