ทําไมอยู่ดีๆ ผิวถึงแสบ

ผิวแสบร้อน…สาเหตุซ่อนเร้นที่คุณอาจไม่เคยรู้

อาการผิวแสบร้อน เป็นอาการที่พบได้บ่อย บางครั้งเกิดขึ้นอย่างฉับพลันโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้หลายคนรู้สึกกังวลและไม่สบายตัว ความจริงแล้ว ผิวแสบร้อนไม่ได้เกิดจากสาเหตุเดียวเสมอไป แต่มีปัจจัยหลากหลายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง อาการนี้จึงเป็นสัญญาณเตือนที่ร่างกายส่งมาบอกให้เราใส่ใจสุขภาพมากขึ้น

แตกต่างจากอาการแสบร้อนที่เกิดจากการถูกแดดเผาหรือสารเคมีสัมผัส ซึ่งมักมีสาเหตุชัดเจนและสามารถรักษาได้ง่าย การแสบร้อนที่เกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุที่ปรากฏชัดเจนนั้น อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ซับซ้อนกว่า หนึ่งในสาเหตุที่สำคัญคือ ความผิดปกติของระบบประสาทที่ผิวหนังและกล้ามเนื้อ

ลองพิจารณาความเป็นไปได้เหล่านี้:

• ปลายประสาทอักเสบ (Neuropathy): นี่คือภาวะที่เส้นประสาทเกิดการอักเสบ ส่งผลให้เกิดอาการแสบร้อน คัน ปวด หรือชาที่บริเวณผิวหนัง อาจเกิดจากโรคเบาหวาน โรคไทรอยด์ หรือโรคข้ออักเสบ บางครั้งก็หาสาเหตุที่แน่ชัดไม่ได้

• เส้นประสาทถูกกดทับ (Nerve Compression): เมื่อเส้นประสาทถูกกดทับจากกล้ามเนื้อ กระดูก หรือเนื้อเยื่ออื่นๆ อาจทำให้เกิดอาการแสบร้อนร่วมกับอาการชาหรือปวดอย่างรุนแรง เช่น อาการกลุ่มอาการอุโมงค์คาร์ปัล (Carpal Tunnel Syndrome) หรืออาการปวดหลังที่เกิดจากการกดทับเส้นประสาทไขสันหลัง

• โรคปลอกประสาทเสื่อม (Multiple Sclerosis): โรคนี้ส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง อาจทำให้เกิดอาการแสบร้อนร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น ความอ่อนแอ กล้ามเนื้อเกร็ง และปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว อาการมักจะมากับช่วงเวลาการกำเริบและหายไปเป็นระยะ

• การติดเชื้อไวรัส เช่น งูสวัด (Shingles): งูสวัดเกิดจากการกลับมาของไวรัส varicella-zoster ซึ่งเป็นไวรัสตัวเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคไก่บ้าน อาการจะแสดงเป็นผื่นใสเป็นกลุ่มๆ บริเวณใดบริเวณหนึ่งของร่างกาย มักมีอาการแสบร้อน คัน และปวดอย่างรุนแรง

• ภาวะอื่นๆ: นอกเหนือจากข้างต้น อาการแสบร้อนยังอาจเกิดจากโรคผิวหนังบางชนิด อาการแพ้ หรือผลข้างเคียงจากยาบางชนิดได้

หากคุณพบว่าตัวเองมีอาการผิวแสบร้อนโดยไม่ทราบสาเหตุและอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ไข้ อ่อนเพลีย หรือปวดอย่างรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุด แพทย์จะทำการตรวจร่างกาย ตรวจเลือด และอาจทำการตรวจอื่นๆ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและให้การรักษาที่เหมาะสม อย่าปล่อยให้อาการแสบร้อนเรื้อรัง เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงได้

ข้อควรระวัง: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยและการรักษาควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ