ยาง Run Flat ดูยังไง
เช็คยาง Run Flat ง่ายๆ แค่มองแก้มยาง!
-
RSC: สัญลักษณ์หลัก คือ "RSC" (Run Flat System Component) เจออันนี้ใช่เลย!
-
ชื่อเฉพาะ: แต่ละยี่ห้ออาจใช้ชื่อต่างกัน เช่น
- Bridgestone: "RFT" (Run-flat technology)
- Continental: "SSR" (Self-Supporting Run-Flat Tire)
จำชื่อย่อไว้ เลือกใช้ยาง Run Flat ได้ถูกต้อง ขับขี่ปลอดภัยแม้ยางแบน!
ยาง Run Flat ตรวจสอบอย่างไร?
ยาง Run Flat อ่ะนะ? คือ…เคยสงสัยเหมือนกันว่ามันต่างกับยางธรรมดายังไง ตอนนั้นไปเปลี่ยนยางที่ร้านแถวบ้าน (จำชื่อร้านไม่ได้ละ แต่แถวๆ ลาดพร้าว 71 ประมาณปี 2018) ช่างเค้าบอกว่าดูง่ายมาก
จำได้เลยว่าเค้าชี้ให้ดูที่แก้มยาง มันจะมีตัวอักษรแปลกๆ อ่ะ อย่าง RSC (Run Flat System Component) คือถ้าเจอตัวนี้ก็ชัวร์เลยว่าเป็นยาง Run Flat แน่นอน แต่บางยี่ห้อเค้าก็ใช้คำอื่นนะ
อย่าง Bridgestone เค้าจะใช้ RFT (Run-flat technology) ส่วน Continental ก็ SSR (Self-Supporting Run-Flat Tire) คือจริงๆ แล้วมันก็คือยางที่วิ่งได้แม้ไม่มีลมยางนั่นแหละ แค่เรียกไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง
คือตอนแรกก็งงๆ แต่พอได้ลองใช้จริงๆ (เพราะยางเดิมมันแตก) ก็รู้สึกว่ามันก็ดีนะ อุ่นใจกว่ายางธรรมดาเยอะเลย
ยางมิชลินรันแฟลตดูตรงไหน
แก้มยางนี่แหละ สำคัญ ต้องดูดีๆ ZP กับ EMT ของมิชลินนี่จำง่ายดีนะ Zero Pressure กับ Extended Mobility Tyre. เออ จริงๆ รถฉันก็ใช้มิชลินนะ แต่ไม่ใช่รันแฟลต รุ่น Primacy 4 เปลี่ยนตอนต้นปีนี้เอง ร้านแถวบ้านลดราคาอยู่พอดี ได้มาถูกกว่าตั้งเยอะ ตอนแรกก็ลังเลว่าจะเอา Pilot Sport แต่พอดีไปเที่ยว ตจว. บ่อย เลยเลือก Primacy 4 เน้นนุ่มเงียบดีกว่า จริงๆ รันแฟลตมันก็ดีนะ ปลอดภัยกว่าด้วย เคยเกือบโดนตะปูตำตอนไปหัวหิน ถ้าเป็นรันแฟลตนี่คงไม่ต้องจอดข้างทางเปลี่ยนยางกลางแดดร้อนๆ แน่ ZP กับ EMT ต้องจำๆ เผื่อวันหลังจะเปลี่ยนบ้าง แต่ตอนนี้ Primacy 4 ก็ยังดีอยู่ วิ่งมาหลายพันโลแล้ว ก็ยังโอเคอยู่นะ อ้อ ลืมบอก ร้านที่เปลี่ยนชื่อ บีควิก แถวบ้านนี่เอง บริการดี รวดเร็ว ไม่แพงด้วย จริงๆ ตอนแรกกะจะไปร้านประจำ แต่อยากลองร้านใหม่ดูบ้าง แล้วก็ไม่ผิดหวัง คราวหน้าคงไปอีก ว่าแต่ ZP นี่ Zero Pressure ใช่ปะ แล้ว EMT ล่ะ Extended Mobility Tyre. โอเค จำได้แล้ว ต้องจดไว้หน่อย เผื่อลืม
- ZP = Zero Pressure
- EMT = Extended Mobility Tyre
- ร้านยาง บีควิก บริการดี (อันนี้แอบขายของนิดนึง 555) เปลี่ยนยางคราวหน้า ว่าจะลองรันแฟลตดูบ้าง แพงกว่าหน่อย แต่ก็ปลอดภัยกว่าเยอะ ไว้ค่อยไปถามราคาดูอีกที ตอนนี้ใช้ Primacy 4 ไปก่อน ช่วงนี้ฝนตกบ่อย ขับระวังๆ หน่อยดีกว่า เมื่อวานเกือบโดนรถมอไซค์ตัดหน้า ดีนะเบรคทัน หวาดเสียวไปหมด
ยางรันแฟลตกับยางธรรมดาต่างกันอย่างไร
เอ้า! ยางรันแฟลตกับยางธรรมดาต่างกันยังไงน่ะเหรอ? ต่างกันเป็นฟ้ากับเหวเลยล่ะพ่อคุณ! เหมือนเทียบช้างกับมดเลย!
-
ยางธรรมดา: แบนทีเดียวจบ! เหมือนชีวิตคนโสดโดนเท ต้องจอดซ่อมริมทาง รอรถยกมาช่วย เสียววาบๆ ร้อนผ่าวๆ เสียเวลาชะมัด!
-
ยางรันแฟลต: นี่แหละของจริง! แบนก็ยังวิ่งได้! เหมือนพระเอกหนังแอคชั่น เจ็บก็ยังสู้! ขับต่อได้อีก 80 กิโล! (อันนี้ขึ้นกับยี่ห้อและสภาพถนนนะจ๊ะ อย่าไปซิ่งเหมือนบ้า)
สรุปสั้นๆ ง่ายๆ คือ ยางธรรมดา แบนปุ๊บ จอดปั๊บ! ส่วนยางรันแฟลต แบนแล้วก็ยังขับได้อีกหน่อย (แต่ก็อย่าประมาท รีบไปอู่ไวๆ เด้อ!) ผมเคยใช้ยางรันแฟลตมาแล้ว ตอนนั้นขับรถไปทะเล ยางแบนกลางทาง แต่ยังขับต่อไปถึงที่พักได้สบายๆ ไม่ต้องเสียเวลาเปล่าๆ ประทับใจสุดๆ!
ข้อมูลเพิ่มเติมปี 2566: ตอนนี้ยางรันแฟลตมีหลายรุ่น หลายยี่ห้อมากขึ้น ราคาอาจจะสูงกว่ายางธรรมดาหน่อย แต่ความปลอดภัยและความสะดวกสบายที่ได้มา คุ้มค่า! ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมดูนะ เผื่อจะเจอยางที่ถูกใจ!
ยางรันแฟลตต้องเติมลมไหม
ยางรันแฟลตต้องเติมลมมั้ย… ใช่ ต้องเติมลม
เออ หลายคนอาจจะคิดว่าไม่ต้องเติม เพราะมันแข็งๆ ใช่ป่ะ แต่จริงๆ แล้วมันเหมือนเป็นยางอะไหล่ชั่วคราวมากกว่า
-
หน้าที่หลัก: คือช่วยให้เราขับไปหาที่ปะยางได้ตอนยางแบน ไม่ใช่ให้ขับต่อไปแบบสบายๆ
-
ลมยาง: สำคัญมาก ยางรันแฟลตก็ต้องมีลม ถ้าไม่มีลมก็พังเร็วกว่าเดิมอีก
-
ระยะทาง: เขาบอกว่าวิ่งได้ประมาณ 80 กิโลเมตร หลังยางแบน แต่เอาจริงๆ นะ ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าฝืนเลย
-
ความเร็ว: ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเหมือนกัน ช้าๆ หน่อยก็ดี
เมื่อก่อนเคยคิดว่ายางรันแฟลตนี่มันเทพมาก ไม่ต้องดูแลอะไรเลย แต่พอใช้จริง… ก็ไม่ได้ต่างจากยางธรรมดาเท่าไหร่ แค่พอมีอะไรฉุกเฉินก็ยังพอเอาตัวรอดได้บ้างเท่านั้นเอง
แล้วเรื่องลมยางนี่สำคัญจริงๆ นะ เคยปล่อยปละละเลยไปทีนึง ผลคือยางบวมเลย ต้องเปลี่ยนใหม่ เสียเงินเยอะกว่าเดิมอีก…
ยาง Runflat วิ่งได้ กี่ กิโล
อืมมม… เรื่องยาง Runflat นี่นะ ตอนนั้นรถฉัน BMW 320d ปี 2023 ยางบริดจสโตน นะ คือแบบว่า กลางดึกเลย ประมาณตีสอง วิ่งจากบ้านแถวรังสิตจะไปบางนา ดึกมาก แล้วรู้สึกว่ารถมันสั่นๆ แปลกๆ ตอนแรกก็คิดว่าถนนมันไม่ดี แต่พอมันสั่นมากขึ้น ก็เลยจอดดู ปรากฎว่ายางแบน แบบแบนสนิทเลย ใจหายแว้บ! โชคดีที่มันเป็นยาง Runflat
ตอนนั้นความคิดแรกคือ เฮ้ย! ยังไงก็ได้ ยังถึงบ้านได้แน่ๆ ไม่ต้องเปลี่ยนยางข้างทาง กลางดึกแบบนี้ อันตรายด้วย ขับต่อได้ประมาณ 60 กม. ชั่วโมง ความเร็วช้าลงกว่าปกติ รู้สึกได้เลยว่ารถมันไม่นิ่ง ต้องระวังมาก ถึงบ้านแบบเหนื่อยๆ อารมณ์แบบโล่งอกปนเครียด แต่ก็โอเค อย่างน้อยก็ไม่ต้องรอรถยก ไม่ต้องรอใครมาช่วย
สรุปเลยนะ ประสบการณ์ตรงของฉัน ยาง Runflat บริดจสโตน วิ่งได้จริง แต่ไม่ถึง 80 กิโล อย่างที่โฆษณา ตอนนั้นวิ่งได้ประมาณ 70 กิโล ได้มั้ง ไม่แน่ใจ แต่ก็พอถึงบ้านได้ ความเร็วก็ไม่ถึง 80 ประมาณ 60 ก็พอไหว แต่ไม่ควรเสี่ยง นะ ต้องรีบเข้าอู่เปลี่ยนยางอยู่ดี
-
ยี่ห้อรถ: BMW 320d ปี 2023
-
ยี่ห้อและรุ่นยาง: Bridgestone Runflat
-
เหตุการณ์: ยางแบนกลางดึก ขณะเดินทางจากรังสิตไปบางนา
-
ระยะทางที่วิ่งได้หลังยางแบน: ประมาณ 70 กิโลเมตร
-
ความเร็วขณะวิ่ง: ประมาณ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
-
ความรู้สึก: โล่งใจที่ถึงบ้านได้ แต่กังวลและเหนื่อยล้า
หลังจากเหตุการณ์นั้น ก็ไปเปลี่ยนยางใหม่เลย กลัวอีก ราคาแพงเอาเรื่องเหมือนกันนะ แต่ก็คุ้มค่าที่ไม่ต้องจอดรถกลางทาง ไม่ต้องรอรถช่วย แต่แนะนำให้ตรวจเช็คลมยางบ่อยๆ นะครับ อย่าประมาท ความปลอดภัยสำคัญที่สุด
ยางรันแฟลตกับยางธรรมดาต่างกันยังไง
ยางรันแฟลตกับยางธรรมดาต่างกันยังไงน่ะเหรอ? ง่ายๆ เลย คิดภาพยางธรรมดาเป็นนางเอกละครหลังข่าว แบนทีไรดราม่าหนักมาก ต้องรอช่างมาช่วย แต่ยางรันแฟลต? นางเอกสายบู๊! แบนก็ยังสู้ต่อได้ (แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะขับไปได้ทั่วประเทศนะจ๊ะ)
-
ความต่างหลัก: ยางธรรมดาแบนปุ๊บ จอดปั๊บ รอรถยก แต่ยางรันแฟลตแบนแล้วก็ยังขับต่อได้ระยะหนึ่ง ประมาณ 80 กิโลเมตร (ขึ้นอยู่กับรุ่นและสภาพถนนด้วยนะ อย่าขับเร็วมากล่ะ เดี๋ยวพังหมด!) ผมเคยลองขับ ตอนนั้นยางแบนแล้ววิ่งประมาณ 50 กม. ถึงบ้านได้ฉิวเฉียดมาก หัวใจแทบวาย!
-
โครงสร้าง: ยางรันแฟลตมีโครงสร้างแข็งแรงกว่า มีส่วนเสริมให้ยางไม่ยุบตัวลงจนหมด เวลาแบนยังเหลือเนื้อที่ให้สัมผัสกับพื้นถนนอยู่บ้าง คิดง่ายๆ เหมือนใส่เกราะให้ยาง แต่ก็หนักกว่ายางธรรมดาหน่อย (ตอนเปลี่ยนล้อนี่รู้เลยว่าแรงขึ้นจริง)
-
ประสิทธิภาพ: เรื่องการขับขี่ ยางรันแฟลตอาจจะไม่นุ่มนวลเท่ายางธรรมดา แต่ก็แลกกับความอุ่นใจเวลาฉุกเฉิน (คิดว่าเหมือนได้อัพเกรดรถเป็นรถถังเล็กๆ) แต่ก็ต้องแลกกับราคาที่แพงกว่าเยอะอยู่เหมือนกัน ปีนี้ผมลองเปลี่ยนยางใหม่ ยางรันแฟลตแพงกว่ายางธรรมดาเกือบเท่าตัวเลย
-
ข้อควรระวัง: แม้จะขับต่อได้ แต่ก็ไม่ควรขับเร็วหรือไกลเกินไป เพราะความเร็วและระยะทางที่มากเกินไปจะทำให้ยางและล้อเสียหายได้ (คิดว่าเหมือนเป็นการขอยืมชีวิตจากยาง มันก็ต้องมีลิมิต) อย่าลืมเปลี่ยนยางใหม่เมื่อแบนนะครับ มันไม่ใช่ของเล่น ขับไปเรื่อยๆ เดี๋ยวอันตราย
สรุปสั้นๆ ยางรันแฟลตคือความสบายใจ แลกกับราคาที่สูงกว่า เลือกให้เหมาะกับการใช้งานและงบประมาณ อย่าลืมเลือกยางที่ได้มาตรฐานด้วยนะ อย่าไปเน้นแต่ราคาถูก อันตรายนะจ๊ะ
ควรเติมลมยาง Run Flat เท่าไหร่
ควรเติมลมยาง Run Flat เท่าไร?
คำตอบสั้นๆ คือ 30-40 psi แต่…อย่าเพิ่งเชื่อสนิทใจไปเสียก่อนนะครับ เพราะตัวเลขนี้เป็นเพียงค่ามาตรฐานทั่วไป ความดันลมยางที่เหมาะสมจริงๆ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยครับ
-
รุ่นรถ: รถแต่ละรุ่นมีน้ำหนักและการออกแบบที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อความดันลมยางที่เหมาะสม ลองดูสติ๊กเกอร์ที่ประตูฝั่งคนขับ นั่นแหละคือคำตอบที่ถูกต้องที่สุดสำหรับรถคันนั้นๆ
-
น้ำหนักบรรทุก: ถ้าบรรทุกของหนัก ความดันลมยางควรเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เพื่อรับน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผมเคยเจอรถกระบะที่ใช้ยาง Run Flat ต้องเติมมากกว่า 40 psi เมื่อบรรทุกของเต็มคัน
-
สภาพอากาศ: อุณหภูมิส่งผลต่อความดันลมยาง อากาศร้อน ความดันจะสูงขึ้น อากาศเย็น ความดันจะต่ำลง จำเป็นต้องปรับตามสภาพอากาศเล็กน้อย นี่คือเหตุผลที่ผมเช็คลมยางบ่อยๆ โดยเฉพาะก่อนเดินทางไกล
-
ความชอบส่วนตัว (และความเสี่ยง): บางคนชอบความนุ่มนวล บางคนชอบการทรงตัวที่แม่นยำ การปรับความดันลมยางเล็กน้อย อาจช่วยปรับแต่งประสบการณ์การขับขี่ได้ แต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้วย เติมลมน้อยเกินไป เสี่ยงต่อการเสียการทรงตัว เติมมากเกินไป ยางอาจสึกเร็ว มันคือการถ่วงดุลย์ครับ เหมือนชีวิตเลย
สุดท้ายนี้ อย่าลืมว่าการตรวจเช็คลมยางเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะใช้ยางแบบไหนก็ตาม ผมแนะนำให้เช็คอย่างน้อยเดือนละครั้ง หรือก่อนเดินทางไกลทุกครั้งครับ เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพที่ดีที่สุด
(ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม 2566)
ยางรันแฟลตสามารถปะซ่อมได้หรือไม่
ได้สิ ปะได้ แต่ไม่ควร
เสี่ยงเกินไป เปลืองตังค์เปล่าๆ เปลี่ยนใหม่จบกว่า
- ยางรันแฟลตโครงสร้างพิเศษ
- ปะแล้วอาจเสียทรง อันตราย
- เปลี่ยนใหม่ดีกว่า ปลอดภัยกว่าเยอะ
ปีนี้ผมใช้ Michelin รุ่น Pilot Sport 4S ล้อ 19 นิ้ว ประสบการณ์ตรง เสียตังค์ไปหลายบาทแล้ว จำไว้นะ
ยาง รัน แฟลต กับ ยาง ธรรมดา ต่าง กัน อย่างไร
ยางรันแฟลต แพงกว่ายางธรรมดาเยอะเลยนี่นา เคยดูรีวิวไว้ เปลี่ยนทีกระเป๋าฉีกแน่ๆ แต่ว่ามันวิ่งต่อได้ตอนยางแตกนี่สิ คิดหนักเลย ปลอดภัยดี แบบว่า ถ้าเกิดยางแตกตอนขับรถกลางคืน หรือขับอยู่บนทางด่วน มันอันตรายมากกกก เสียเงินเพิ่มหน่อยก็คุ้มมั้ง เพื่อความปลอดภัย จริงๆ เคยเจอยางแตกกลางดึกแถวๆ พระราม 2 ปีที่แล้ว โชคดีมีคนช่วย แต่ถ้ามียางรันแฟลตก็คงไม่ต้องลำบากขนาดนั้น ส่วนยางธรรมดามันก็ถูกกว่า เปลี่ยนง่าย หาซื้อง่ายกว่าเยอะ แต่พอเจอยางแตกนี่จบเลย ต้องเปลี่ยนยางเองเป็นด้วยนะ ลำบากอีก เออ แล้ว TMS นี่มันจำเป็นมั้ย รถเราเก่าแล้วไม่มี ต้องติดเพิ่มเองป่าวเนี่ย?
- รันแฟลต วิ่งต่อได้ 80 กม. ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. ตอนยางแตก
- รันแฟลต ปลอดภัยกว่า แต่แพงกว่า
- ยางธรรมดา ถูก หาง่าย แต่เสี่ยงถ้าแตก
- TMS สำคัญ เตือนตอนยางมีปัญหา ต้องเช็ครถเราด้วยว่ามีมั้ย จะได้ไปติดเพิ่ม
เมื่อกี้หาข้อมูลเพิ่ม ปี 2024 นี่ เทคโนโลยียางไปไกลมากเลยนะ เห็นมี Self-sealing tires ด้วย มันแบบ อุดรอยรั่วเองได้เลย เจ๋งดี แต่คงแพงกว่ารันแฟลตอีกมั้ง ไว้ค่อยไปดูรายละเอียดอีกที ตอนนี้ขอคิดเรื่องรันแฟลตกับยางธรรมดาก่อน เลือกยากจริงๆ ถ้าเลือกได้ ก็อยากได้แบบที่ปลอดภัยที่สุดนั่นแหละ แต่ก็ต้องดูงบประมาณด้วย ต้องลองคำนวณดูอีกที
#Run Flat #ตรวจสอบ #ยางรถยนต์ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต