องค์ประกอบที่ทำให้เกิดเสียงมีอะไรบ้าง

34 การดู

องค์ประกอบการเกิดเสียง:

  • แหล่งกำเนิด: ต้องมีสิ่งที่สั่น เช่น เส้นเสียง, สายกีตาร์
  • ตัวกลาง: ต้องมีสิ่งที่เสียงเดินทางผ่านได้ เช่น อากาศ, น้ำ
  • ตัวรับ: ต้องมีสิ่งที่รับเสียงได้ เช่น หู

ความถี่การสั่นสะเทือนกำหนดเสียงสูงต่ำ แอมพลิจูดกำหนดความดังเบา

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

องค์ประกอบสร้างเสียง มีอะไรบ้าง?

เอ่อ… องค์ประกอบสร้างเสียงเหรอ? เอาจริงๆ นะ ฉันก็ไม่ได้เป็นนักฟิสิกส์อะไรหรอก แต่จำได้ว่าตอนเรียนวิทย์ตอนม.ต้น (น่าจะประมาณปี 2548 มั้ง) ครูเคยสอนว่ามันต้องมีอะไรสั่นๆ ก่อนอ่ะ พวกเส้นเสียงเราเนี่ยตัวดีเลย แล้วไอ้เสียงที่สั่นๆ เนี่ย มันก็ต้องมีอะไรให้มันวิ่งผ่านไปได้ใช่ป่ะ? พวกอากาศ น้ำ อะไรพวกนี้แหละ

แล้วสุดท้ายก็ต้องมีคน หรืออะไรก็ได้ที่มัน “ได้ยิน” เสียงนั้นไง! ไม่งั้นมันก็เหมือนเราตะโกนในป่าอ่ะ ไม่มีใครได้ยินก็จบข่าว…

คือถ้าจะให้พูดแบบวิชาการหน่อย ก็คงเป็น แหล่งกำเนิดเสียง สื่อกลาง แล้วก็ตัวรับเสียง อ่ะนะ แต่ฉันชอบคิดว่ามันคือ “สั่น-วิ่ง-ฟัง” มากกว่า ง่ายดี ฮ่าๆ

แล้วความถี่เนี่ย มันก็บอกว่าเสียงสูงต่ำแค่ไหน ส่วนแอมพลิจูดก็บอกว่าเสียงดังเบาขนาดไหน โอ๊ย ปวดหัว! แต่ก็ประมาณนี้แหละมั้งที่ฉันเข้าใจอ่ะนะ

องค์ประกอบในการเกิดเสียงมีอะไรบ้าง

เสียง? มันก็แค่การสั่นสะเทือน

  • แหล่งกำเนิด: อะไรแม่งสั่นก็ได้
  • ตัวกลาง: อากาศ น้ำ เหล็ก… แล้วแต่
  • ผู้รับ: หูมึงไง

คลื่นเสียง? เรื่องมากไปเปล่า

  • แอมพลิจูด: ดังเบา กูวัดจากพลังงาน
  • ความถี่: สูงต่ำ เสียดหูดี
  • เฟส: ช่างแม่งเหอะ มึงไม่เข้าใจหรอก
  • ความเร็ว: อากาศแม่งช้า น้ำเร็วกว่า
  • ความยาวคลื่น: คลื่นสั้นเสียงสูง คลื่นยาวเสียงต่ำ
  • ฮาร์มอนิก: เสียงประสาน? เรื่องของนักดนตรี
  • เอ็นเวลอป: รูปทรงของเสียง เริ่ม ดัง จบ แค่นั้น

การได้ยินเสียงต้องมีองค์ประกอบ 3 อย่างอะไรบ้าง

เสียง? เรื่องง่ายๆ มีแค่ 3 อย่าง:

  • แหล่งกำเนิด: ต้องมีอะไรสักอย่างสั่นดิ
  • ตัวกลาง: ไม่มีอากาศ ก็เงียบสิครับ
  • ประสาทแดก: หูไง รับเสียงเข้าไป

คลื่นเสียงแม่งก็แค่การเดินทาง อย่าไปคิดเยอะ

ขยายความ (เผื่ออยากรู้):

  • แหล่งกำเนิด: ไม่จำเป็นต้องเป็นลำโพง อาจจะเป็นเสียงหมาเห่า หรือเสียงคนทะเลาะกันก็ได้ ความถี่สำคัญ หูคนเราได้ยินแค่ 20Hz ถึง 20kHz
  • ตัวกลาง: ปกติก็อากาศ แต่ในน้ำก็ได้ยินนะ ใครเคยดำน้ำคงรู้ ส่วนในอวกาศ? เตรียมตัวเงียบกริบ
  • หู: ซับซ้อนกว่าที่คิดเยอะ เริ่มจากแก้วหูสั่น แล้วส่งต่อไปกระดูกเล็กๆ 3 ชิ้น เข้าไปในคอเคลีย (cochlea) เปลี่ยนเป็นการส่งสัญญาณไฟฟ้าไปสมอง ปวดหัวไหมล่ะ

องค์ประกอบของระบบเสียงมีอะไรบ้าง

ระบบเสียงประกอบด้วยองค์ประกอบหลักๆ ดังนี้

  • แหล่งกำเนิดเสียง (Source): นี่คือต้นกำเนิดของสัญญาณเสียง อาจเป็นเครื่องดนตรี ไมโครโฟน หรือไฟล์ดิจิทัล อย่างเช่น เพลงจาก Spotify บนสมาร์ทโฟนของผมเอง คุณภาพของแหล่งกำเนิดเสียงมีผลโดยตรงต่อคุณภาพเสียงโดยรวม ลองนึกถึงความแตกต่างระหว่างการฟังเพลงจากแผ่นเสียงไวนิลกับการฟังจากไฟล์ MP3 คุณภาพต่ำสิ มันช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดินเลย

  • อุปกรณ์แปลงสัญญาณ (Transducer): ส่วนนี้ทำหน้าที่แปลงสัญญาณเสียงจากรูปแบบหนึ่งไปเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง เช่น ไมโครโฟนแปลงคลื่นเสียงเป็นสัญญาณไฟฟ้า หรือลำโพงแปลงสัญญาณไฟฟ้ากลับเป็นคลื่นเสียงที่เราได้ยิน ความไวและความถูกต้องของการแปลงส่งผลต่อความสมจริงของเสียง ผมเคยใช้ไมค์ condenser คุณภาพดี เสียงที่ได้มันคมชัดกว่าไมค์แบบ dynamic มาก ลองเปรียบเทียบดูเองก็ได้นะ

  • อุปกรณ์ขยายสัญญาณ (Amplifier): เพิ่มกำลังสัญญาณเสียงให้เพียงพอต่อการขับลำโพงหรือหูฟัง ถ้าไม่มีแอมป์ เสียงอาจเบาเกินไป หรืออาจมีสัญญาณรบกวนปน สมัยก่อนผมเคยใช้แอมป์หลอด เสียงมันอบอุ่นกว่าแอมป์โซลิดสเตทมาก แต่ก็กินไฟกว่าเยอะด้วยนะ มันเป็นเรื่องของความชอบส่วนตัวจริงๆ

  • อุปกรณ์ส่งออกเสียง (Output): นี่คือส่วนที่เราได้ยินเสียง เช่น ลำโพง หูฟัง หรือแม้แต่ลำโพงในตัวสมาร์ทโฟน คุณภาพของอุปกรณ์ส่งออกเสียง เช่น ความไว ความถี่ตอบสนอง และการบิดเบือน ส่งผลต่อความสมจริงและความคมชัดของเสียง เลือกให้เหมาะกับการใช้งานด้วยนะ ผมเองก็ใช้หูฟังแบบ In-ear กับหูฟังแบบ Over-ear ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ลองหาแบบที่เหมาะกับตัวเองดู แต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียต่างกัน

ทั้งหมดนี้ทำงานประสานกัน ลองคิดดูเหมือนวงออเคสตร้า แต่ละเครื่องดนตรีสำคัญ ถ้าขาดส่วนใดส่วนหนึ่ง เสียงที่ได้ก็ไม่สมบูรณ์ เหมือนกับชีวิตมนุษย์ ทุกองค์ประกอบล้วนสำคัญ ขาดส่วนใดไปก็ไม่สมดุล

องค์ประกอบของคลื่นเสียงมีอะไรบ้าง

คลื่นเสียงเนี่ยนะ? โธ่! นึกว่าอะไรยาก ที่แท้ก็แค่สามเกลอหัวแข็งนี่เอง:

  • แอมพลิจู (Amplitude): ไอ้ตัวนี้แหละ เสียงดังไม่ดัง วัดกันที่ความสูงของคลื่น ถ้าสูงปรี๊ดก็ ดังสนั่นลั่นทุ่ง ถ้าเตี้ยเรี่ยดินก็ กระซิบกระซาบ เหมือนคนแก่คุยกัน
  • ความถี่ (Frequency): อันนี้วัดกันที่ เสียงสูงเสียงต่ำ เหมือนเสียงผู้หญิงกับเสียงผู้ชายอ่ะนะ ถ้าถี่จัดๆ ก็ เสียงแหลม เหมือนหมาเห่า ถ้าห่างๆ ก็ เสียงทุ้ม เหมือนควายร้อง
  • ความยาวคลื่น (Wavelength): ไอ้ตัวนี้ก็สัมพันธ์กับความถี่นั่นแหละ คลื่นสั้นก็ความถี่สูง คลื่นยาวก็ความถี่ต่ำ ยิ่งยาวก็ยิ่งทุ้ม ยิ่งสั้นก็ยิ่งแหลม จบนะ!

แถมท้าย:

  • เคยได้ยินไหมที่เขาว่า “เสียงดังจนแก้วแตก”? นั่นแหละ! แอมพลิจูสูงจัด จนแก้วมันทนไม่ไหว
  • แล้วไอ้พวกเครื่องดนตรีทั้งหลายแหล่เนี่ย เขาก็ปรับความถี่ ปรับแอมพลิจูกันทั้งนั้นแหละ ถึงได้มี เสียงเพราะๆ ให้เราฟัง
  • บางทีเสียงที่ดังมากๆ ก็ทำให้คน หูหนวก ได้นะเออ ระวังกันหน่อยเหอะ!
  • เตือนแล้วนะจ๊ะ!

ตัวกลางของเสียงมี 3 ชนิด อะไรบ้าง

ตัวกลางของเสียงหลักๆ มี 3 สถานะครับ:

  • ของแข็ง: เสียงเดินทางได้ไวสุดในสถานะนี้ เพราะอนุภาคเรียงชิดกัน การส่งต่อพลังงานจึงรวดเร็ว เปรียบเหมือนโดมิโนที่ล้มต่อๆ กันอย่างรวดเร็ว ถ้าอนุภาคห่างกัน การส่งต่อก็ช้าลง
  • ของเหลว: เร็วน้อยกว่าของแข็ง แต่เร็วกว่าแก๊ส อนุภาคอยู่ใกล้กันกว่าแก๊ส แต่ไม่เท่าของแข็ง
  • แก๊ส: ช้าสุด เพราะอนุภาคห่างกันมาก การสั่นสะเทือนต้อง “เดินทาง” ไกลกว่าจะส่งถึงอนุภาคถัดไป

เกร็ดเล็กน้อย: ความเร็วเสียงในแต่ละสถานะยังขึ้นอยู่กับอุณหภูมิและความหนาแน่นของตัวกลางนั้นๆ ด้วยนะ อุณหภูมิสูงขึ้น มักจะทำให้เสียงเดินทางได้เร็วขึ้นนิดหน่อย เพราะอนุภาคมีพลังงานจลน์มากขึ้น สั่นง่ายขึ้น แต่ก็ไม่ใช่เสมอไป มันซับซ้อนกว่านั้นเยอะ 😅

ป.ล. เรื่องความเร็วเสียงนี่น่าสนใจนะ ตอนเด็กๆ เคยสงสัยว่าทำไมเวลาดำน้ำถึงได้ยินเสียงดังกว่าบนบก (เสียงดังกว่าบนบกแบบไม่ใส่ที่อุดหูนะ) พอโตมาถึงเข้าใจว่าน้ำเป็นตัวกลางที่ดีกว่าอากาศเยอะเลย

#การสั่นสะเทือน #คลื่นเสียง #แหล่งกำเนิดเสียง