แดดช่วงเวลาไหนทำให้ดำ

แดดเวลาไหนทำให้ผิวคล้ำเสีย: มากกว่าแค่ 10 โมงเช้าถึง 4 โมงเย็น

หลายคนเข้าใจว่าช่วงเวลาที่แดดแรงที่สุดคือ 10.00-16.00 น. และเป็นช่วงเวลาเดียวที่ต้องกังวลเรื่องผิวคล้ำเสียจากแสงแดด ความจริงแล้ว แม้แสงแดดในช่วงเวลาดังกล่าวจะมีความเข้มข้นของรังสี UV สูงที่สุด แต่รังสี UV ก็ยังคงมีอยู่ในทุกช่วงเวลาที่มีแสงแดด แม้ในวันที่เมฆครึ้มก็ตาม ดังนั้น การป้องกันผิวจากแสงแดดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่แค่ในช่วงเวลาที่แดดจัดจ้าเท่านั้น

ทำความเข้าใจรังสี UV

รังสี UV แบ่งออกเป็น UVA และ UVB โดย UVA มีความยาวคลื่นยาวกว่า สามารถทะลุผ่านเมฆและกระจกได้ เป็นสาเหตุหลักของริ้วรอยก่อนวัยและผิวหมองคล้ำ ส่วน UVB มีความยาวคลื่นสั้นกว่า เป็นสาเหตุหลักของผิวไหม้แดด ทั้ง UVA และ UVB ต่างก็เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนัง

ป้องกันผิวอย่างไรให้ถูกวิธี ไม่ว่าเวลาไหน

การป้องกันผิวจากแสงแดดอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่แค่การหลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วง 10.00-16.00 น. เท่านั้น แต่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้เป็นประจำ:

• ทาครีมกันแดด: เลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และมี PA+++ หรือ PA++++ เพื่อป้องกันทั้ง UVA และ UVB ทาครีมกันแดดอย่างน้อย 15-20 นาทีก่อนออกแดด และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง โดยเฉพาะหลังจากว่ายน้ำหรือเหงื่อออกมาก
• สวมใส่เสื้อผ้าป้องกัน: เลือกเสื้อผ้าที่มีเนื้อผ้าหนา สีเข้ม ปกปิดผิวได้มิดชิด เช่น เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว
• สวมหมวกปีกกว้าง: ช่วยปกป้องใบหน้า หนังศีรษะ และลำคอจากแสงแดด
• สวมแว่นกันแดด: เลือกแว่นกันแดดที่สามารถป้องกันรังสี UV ได้ 100% เพื่อปกป้องดวงตาจากอันตรายของแสงแดด
• หลีกเลี่ยงการตากแดดเป็นเวลานาน: โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่แดดจัด หากจำเป็นต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน ควรหาที่ร่มพักเป็นระยะ
• ตรวจสอบผิวเป็นประจำ: สังเกตความผิดปกติของผิว เช่น ไฝ กระ หรือรอยโรคที่เปลี่ยนแปลงไป หากพบความผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์ผิวหนัง

การดูแลผิวจากแสงแดดเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง การป้องกันอย่างถูกวิธีจะช่วยลดความเสี่ยงต่อผิวคล้ำเสีย ริ้วรอยก่อนวัย และมะเร็งผิวหนัง ทำให้ผิวสุขภาพดี สวยงาม และอ่อนเยาว์ได้ยาวนาน