Due to กับ Because of ต่างกันอย่างไร

Due to กับ Because of: ความแตกต่างที่คุณอาจมองข้าม

ในภาษาอังกฤษ คำว่า “due to” และ “because of” มักถูกใช้สลับกันได้อย่างง่ายดายจนทำให้เกิดความสับสน แม้ว่าทั้งสองคำจะมีความหมายใกล้เคียงกัน คือ “เนื่องจาก” หรือ “เพราะว่า” แต่ก็มีความแตกต่างในเชิงไวยากรณ์และความหมายที่ละเอียดอ่อน ซึ่งหากใช้ไม่ถูกต้องอาจทำให้ประโยคดูไม่เป็นธรรมชาติ หรือแม้กระทั่งผิดไวยากรณ์

ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดอยู่ที่ บทบาททางไวยากรณ์ของคำที่ตามหลัง

Due to มักตามด้วยคำนาม หรือ วลีคำนาม โดยเน้นที่ผลลัพธ์หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้น “Due to” แสดงให้เห็นว่าคำนามที่ตามหลังนั้นเป็นผลโดยตรงมาจากเหตุการณ์หรือสาเหตุที่กล่าวถึง ลองนึกภาพว่าคำนามนั้นเป็น “ผล” และ “due to” เป็น “สาเหตุ” ที่ทำให้เกิดผลนั้น

ตัวอย่าง:

• The cancellation of the flight was due to bad weather. (การยกเลิกเที่ยวบินเป็นผลมาจากสภาพอากาศเลวร้าย) ในประโยคนี้ “การยกเลิกเที่ยวบิน” (คำนาม) เป็นผลโดยตรงจาก “สภาพอากาศเลวร้าย”

• His success is due to his hard work and dedication. (ความสำเร็จของเขาเป็นผลมาจากความขยันและความทุ่มเท) “ความสำเร็จ” (คำนาม) เป็นผลมาจาก “ความขยันและความทุ่มเท”

Because of มักตามด้วยคำนาม หรือ วลีคำนาม เช่นกัน แต่เน้นที่ เหตุผล ที่ทำให้เกิด กริยา หรือ คุณศัพท์ ในประโยค “Because of” อธิบายเหตุผลที่ทำให้เกิดการกระทำหรือสถานการณ์หนึ่งๆ

ตัวอย่าง:

• The game was postponed because of the rain. (เกมถูกเลื่อนออกไปเพราะฝน) “because of” อธิบายเหตุผล (ฝน) ที่ทำให้เกิดการกระทำ (การเลื่อนเกม)

• She was upset because of his rude behavior. (เธอเสียใจเพราะพฤติกรรมหยาบคายของเขา) “because of” อธิบายเหตุผล (พฤติกรรมหยาบคาย) ที่ทำให้เกิดสภาวะอารมณ์ (เสียใจ)

สรุปง่ายๆ: ถ้าสาเหตุทำให้เกิดคำนามโดยตรง ใช้ “due to” แต่ถ้าสาเหตุทำให้เกิดการกระทำหรือสถานการณ์ ใช้ “because of”

ถึงแม้ว่าในบางครั้งการใช้ทั้งสองคำอาจดูเหมือนสลับกันได้ แต่การเลือกใช้คำที่ถูกต้องจะทำให้การเขียนของคุณดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น และสื่อสารความหมายได้อย่างชัดเจน ดังนั้นควรพิจารณาบทบาททางไวยากรณ์ของคำที่ตามหลัง เพื่อเลือกใช้ “due to” หรือ “because of” ให้ถูกต้อง และทำให้การสื่อสารของคุณราบรื่นและเข้าใจง่ายยิ่งขึ้น