SGOT คือการตรวจอะไร
SGOT คืออะไร:
SGOT หรือ AST คือเอนไซม์ที่พบในตับ หัวใจ และกล้ามเนื้อ การตรวจวัดระดับ SGOT ใช้ประเมินความเสียหายของตับหรือกล้ามเนื้อหัวใจ หากค่า SGOT สูง แสดงว่าอาจมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับอวัยวะเหล่านี้ การตรวจนี้เป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสุขภาพทั่วไป ช่วยวินิจฉัยโรคเกี่ยวกับตับและหัวใจได้
ตรวจ SGOT คืออะไร?
ตรวจ SGOT คืออะไรเหรอ? เอาจริง ๆ ตอนแรกที่หมอสั่งตรวจ SGOT ให้ ฉันก็งงเหมือนกันนะ (นานมาแล้ว จำไม่ได้แล้วว่าเมื่อไหร่ แต่คงซัก 5-6 ปีที่แล้วมั้ง ที่โรงพยาบาล…เอ่อ…ลืมชื่อไปละ) แต่หมอก็บอกว่ามันคือเอนไซม์ที่อยู่ในตับ, หัวใจ, กล้ามเนื้อ…อะไรพวกนั้นน่ะ
แล้วทำไมต้องตรวจ? คือถ้าค่า SGOT มันสูงเกินไป หมอเขาก็จะสงสัยว่าตับหรือหัวใจเราอาจจะมีปัญหาไง คือมันเหมือนเป็นสัญญาณเตือนภัยอ่ะนะ
ฉันว่ามันก็ดีนะที่เราตรวจสุขภาพประจำปี เพราะอย่างน้อยก็รู้ว่าอะไรมันผิดปกติรึเปล่า แต่บางทีก็แอบกลัวผลตรวจเหมือนกันนะเนี่ย
สรุปง่าย ๆ คือ ตรวจ SGOT/AST เนี่ยเขาใช้ดูว่าตับหรือหัวใจเราโอเคไหม ถ้าค่าสูงแสดงว่าอาจมีอะไรผิดปกติที่อวัยวะพวกนี้อะ เข้าใจง่ายๆ ประมาณนี้แหละ.
ค่าSGOTสูงบอกถึงอะไร
ค่า SGOT สูง? ตับอาจมีปัญหา
- SGOT/AST เกิน 40 IU/L: ตับเริ่มส่งสัญญาณเตือน
- ตับอักเสบ ไขมันพอกตับ: ต้นเหตุยอดนิยมของการขึ้นค่า
- ไม่รักษา = ตับแข็ง มะเร็ง: มองข้ามไม่ได้เด็ดขาด
- พบแพทย์: ทางออกเดียว
ข้อมูลเพิ่มเติม:
- SGOT (Serum Glutamic Oxaloacetic Transaminase) หรือ AST (Aspartate Aminotransferase): เอนไซม์บ่งชี้ความเสียหายของตับ หัวใจ กล้ามเนื้อ
- ค่าปกติ: ส่วนใหญ่ไม่เกิน 40 IU/L (หน่วยสากล) แต่แล็บแต่ละที่อาจต่างกันเล็กน้อย
- สาเหตุ SGOT สูง (นอกเหนือจากที่กล่าว): ดื่มแอลกอฮอล์, ยาบางชนิด, ภาวะหัวใจล้มเหลว, กล้ามเนื้อบาดเจ็บ
- การตรวจติดตาม: สำคัญมาก หากพบค่าผิดปกติ ควรตรวจซ้ำตามคำแนะนำแพทย์
เตือน: ข้อมูลนี้ไม่แทนคำแนะนำแพทย์ อย่า “วินิจฉัยเอง” แล้วซื้อยากิน
SGOT SGPT ตรวจหาอะไร
ALT (SGPT) และ AST (SGOT): สะท้อนสุขภาพตับ
-
ค่าปกติไม่เกิน 40 IU/L เกินกว่านี้? ตับอักเสบ
-
ตัวชี้วัดเบื้องต้น ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย ต้องตรวจเพิ่มเติม
-
ข้อมูลปี 2566: การวินิจฉัยอาศัยหลายปัจจัย ไม่ใช่แค่ค่าเอนไซม์อย่างเดียว เช่น อาการทางคลินิก ประวัติสุขภาพ การตรวจเพิ่มเติมอื่นๆ เช่น อัลตราซาวด์ ตับ หรือ biopsy เพื่อยืนยัน
-
ประสบการณ์ส่วนตัว: เคยเจอคนไข้ค่าสูงมาก แต่สุดท้ายไม่ใช่โรคตับร้ายแรง กลับเป็นเพราะดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
ค่าตับควรอยู่ที่เท่าไร
ค่าตับปกติ? 20-40 U/L จบนะ แค่นี้ เกินกว่านี้ก็ตัวใครตัวมัน ตับพังแน่ๆ
- สูงเกินไปไม่ดี แปลว่าตับมีปัญหา
- อักเสบก็ได้ พังก็ได้ แล้วแต่เวรแต่กรรม
- ตรวจเลือดเช็คเอา อย่าชะล่าใจ
- ปี 2024 แล้ว ยังไม่รู้จักดูแลตัวเองอีก
- เจ็บมาอย่าโอดโอย โทษใครไม่ได้
- เคยเห็นคนตับแข็งมั้ย? ไม่สวยหรอกนะ
- ค่าปกติไม่ใช่ตัวเลขตายตัว แต่เกินเยอะก็ไม่ดี
- อย่าประมาท เรื่องสุขภาพไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
- กินเหล้าสูบบุหรี่ระวัง ตับไม่ชอบ
- หาหมอซะ ก่อนจะสายเกินแก้
SGPT คือการตรวจอะไร
SGPT คืออะไรน่ะเหรอ? ง่ายๆ เลยครับ มันคือการตรวจเลือดดูเจ้า “ALT” หรือ Alanine aminotransferase นั่นเอง คิดซะว่าเจ้า ALT เนี่ยเป็นพนักงานตับ ถ้ามันทำงานหนักเกินไปหรือตับมีปัญหา มันก็จะ “ล้น” ออกมาในเลือดเยอะ หมอก็เลยตรวจหาเจ้า ALT นี้แหละ เพื่อดูว่าตับเราทำงานเป็นปกติหรือป่วยหนักแค่ไหน
ลองนึกภาพตับเป็นโรงงานผลิตของดีๆ ถ้าโรงงานมีปัญหา เจ้า ALT ก็จะไหลออกมาเป็นน้ำเสียเต็มท่อระบายน้ำ หมอเอาไปตรวจเจอปุ๊บ ก็รู้ปั๊บว่าโรงงานมีปัญหา ต้องรีบซ่อมด่วน!
- ตรวจอะไรบ้าง? หลักๆ คือดูระดับ ALT ในเลือด เพื่อประเมินความเสียหายของตับ ไม่ว่าจะเป็นไวรัสตับอักเสบ แอลกอฮอล์ หรือโรคไขมันพอกตับก็ตาม
- ใช้ตรวจใครบ้าง? คนที่มีอาการตัวเหลือง คนดื่มเหล้าหนัก คนกินยาบางชนิด (เช่น ยาลดไขมัน) หรือใครที่สงสัยว่าตัวเองอาจมีปัญหาตับ ก็ต้องตรวจนี่แหละครับ เป็นการตรวจเบื้องต้นที่สำคัญมาก
- ปีนี้มีอะไรใหม่? เทคโนโลยีการตรวจวัดค่าเอนไซม์ต่างๆ แม่นยำขึ้นมาก ทำให้ผลการตรวจมีความน่าเชื่อถือสูงขึ้น และช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้เร็วและแม่นยำกว่าเดิม
ผมเคยเจอเคสเพื่อนคนนึง กินเหล้าหนักมาก จนตับพัง ตรวจ SGPT ปรากฏว่าค่าสูงปรี๊ด หมอบอกเลยว่าใกล้จะถึงขั้นต้องผ่าตัดแล้ว มันเลยรีบเลิกเหล้า ดูแลสุขภาพ ตอนนี้ก็ดีขึ้นเยอะแล้วครับ เป็นบทเรียนราคาแพงเลยทีเดียว อย่าลืมดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ!
ดื่มอะไรบำรุงตับ
การบำรุงตับด้วยเครื่องดื่มนั้น น้ำเปล่ามาเป็นอันดับหนึ่งเสมอครับ ดื่มให้ได้ 6-8 แก้วต่อวัน หรือจะคำนวณตามน้ำหนักตัวก็ได้นะ (น้ำหนักตัว x 2.2 x 30 หารด้วย 2 หน่วยเป็นมิลลิลิตร) เพราะน้ำช่วยขับของเสียและทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อการทำงานของตับโดยตรง
- น้ำเปล่า: หัวใจหลักของการดูแลสุขภาพตับ และร่างกายโดยรวม
- ชาเขียว: มีสารต้านอนุมูลอิสระ อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคตับ
- น้ำบีทรูท: บางงานวิจัยบอกว่าช่วยลดการอักเสบในตับได้ (แต่ยังต้องศึกษาเพิ่มเติมนะ)
- กาแฟ: สำหรับบางคน กาแฟอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคตับแข็งได้
เกร็ดเล็กน้อย: การดื่มน้ำเยอะ ๆ ไม่ใช่แค่เรื่องของตับอย่างเดียวนะ มันคือพื้นฐานของสุขภาพที่ดีในทุกด้านเลย อย่างที่เขาว่า “ร่างกายคนเราก็เหมือนต้นไม้ ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง” การดูแลตับก็เหมือนการดูแลรากแก้วของต้นไม้ ถ้าเราดูแลรากแก้วดี ต้นไม้ก็จะแข็งแรงและออกดอกออกผลสวยงาม
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต