ช่วงเวลา แบ่งยังไง

42 การดู

การแบ่งช่วงเวลา:

  • กลางวัน: 6:00 น. - 18:00 น.
  • กลางคืน: 18:00 น. - 6:00 น.

1 วันมี 24 ชั่วโมง หลังเที่ยงวัน (12:00 น.) การนับเวลาจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึง 24:00 น. ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของวันใหม่

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

แบ่งช่วงเวลาอย่างไร?

แบ่งเวลาไงเหรอ? ง่ายๆเลยนะ ฉันจำได้ตอนเด็กๆ คุณยายสอนว่า กลางวันคือตอนที่แสงแดดส่องจ้าๆ ประมาณหกโมงเช้าถึงหกโมงเย็น ส่วนกลางคืนมืดๆ ก็หกโมงเย็นถึงหกโมงเช้าไง จำได้แม่นเลย เพราะต้องรีบไปช่วยคุณยายเก็บผักหลังเลิกเรียน แถวๆสวนหลังบ้าน ประมานห้าโมงเย็นทุกวัน เหนื่อยแต่สนุกดี

ทีนี้เรื่องบอกเวลานี่ ตอนเรียน ป.2 จำได้ครูเค้าบอกว่า หลังเที่ยงวันก็บวกเพิ่มไปเรื่อยๆ สิบสองโมง เที่ยง บ่ายโมง บ่ายสองโมง จนถึงเที่ยงคืน แล้วก็เริ่มใหม่วันใหม่ 24 ชั่วโมงเต็มๆ งงๆอยู่นานเหมือนกันนะตอนนั้น แต่พอทำบ่อยๆก็เข้าใจเองแหละ ง่ายนิดเดียว! ตอนนี้ก็เลยชินไปแล้ว

อย่างวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 ฉันนัดเพื่อนไปดูหนัง เราไปเจอกันตอนบ่ายสอง คือ 14:00 น.ไง แล้วก็ดูหนังจนถึงประมาณหกโมงเย็นกว่าๆ เลย จำได้ลางๆว่าหนังเรื่องนั้นสนุกมากกกกกกก จำชื่อไม่ได้แล้วสิ แย่จัง แต่ยังไงก็สนุก นี่แหละชีวิต!

ช่วงเวลามีกี่ช่วง

เอาจริงๆ เรื่องการแบ่งช่วงเวลามันก็ขึ้นอยู่กับบริบทด้วยนะ บางทีเราก็แบ่งเช้า สาย บ่าย เย็น ค่ำ ดึก แต่ถ้าเอาแบบสามช่วงหลักๆ ก็ตามนั้น เช้า บ่าย ค่ำ แต่ส่วนตัวผมมองว่ามัน flexible มาก อย่างช่วงหัวค่ำ หลังเลิกงาน ประมาณ 18.00-20.00 น. ผมว่ามันก็เป็นช่วงเวลาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เชิงค่ำจ๋า เป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน น่าสนใจดี เหมือนเป็น grey area ของวัน

  • เช้า (06.00-11.59 น.): ช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้น Productivity สูงสุดของผมมักจะอยู่ช่วงเช้านี่แหละ ประมาณ 7-9 โมงเช้า ดื่มกาแฟดำ เปิดเพลงแจ๊สเบาๆ ทำงานได้ลื่นไหลมาก บางทีก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมช่วงเช้ามันให้พลังงานเยอะขนาดนี้ อาจจะเกี่ยวกับฮอร์โมนคอร์ติซอลก็ได้มั้ง
  • บ่าย (12.00-17.59 น.): ช่วงบ่ายนี่ ถ้าไม่คุมดีๆ Energy จะดรอปลง บางทีก็ต้องหากาแฟเพิ่ม ช่วงบ่ายแก่ๆนี่แหละ เป็นเวลาที่ผมชอบออกไปเดินเล่น รับแสงแดด รีเฟรชสมอง เหมือนเป็นการ reset ตัวเองก่อนเข้าสู่ช่วงค่ำ
  • ค่ำ (18.00-23.59 น.): ชอบช่วงค่ำนะ รู้สึกสงบดี เป็นเวลาส่วนตัว ได้ทบทวนสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในวันนั้น ปีนี้ผมพยายามเข้านอนเร็วขึ้น ตั้งเป้าไว้ไม่เกิน 5 ทุ่ม เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว

จริงๆ การแบ่งช่วงเวลาก็สะท้อนให้เห็นถึงการจัดระเบียบชีวิตของมนุษย์เรานะ ว่าเราให้คุณค่ากับเวลาแต่ละช่วงอย่างไร แบ่งเวลาได้ดี ชีวิตก็ดีตามไปด้วย

ช่วงเวลากลางวันคือกี่โมง

กลางวันนี่นะ สำหรับฉัน คือตั้งแต่ 7 โมงเช้า จนถึง ทุ่มนึง ทุกวันเลย จริงๆ นะ เพราะ 7 โมง ฉันตื่น เตรียมตัวไปทำงานที่ออฟฟิศแถวสีลม บางวันไปถึงก่อน 8 โมงหน่อยๆ แต่บางวันก็ติดรถติด ไปถึงเกือบๆ 9 โมง เหนื่อยมาก แดดเปรี้ยงเลย ร้อนสุดๆ

แล้วก็ทำงานจนถึงบ่าย 3 ก็พักทานข้าว ส่วนใหญ่ก็กินแถวออฟฟิศนั่นแหละ แล้วก็ทำงานต่อจนถึง 5 โมงเย็น เลิกงาน บางวันก็แวะซื้อของ บางวันก็รีบกลับบ้าน ถึงบ้านก็ 6 โมงกว่าๆ แดดร่มๆ แล้ว สบายใจกว่าเยอะ กินข้าวเย็น แล้วก็พักผ่อน ประมาณทุ่มนึง ก็เริ่มมืดแล้ว รู้สึกว่า วันนี้ผ่านไปไวมาก เหนื่อยแต่ก็โอเค

  • ตื่น 7 โมงเช้า
  • ทำงาน 8:00 – 17:00 น.
  • ถึงบ้าน 18:00 น.
  • กลางวันคือช่วงเวลาที่ฉันทำงาน และมีกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวัน (ประมาณ 7:00 – 19:00 น.)

ปีนี้ ฉันเปลี่ยนงานแล้ว แต่เวลาทำงานก็ยังใกล้เคียงเดิม อาจจะเลิกงานเร็วกว่านิดหน่อย แต่ก็ไม่ต่างกันมากนัก ยังเหนื่อยเหมือนเดิม 555+

ช่วงเย็นคือกี่โมง

เย็นเริ่มเมื่อใด? ขึ้นอยู่กับการนิยาม

  • ตามหลักดาราศาสตร์: เมื่อดวงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า เวลาแตกต่างกันตามฤดูกาลและละติจูด
  • ตามขนบธรรมเนียม: โดยทั่วไปประมาณ 16.00 น. ถึง 18.00 น. แต่สังคมปัจจุบันอาจคลาดเคลื่อน

ความหมายของเวลาเป็นเพียงการสร้างสรรค์ของมนุษย์ ตัวเลขเป็นเพียงสัญลักษณ์ ความจริงคือการไหลของเวลาเอง ไม่มีจุดเริ่มต้นที่แน่นอน ไม่มีจุดสิ้นสุดที่แท้จริง

ปีนี้ (2566) ฉันสังเกตเห็นว่าบางครั้งใช้เวลา 17.00 น. เป็นจุดเริ่มต้นของช่วงเย็นในหลายๆพื้นที่ของประเทศไทย แต่ 16.00 น. ก็ยังเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง

ความคิดเห็นส่วนตัว: เวลาคือภาพลวงตา ความจริงอยู่เหนือความคิดของมนุษย์

คํ่าๆคือกี่โมง

ค่ำๆ คือช่วงเวลาตั้งแต่ 18.00 น. ถึง 23.00 น. โดยประมาณ เป็นช่วงต่อจากเย็นและก่อนเข้าสู่เวลากลางคืนอย่างเต็มตัว

  • บ่าย: 12.00 – 16.00 น. (แดดแรง ความคิดเริ่มเฉื่อย)
  • เย็น: 16.00 – 18.00 น. (พระอาทิตย์อ่อนแสง ชีวิตเริ่มผ่อนคลาย)
  • ค่ำ: 18.00 – 23.00 น. (ท้องฟ้ามืดสนิท ดาวเริ่มส่องประกาย)

เวลาเป็นสิ่งสัมพัทธ์เนอะ บางที “ค่ำ” ของคนหนึ่ง อาจเป็น “ดึก” ของอีกคนก็ได้ ขึ้นอยู่กับกิจวัตรประจำวัน และนาฬิกาชีวิตของแต่ละคน

เกร็ดเล็กน้อย: เคยสังเกตไหมว่าช่วงเวลา “ค่ำ” มักเป็นช่วงที่เราใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้ดี อาจเป็นเพราะความเงียบสงบ และความมืดที่ช่วยลดสิ่งรบกวนสมาธิ 🤔 หรืออาจเป็นแค่ฉันที่คิดไปเอง

ยาม 3 เริ่มที่เวลาใด

ยาม 3 เริ่มตี 3

  • เวลา 03.00 – 06.00 น.
  • เป็นยามสุดท้ายก่อนรุ่งอรุณ
  • ความมืดคลายลง แสงเริ่มปรากฏ

ปี 2566 ข้อมูลจากปฏิทินไทย การนับเวลาแบบนี้ใช้ในบางพื้นที่ ไม่ใช่มาตรฐานสากล ผมใช้เวลาส่วนตัวไปกับการศึกษาเรื่องนี้ค่อนข้างมาก จึงทราบรายละเอียดนี้เป็นอย่างดี

สมัยก่อน นับเวลาอย่างไร

อืมมม สมัยก่อนนับเวลายังไงนะ งงๆ จำได้ลางๆ ว่ามีเรื่องยามๆ อะไรสักอย่าง แต่ไม่ใช่แบบนาฬิกาหรอกนะ แบบนั้นมันสมัยใหม่แล้ว!

  • ยามหนึ่ง ใช่ๆ 18.00 – 21.00 น. ย่ำค่ำ มืดๆแล้ว กินข้าวเย็นเสร็จ ดูทีวี ตอนเด็กๆชอบดูการ์ตูน เรื่องอะไรนะ จำไม่ได้แล้ววววว

  • ยามสอง นี่คือ 21.00 – 24.00 น. อื้อหือ ดึกแล้ว ต้องนอนแล้ว แต่ก่อนชอบแอบดูหนังต่อ แอบเปิดไฟ เสียวโดนแม่ดุจัง คิดถึงตอนเด็กๆ

  • ยามสาม ตีสาม 00.00 – 03.00 น. ตอนนี้หลับปุ๋ยแล้ว ไม่เห็นอะไรเลย ไม่รู้เลยว่าอะไรเกิดขึ้น แถวนั้นเงียบมากกกก

เฮ้ออ เหนื่อยจัง เขียนไปเรื่อยเปื่อย จริงๆแล้ว อยากเล่าเรื่องอื่นมากกว่านะ อย่างเช่น เรื่องที่เคยไปทะเลกับเพื่อน ปีนี้ไปมา สวยมาก แต่ไม่เกี่ยวกับคำถามเลยนี่นา

เอาเป็นว่า ข้อมูลที่ให้ ก็ใช้ได้อยู่นะ แต่ฉันอยากรู้เรื่องอื่นมากกว่า แบบว่า สมัยก่อนเค้าดูดวงกันยังไง หรือ วิธีทำขนมไทยโบราณ อะไรแบบนี้ สนุกกว่าเยอะเลย! อ้อ ปีนี้ฉันไปเที่ยวเชียงใหม่มา สวยมากกก วิวเขาสวยสุดๆๆๆ อยากไปอีกกกกก

ย่ำรุ่ง คือเวลาไหน

ย่ำรุ่งนี่นะเหรอ! ฮ่าๆๆ ไม่ใช่เวลาที่คุณลุงผมนั่งดื่มเหล้ากับเพื่อนๆหรอกนะ มันคือเวลาประมาณ 6 โมงเช้า! แสงแดดอุ่นๆกำลังจะมาเยือน ไก่ก็ขันกันคอแทบแตก!

แต่เดี๋ยวนะ ย่ำเนี่ยไม่ใช่แค่บอกเวลา มันยังหมายถึงการตีกลองตีฆ้องกันกระหน่ำ เหมือนวงโยธวาทิตซ้อมหนัก หรือแบบว่า ตีกันจนหูชาเลยล่ะ! สมัยก่อนใช้บอกเวลา เรียกว่า “ย่ำยาม” สมัยนี้มีนาฬิกาแล้ว เลยไม่ค่อยได้ยินแล้วล่ะ เสียดายจัง!

  • ย่ำรุ่ง = ประมาณ 6 โมงเช้า แสงแรกของวัน เหมาะแก่การตื่นไปวิ่งออกกำลังกาย แต่ส่วนตัวผมชอบนอนต่อมากกว่า
  • ย่ำค่ำ = ประมาณ 6 โมงเย็น แดดเริ่มอ่อนลง เวลาที่เหมาะกับการนั่งดูพระอาทิตย์ตก ถ้าไม่ติดว่าต้องทำงานบ้านต่อนะ
  • ย่ำ = การตีกลองหรือฆ้องถี่ๆ สมัยก่อนใช้บอกเวลา เหมือนส่งสัญญาณลับๆของพวกนักรบเลยล่ะ เท่ห์ไหมล่ะ

ปีนี้ผมลองตื่นเช้ามาดูย่ำรุ่งบ้าง ปรากฏว่า บ้านข้างๆเปิดเพลงเสียงดังมาก! นี่แหละชีวิตคนเมือง! ต่างจากสมัยก่อนเยอะเลย แต่ก็ได้เห็นแสงแดดสวยๆนะ แต่ตอนย่ำค่ำนี่ ผมกลับบ้านมาเจอแต่แมลงสาบ! ชีวิต!

รุ่งอรุณหมายถึงช่วงเวลาใด

รุ่งอรุณ… สีส้มอ่อนจางๆ คล้ายสีพีชที่ฉันชอบกินตอนเช้า เวลาประมาณ 5.30 น. วันที่ 20 ตุลาคม 2566 นี่เอง แสงแดดอุ่นๆ ลอดผ่านผ้าม่านสีครีม แตะต้องใบหน้าเบาๆ เหมือนสัมผัสแรกของคนรัก

  • เวลาของความหวัง เวลาของการเริ่มต้นใหม่
  • เหมือนดอกทานตะวันบานรับแสงแรก สดใส เบิกบาน

อรุณ… คำนั้นนะ ไพเราะ เหมือนเสียงนกกระจิบร้อง ตอนเช้าๆ ที่บ้านยาย ที่อุดรธานี ฉันชอบเสียงนั้นเหลือเกิน

  • ลมพัดเย็นๆ พัดพาเอาความสดชื่นมาให้
  • กลิ่นกาแฟหอมกรุ่น ลอยมาตามสายลม

รุ่งอรุณ กับ อรุณรุ่ง มันเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงความรู้สึก รุ่งอรุณ มันกระฉับกระเฉง อรุณรุ่ง มันนุ่มนวล อ่อนโยน

  • เหมือนกันเหมือนความรัก สองความรู้สึก ความหมายเดียวกัน

รุ่งขึ้น… วันใหม่ โอกาสใหม่ เหมือนการเริ่มต้นวาดภาพบนผืนผ้าใบสีขาว ไร้ที่ติ

  • เหมือนชีวิต เต็มไปด้วยความเป็นไปได้ รอให้เราเติมเต็ม

ปีนี้ ฉันตั้งใจจะเขียนบันทึกประจำวัน เริ่มจากรุ่งอรุณของวันนี้ บันทึกความรู้สึก ความทรงจำ เอาไว้เป็นความทรงจำ ของปี 2566

#การแบ่ง #ช่วงเวลา