กระเพาะปัสสาวะรับน้ำได้เท่าไร

16 การดู

กระเพาะปัสสาวะของคนทั่วไปสามารถกักเก็บปัสสาวะได้ประมาณ 300-350 มิลลิลิตร ก่อนที่จะส่งสัญญาณให้รู้สึกปวดปัสสาวะ โดยทั่วไปแล้ว เราจะปัสสาวะประมาณ 3-5 ครั้งต่อวัน โดยไม่มีอาการผิดปกติ เช่น ปวดหรือแสบขณะปัสสาวะ การปัสสาวะแต่ละครั้งใช้เวลาน้อยกว่า 30 วินาที

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ความจุของกระเพาะปัสสาวะ: มากกว่าแค่ “รู้สึกอยากปัสสาวะ”

กระเพาะปัสสาวะ อวัยวะสำคัญที่ทำหน้าที่เก็บสะสมปัสสาวะผลผลิตจากการกรองของไต ความสามารถในการกักเก็บของมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากกว่าแค่คำถามง่ายๆว่า “รู้สึกอยากปัสสาวะเมื่อไหร่” เพราะความจุของกระเพาะปัสสาวะนั้นมีความแตกต่างกันไปตามปัจจัยหลายประการ และเกี่ยวข้องกับสุขภาพระบบทางเดินปัสสาวะโดยตรง

โดยทั่วไปแล้ว กระเพาะปัสสาวะของผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดีสามารถกักเก็บปัสสาวะได้ประมาณ 300-500 มิลลิลิตร ตัวเลข 300-350 มิลลิลิตร ที่มักถูกอ้างถึงนั้นเป็นเพียงค่าเฉลี่ย และเป็นจุดที่เริ่มรู้สึกอยากปัสสาวะ แต่ความจริงแล้ว กระเพาะปัสสาวะสามารถขยายได้มากกว่านั้น บางคนอาจรู้สึกอยากปัสสาวะเมื่อมีปัสสาวะประมาณ 200 มิลลิลิตร ในขณะที่บางคนอาจทนได้ถึง 600 มิลลิลิตร ก่อนที่จะรู้สึกถึงความดันและความต้องการที่จะปัสสาวะอย่างเร่งด่วน

ปัจจัยที่ส่งผลต่อความจุของกระเพาะปัสสาวะนั้นหลากหลาย รวมถึง:

  • เพศ: โดยทั่วไปแล้ว ผู้ชายอาจมีกระเพาะปัสสาวะที่มีความจุมากกว่าผู้หญิงเล็กน้อย
  • อายุ: ความจุของกระเพาะปัสสาวะอาจลดลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะเสื่อมสภาพ
  • พันธุกรรม: ปัจจัยทางพันธุกรรมก็มีส่วนในการกำหนดขนาดและความจุของกระเพาะปัสสาวะ
  • โรคประจำตัว: โรคบางชนิด เช่น โรคต่อมลูกหมากโตในผู้ชาย หรือการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ อาจส่งผลให้ความจุของกระเพาะปัสสาวะลดลง และทำให้รู้สึกอยากปัสสาวะบ่อยขึ้น
  • การดื่มน้ำ: การดื่มน้ำมากเกินไปจะทำให้กระเพาะปัสสาวะเต็มเร็วขึ้น และทำให้รู้สึกอยากปัสสาวะบ่อยขึ้นตามไปด้วย

การปัสสาวะ 3-5 ครั้งต่อวัน ถือเป็นเรื่องปกติ โดยที่แต่ละครั้งใช้เวลาไม่เกิน 30 วินาที แต่หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดแสบขณะปัสสาวะ ปัสสาวะบ่อยผิดปกติ ปัสสาวะลำบาก หรือมีเลือดปนในปัสสาวะ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม เพราะอาการเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงได้

สรุปได้ว่า ความจุของกระเพาะปัสสาวะเป็นเรื่องที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล การเข้าใจปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อความจุและการสังเกตความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะ จะช่วยให้เราสามารถดูแลสุขภาพของตัวเองได้อย่างเหมาะสม และพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยได้ทันท่วงที