กรดไหลย้อน หายเองได้ไหม

14 การดู

อาการกรดไหลย้อนในผู้ใหญ่บางรายอาจบรรเทาลงได้เองด้วยการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต เช่น การรับประทานอาหารมื้อเล็กๆบ่อยครั้ง หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่หากอาการรุนแรงหรือไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม อย่าพึ่งพาการหายเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนได้

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

กรดไหลย้อน หายเองได้ไหม

กรดไหลย้อนเป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อกรดและน้ำย่อยในกระเพาะไหลย้อนกลับขึ้นมาสู่หลอดอาหาร ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการต่างๆ เช่น แสบร้อนกลางอก เรอเปรี้ยว คลื่นไส้ และอาเจียน โดยทั่วไป อาการกรดไหลย้อนสามารถบรรเทาลงได้เองด้วยการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตบางอย่าง

วิธีย่อยที่อาจช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อน

  • รับประทานอาหารมื้อเล็กๆ บ่อยครั้ง: การรับประทานอาหารมื้อใหญ่ในครั้งเดียวอาจทำให้กระเพาะมีปริมาณของเหลวมากเกินไป ซึ่งเพิ่มความดันภายในกระเพาะและส่งผลให้เกิดกรดไหลย้อน
  • หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: อาหารรสจัดและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สามารถกระตุ้นให้เกิดการผลิตกรดในกระเพาะอาหารได้
  • ลดน้ำหนักหากมีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน: ภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนสามารถเพิ่มความดันภายในช่องท้องและทำให้เกิดกรดไหลย้อน
  • ยกหัวเตียงให้สูงขึ้น: การยกหัวเตียงให้สูงขึ้นในตอนกลางคืนสามารถช่วยป้องกันไม่ให้น้ำย่อยไหลย้อนกลับขึ้นมาสู่หลอดอาหาร
  • หลีกเลี่ยงการนอนหลังรับประทานอาหาร: การนอนลงหลังรับประทานอาหารอาจทำให้เกิดกรดไหลย้อนได้ รออย่างน้อย 3 ชั่วโมงหลังรับประทานอาหารก่อนนอน

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์

แม้ว่าอาการกรดไหลย้อนบางครั้งอาจบรรเทาลงได้เอง แต่ก็มีบางกรณีที่จำเป็นต้องพบแพทย์ ได้แก่

  • อาการไม่ดีขึ้นหรือรุนแรงมากขึ้น
  • อาการเกิดขึ้นมากกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์
  • มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น กลืนลำบาก เจ็บหน้าอก คลื่นไส้หรืออาเจียนอย่างรุนแรง
  • อาการไม่ดีขึ้นหลังจากปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต

การพบแพทย์มีความสำคัญเพื่อวินิจฉัยและรักษาอาการกรดไหลย้อนอย่างเหมาะสม แพทย์อาจสั่งยาเพื่อลดการผลิตกรดในกระเพาะอาหารหรือส่งเสริมการเคลื่อนไหวของอาหารผ่านกระเพาะและลำไส้ ในบางกรณี อาจจำเป็นต้องผ่าตัดเพื่อแก้ไขปัญหาที่ทำให้เกิดกรดไหลย้อน

ข้อสรุป

กรดไหลย้อนเป็นภาวะที่สามารถบรรเทาลงได้เองในบางกรณีด้วยการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต อย่างไรก็ตาม หากอาการรุนแรงหรือไม่ดีขึ้นหลังจากการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต จำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสม อย่าพึ่งพาการหายเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนได้