หลักสูตรอบรมพนักงาน มีอะไรบ้าง

26 การดู

หลักสูตรอบรมพนักงาน เน้นพัฒนาทักษะทำงานและบุคลิกภาพ:

  • การทำงานเป็นทีม (C-01, C-01A): เสริมสร้างทักษะการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ

  • พัฒนาตนเอง (C-02): เปลี่ยนมุมมอง สร้างความคิดบวก พัฒนาศักยภาพ

  • Change For Success (C-03): หลักสูตรพัฒนาการเปลี่ยนแปลงองค์กรและตนเอง

  • พัฒนาบุคลิกภาพ (C-04): เสริมสร้างบุคลิกภาพให้โดดเด่น มั่นใจ

  • การสื่อสารองค์กร (C-05): พัฒนาทักษะการสื่อสาร สร้างประสิทธิภาพการทำงาน

หลักสูตรครอบคลุมทั้งด้านทักษะเฉพาะด้านและการพัฒนาตนเองอย่างรอบด้าน ช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

หลักสูตรอบรมพนักงานประเภทไหนบ้าง?

เอ่อ… หลักสูตรอบรมพนักงานเหรอ? ที่เคยเจอมานะ มันก็มีหลายแบบอยู่นะ แบบเบสิกๆ ที่เห็นบ่อยก็พวกทำงานเป็นทีมอ่ะ (C-01 กับ C-01A นี่น่าจะอันเดียวกันมั้ง? หรือเปล่า?)

แล้วก็… พัฒนาตัวเองให้ปังๆ อะไรทำนองนั้น (C-02) น่าจะเป็นพวกเปลี่ยนความคิดให้มันบวกขึ้นรึเปล่า? ไม่แน่ใจแฮะ

เคยไปอบรมอันนึง (C-03) ชื่อ “เปลี่ยนด้วยกัน ไปได้ไกล” ตอนนั้นน่าจะช่วงปี 2018 ที่โรงแรมแถวๆ สุขุมวิท นี่แหละ (จำชื่อโรงแรมไม่ได้แล้วอ่ะ) เนื้อหาก็เน้นให้ทุกคนร่วมมือกันเปลี่ยนแปลงองค์กรให้ดีขึ้น จำได้ว่าตอนนั้นสนุกดี ได้ทำกิจกรรมกลุ่มเยอะเลย

ส่วนบุคลิกภาพ (C-04) กับ การสื่อสาร (C-05) นี่ก็คลาสสิกนะ แทบทุกบริษัทต้องมีอ่ะ

แต่เอาจริงๆ นะ บางทีอบรมเยอะไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากหรอก สำคัญคือเอามาปรับใช้ในชีวิตจริงได้รึเปล่ามากกว่า

อบรมพนักงานหัวข้ออะไรดี

หัวค่ำ… แสงสีทองสาดส่อง… เหมือนฝัน… หัวข้ออบรมพนักงาน… ผุดขึ้นมา…

  • ภาวะผู้นำ… Leadership Skill… เหมือนดาวนำทาง… ในคืนมืดมิด… ต้องกล้า! ต้องแกร่ง! เหมือนดั่งขุนเขา

  • วางแผน… Planning Skill… เส้นทาง… เส้นทางสู่จุดหมาย… เหมือนเข็มทิศ… นำทาง… ให้ไม่หลง…

  • วิเคราะห์… Analysis Skill… มองลึก… มองให้ทะลุ… เหมือนนักสืบ… ไขปริศนา…

  • สื่อสาร… Communication Skill… เสียง… เสียงที่ก้องกังวาน… เข้าใจ… เข้าใจซึ่งกันและกัน… เหมือนเสียงเพลง… กล่อมใจ

  • มนุษยสัมพันธ์… Relationship Skill… สายใย… สายใยที่ผูกพัน… เหมือนครอบครัว… อบอุ่น…

  • บริหารเวลา… Time Management Skill… ทุกวินาที… มีค่า… เหมือนทราย… ที่ไหล… ต้องรีบคว้า…

ข้อมูลเพิ่มเติม (2567):

  • ภาวะผู้นำ (Leadership Skill): เน้นการสร้างแรงบันดาลใจ การมอบหมายงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์

  • การวางแผนงาน (Planning Skill): สอนเทคนิคการตั้งเป้าหมาย SMART (Specific, Measurable, Achievable, Relevant, Time-bound) และการจัดลำดับความสำคัญของงาน

  • การวิเคราะห์งาน (Analysis Skill): ฝึกฝนการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ เช่น SWOT Analysis และ Fishbone Diagram เพื่อระบุปัญหาและหาทางแก้ไข

  • การสื่อสาร (Communication Skill): พัฒนาทักษะการฟังอย่างตั้งใจ การพูดในที่สาธารณะ และการเขียนรายงานที่ชัดเจน

  • มนุษยสัมพันธ์ (Relationship Skill): สร้างความเข้าใจในความแตกต่างทางวัฒนธรรม และส่งเสริมการทำงานเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพ

  • การบริหารเวลา (Time Management Skill): แนะนำเทคนิค Pomodoro และ Eisenhower Matrix เพื่อเพิ่มผลผลิตและความสามารถในการทำงาน

การฝึกอบรมในเรื่องทักษะของพนักงานแบ่งเป็น 3 ด้านคืออะไรบ้าง

อ้าว! ถามเรื่องฝึกอบรมพนักงานเหรอ แบ่งเป็น 3 แบบ ฮาจริง! เหมือนแบ่งฝ่ายในเกมส์ RPG เลยนะ แต่ละแบบก็มีสกิลเฉพาะตัว ไม่เหมือนกันซะทีเดียว

  • On the Job Training (OJT) หรือ Desk Training: นี่คือการฝึกแบบ “ลงมือทำจริง” เหมือนฝึกวิทยายุทธบนภูเขา ต้องฝ่าด่านลูกค้า บอส และงานเอกสารสารพัด ประสบการณ์ล้วนๆ! ปีนี้ที่บริษัทผมเน้น OJT แบบเน้นโค้ชชิ่ง พี่ๆ เขาบอกว่า ได้ผลกว่าการสอนแบบบรรยายเยอะเลย!

  • Off the Job Training: แบบนี้สบายกว่าเยอะ! เหมือนไปเที่ยวคอร์สฝึกฝนวิชาลับ ออกไปนอกสถานที่ ได้ความรู้ใหม่ๆ ไม่ต้องเจองานด่วนรุมเร้า แต่บางทีก็รู้สึกว่า กลับมาทำงานจริง มันก็ใช้ไม่ได้ทั้งหมดซะทีเดียว เหมือนไปเรียนวิชาเทพ แต่กลับมาใช้ไม่ได้ในชีวิตจริง ฮ่าๆ

  • การฝึกอบรมแบบผสม (Blended Learning): นี่แหละ! สุดยอดแห่งการฝึกอบรม! รวมเอาความมันส์ของ OJT และความรู้จาก Off-Job มาผสมผสานกัน เหมือนได้ทั้งประสบการณ์จริงและทฤษฎีแน่นๆ! ปีนี้บริษัทผมกำลังผลักดันแบบนี้ เพราะเห็นผลชัดเจน พนักงานเก่งขึ้น บริษัทก็เติบโต วินๆ

เอาเป็นว่า เลือกแบบไหน ก็ต้องดูความเหมาะสม เหมือนเลือกอาวุธในเกมส์นั่นแหละ แต่ละแบบก็มีข้อดีข้อเสีย ไม่มีอะไรที่ดีที่สุด มีแต่สิ่งที่เหมาะสมที่สุด! คิดให้ดีๆ แล้วเลือกให้ตรงกับความต้องการของพนักงาน และเป้าหมายของบริษัท ถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีจริงๆ อย่าลืมว่า การฝึกอบรมที่ดี เปรียบเหมือนการปลูกต้นไม้ ต้องบำรุงอย่างเหมาะสม ถึงจะได้ผลผลิตที่ดี ไม่ใช่แค่รดน้ำอย่างเดียว ต้องใส่ปุ๋ย พรวนดิน กำจัดวัชพืชด้วยนะ

อบรมพนักงานหัวข้ออะไรดี

อบรมเหรอ? เรื่องเดิมๆ มันน่าเบื่อ

  • ผู้นำ: สั่งอย่างเดียวไม่ได้ผล ต้องนำให้เป็น

  • แผน: ไม่ใช่แค่ฝันกลางวัน ต้องทำให้ได้จริง

  • วิเคราะห์: มองให้ทะลุ อย่าดูแค่เปลือก

  • สื่อสาร: พูดให้เข้าใจ ไม่ใช่พูดให้ตัวเองดูดี

  • สัมพันธ์: คนไม่ใช่เครื่องจักร ต้องผูกใจกันบ้าง

  • เวลา: ชีวิตมีแค่นี้ บริหารให้คุ้ม

เพิ่มเติม: ปีนี้เน้น “ลงมือทำ” ไม่ใช่แค่ “พูด”. ไอ้พวกโลกสวยเก็บไว้ก่อน ที่นี่โลกจริง

หมายเหตุ: ข้อมูลนี้ไม่ได้เจาะจงใคร แค่พูดตามที่เห็น อย่าร้อนตัว

การฝึกอบรมในเรื่องทักษะของพนักงานแบ่งเป็น 3 ด้านคืออะไรบ้าง

ทักษะพนักงาน? แม่งก็แค่ 3 อย่าง:

  • งานจริง: ลองผิดลองถูกไป. ที่ใครที่มัน.
  • นอกสถานที่: สอนให้เป็น. หรือไม่ก็ลาออกไป.
  • ผสม: ครึ่งๆ กลางๆ. ได้ทั้ง. เสียทั้ง.

จบนะ.

ข้อมูลเพิ่มเติม:

  • OJT (On-the-Job Training): เน้นปฏิบัติจริง. เหมาะกับงาน routine. แต่ระวังสอนผิดๆ ต่อๆ กันไป.
  • Off-the-Job Training:ลงทุนเยอะกว่า. ได้ความรู้ใหม่ๆ. แต่บางทีก็ใช้ไม่ได้จริง.
  • แบบผสม: balance ดี. แต่ต้องวางแผนดีๆ. ไม่งั้นเละ.

การฝึกอบรมแบ่งเป็นกี่ประเภท อะไรบ้าง

ประเภทฝึกอบรม? แม่งเยอะชิบหาย

  • On-the-job training: เรียนจากของจริง มึงต้องลงมือทำ
  • Off-the-job training: เรียนทฤษฎีก่อน ค่อยมาลองของจริง
  • Classroom training: เรียนในห้องสี่เหลี่ยม น่าเบื่อ пиздец
  • E-learning: เรียนออนไลน์ ขี้เกียจไปเรียนก็เรียนแม่งอยู่บ้าน
  • Simulation: จำลองสถานการณ์ กูว่าเหมือนเล่นเกม
  • Coaching/Mentoring: มีคนประกบสอน ตัวต่อตัว ถามได้ตลอด
  • Vestibule training: ฝึกในที่คล้ายของจริง แต่แยกออกมา
  • Apprenticeship: ฝึกงานยาวๆ ได้ตังค์ด้วย
  • Cross-training: เรียนรู้งานคนอื่น เผื่อวันไหนมันลาออก
  • Leadership training: ฝึกเป็นหัวหน้า สั่งคนอื่นเป็น

ทำไมต้องฝึกเยอะแยะ? พวกมึงไม่เก่งกันเองเหรอไงวะ?

โครงการฝึกอบรมคืออะไร

ฝึกห่าอะไร? แค่ ยัดความรู้ ใส่หัวให้ทำตามที่สั่งก็เท่านั้น

  • แก่น: เพิ่มทักษะ ≠ เปลี่ยนสันดาน
  • วิธี: บรรยายคือยาชา แก้ปวดเฉพาะหน้า
  • เป้า: เพิ่มผลิต ≠ เพิ่มคุณภาพชีวิต

ข้อมูลเพิ่มเติม (ฉบับคนจริง):

  • ปีนี้ (2567): บ.แม่งส่งไป “ปรับทัศนคติ” หลังด่าลูกค้าใน TikTok
  • ความจริง: กูแค่พูดความจริง ลูกค้าแม่งโง่เอง
  • สรุป: ฝึกอบรม = เสียเวลา + เสียความรู้สึก

ระเบียบการเบิกค่าอาหารมีอะไรบ้าง

เอ้า! เบิกค่าอาหารเหรอ? จัดไป! แต่เดี๋ยวนะ…อย่าลืมเช็กกฎเหล็กก่อนนะจ๊ะ ไม่งั้นโดนตรวจสอบที เละแน่!

  • ค่าข้าวค่าแกง: อิ่มหนำสำราญได้เต็มที่! แต่ขอแบบพอดีๆนะ ถ้าจัดเต็มทุกมื้อไม่เกิน 1200 บาทต่อวัน ถ้าไม่ครบทุกมื้อก็ 800 บาท คิดซะว่าไปกินบุฟเฟ่ต์โรงแรมห้าดาว แต่ลดราคาเหลือแค่ 1200 บาท! คุ้มสุดๆ!

  • ค่าที่พัก: นอนโรงแรมหรูได้ไม่เกิน 2000 บาทต่อวัน! นี่คือเงินเดือนส่วนหนึ่งป่ะเนี่ย? ถ้าเบิกเยอะกว่านี้ หัวหน้าจะมองหน้าเราแบบ…. อืม…ไม่ขอพูดดีกว่า

  • ค่ารถ: เบิกได้เท่าที่จ่ายจริง! แต่ขอแบบเหมาะสมหน่อยนะ อย่าบอกนะว่าขับเบนซ์ไปประชุม แล้วมาเบิกค่ามอเตอร์ไซค์ หัวหน้าเค้าไม่โง่นะจ๊ะ เรื่องนี้ให้หัวหน้าตัดสิน แต่ระวังหัวหน้าเข้มงวดนะ เดี๋ยวจะโดนดักคอ ว่าเบิกเกินจริง!

เพิ่มเติมเล็กน้อย (ปี 2566): ระเบียบนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามปีงบประมาณนะจ๊ะ ไปเช็กเว็บไซต์กระทรวงการคลังอีกทีก็ดี อย่ามาโทษฉันนะ ถ้าเบิกไม่ได้ เพราะฉันแค่บอกคร่าวๆ ปีนี้ก็งบประมาณใหม่ ไปดูให้ละเอียดๆละกัน เอาให้ชัวร์! อย่าหาว่าฉันไม่เตือนล่ะ!

อ้อ! แล้วอย่าลืมเก็บใบเสร็จนะ ไม่งั้นโดนตีตกแน่ๆ! เก็บหลักฐานให้แน่นหนา เพราะไม่งั้น… รู้ๆกันอยู่!

ค่า เช่า ห้อง ประชุม ต้อง ทํา จัด ซื้อ จัด จ้าง ไหม

ค่าเช่าเกินหมื่น ต้องจัดซื้อจัดจ้าง

  • เกินหมื่น: จัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบ
  • สัญญา: ทำเป็นหนังสือ หรือมีหลักฐาน (พรบ. ซื้อจ้าง มาตรา 96)
  • จ่าย: KTB Corporate (ถ้ามี)

ข้อมูลเสริม:

  • พรบ. ซื้อจ้างฯ คือ พ.ร.บ. จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560
  • KTB Corporate เป็นระบบของธนาคารกรุงไทย สำหรับหน่วยงานราชการ
  • เช็คระเบียบล่าสุดอีกที กฎหมายเปลี่ยนได้เสมอ
  • บางทีเรื่องพวกนี้ก็แล้วแต่ดุลพินิจ จนท. การเงิน
  • ห้องประชุมที่ทำงานเก่า แอร์ไม่เย็น เซ็ง

ค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่ไม่ต้องจัดซื้อจัดจ้าง

ค่าใช้จ่ายที่ไม่ต้องจัดซื้อจัดจ้างสำหรับการประชุมราชการ (ข้อมูล ณ ปี 2566) โดยปกติแล้วจะครอบคลุมถึง:

  • ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม: เป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามปกติ มักคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมและระยะเวลาการประชุม คิดเป็นรายหัวหรือเหมาจ่าย ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละหน่วยงาน อันนี้สำคัญนะ เพราะสะท้อนประสิทธิภาพการจัดการงบประมาณ

  • ค่าอาหาร: ในกรณีประชุมคาบเกี่ยวเวลามื้ออาหาร เป็นเรื่องปกติที่จะเบิกจ่ายได้ แต่ต้องมีหลักฐานการประชุมที่ชัดเจน การเบิกจ่ายต้องเป็นไปตามระเบียบของทางราชการ ซึ่งส่วนนี้ละเอียดอ่อน ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เคยเจอปัญหาเรื่องนี้หลายครั้งเลย มักจะต้องมีเอกสารยืนยันชัดเจน

  • ค่าตอบแทนวิทยากร: ทั้งภายในและภายนอก ขึ้นอยู่กับระดับความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ และระยะเวลาการบรรยาย แต่ต้องมีการกำหนดอัตราค่าตอบแทนที่ชัดเจน ส่วนนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของหัวหน้างาน หรืออาจมีเกณฑ์การกำหนดที่ชัดเจนจากหน่วยงานอยู่แล้ว

  • ค่าเช่าที่พัก: สำหรับการประชุมนอกสถานที่ ซึ่งอาจรวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายเสริมอื่นๆ ต้องมีเอกสารหลักฐานที่ถูกต้องตามระเบียบของทางราชการ เพราะส่วนนี้ตรวจสอบยากกว่าส่วนอื่น

  • การประชุมราชการทางไกล: รวมถึงการใช้แพลตฟอร์ม ซอฟต์แวร์ หรือเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ อาจเป็นค่าบริการรายเดือน หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง แต่ควรเลือกแพลตฟอร์มที่คุ้มค่า และมีการประเมินประสิทธิภาพอยู่เสมอ นี่เป็นสิ่งที่น่าสนใจ เพราะสะท้อนการปรับตัวของหน่วยงานภาครัฐต่อเทคโนโลยี

ข้อควรระวัง: แม้ค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะไม่ใช่การจัดซื้อจัดจ้าง แต่ก็ต้องปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ทางการเงินของหน่วยงานอย่างเคร่งครัด เพื่อความโปร่งใสและป้องกันการทุจริต การทำบัญชีอย่างละเอียดจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เพราะเราต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เราทำ อย่างน้อยก็ต่อจิตสำนึกของตัวเอง

(เพิ่มเติม) ปีนี้ (2566) มีแนวโน้มการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายบางส่วนอาจลดลง เช่น ค่าเอกสาร ค่าเดินทาง และอาจมีการใช้ระบบเบิกจ่ายออนไลน์มากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกและความรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลด้วย

#ทักษะการทำงาน #หลักสูตรฝึกอบรม #อบรมพนักงาน