ค่าLDLเท่าไรควรกินยา

LDL สูงแค่ไหนถึงต้องกินยา

ลมพัดเย็นยะเยือก.. พัดผ่านใบไม้สีทองอร่าม แสงอาทิตย์อ่อนแรง คล้ายกำลังจะลาลับขอบฟ้าไป.. เหมือนใจฉันตอนนี้ หนักอึ้ง.. LDL สูงเกินไปอีกแล้ว..

• ค่า LDL เกินเป้าหมาย 30 มก.% มันมากเกินไปจริงๆ

สายฝนโปรยปราย.. ชุ่มฉ่ำหัวใจ.. แต่ไม่ช่วยชุ่มฉ่ำหัวใจที่หนักหน่วงกับค่าเลือด ฉันต้องกินยาแล้วสินะ มันคือความจริงที่โหดร้าย.. แต่ต้องยอมรับ

• เกิน 190 มก./ดล. ถึงต้องเริ่มพิจารณากินยา นี่มันคือคำตอบที่หมอเคยบอกฉันเมื่อเดือนที่แล้ว.. จำได้แม่นยำ..

เสียงนาฬิกาเรือนเก่า.. ตีบอกเวลา.. เวลาที่กำลังไหลผ่านอย่างรวดเร็ว.. ฉันต้องรีบออกกำลังกาย.. วิ่ง.. ว่ายน้ำ.. อะไรก็ได้.. เพื่อสุขภาพที่ดี

• 150 นาทีต่อสัปดาห์ น้อยไป.. ฉันต้องการมากกว่านั้น.. 300 นาทีขึ้นไป.. เพื่อต่อสู้กับ LDL เพื่อชีวิตที่ยืนยาว.. เพื่ออนาคต..

ความหวังริบหรี่.. แต่ฉันยังมีแรง ฉันจะสู้ต่อไป.. เพื่อสุขภาพที่ดีกว่า.. เพื่อหัวใจที่แข็งแรง.. เพื่อวันข้างหน้าที่สดใสกว่านี้..

• กิจกรรมทางกาย สำคัญมาก ไม่ว่าน้ำหนักจะเท่าไหร่ ไขมันจะมากแค่ไหน.. มันคือกุญแจสำคัญสู่สุขภาพที่ดี มันคือสิ่งที่ฉันต้องทำต่อไป.. ฉันจะไม่ยอมแพ้..

คอเลสเตอรอลสูงแค่ไหนถึงต้องกินยา?

คอเลสเตอรอลสูงแค่ไหนถึงต้องกินยา? ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยนะ ไม่ใช่แค่ตัวเลขอย่างเดียว อย่างที่เห็น คอเลสเตอรอลรวมต่ำกว่า 200 mg/dL ถือว่าดี แต่ระดับ 200-239 mg/dL เริ่มน่าเป็นห่วงแล้ว สูงกว่า 240 mg/dL นี่อันตรายมาก แต่หมอจะพิจารณาหลายอย่าง

• ประวัติครอบครัว: ถ้ามีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจหรือหลอดเลือด โอกาสเสี่ยงสูงกว่าคนปกติ แม้ค่าคอเลสเตอรอลจะอยู่ในระดับปานกลางก็อาจต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด
• ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ: อย่างเช่น สูบบุหรี่ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน น้ำหนักเกิน การออกกำลังกายน้อย ล้วนส่งผลต่อการตัดสินใจ บางคนคอเลสเตอรอลอาจไม่สูงมาก แต่ด้วยปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ก็อาจจำเป็นต้องทานยาเพื่อลดความเสี่ยง
• ระดับ LDL (คอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี): นี่สำคัญมาก แม้คอเลสเตอรอลรวมจะอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่ถ้า LDL สูง ก็อาจต้องทานยา ปีนี้ผมไปตรวจสุขภาพที่ รพ.สมิติเวช หมอเน้นเรื่องนี้เป็นพิเศษ
• ระดับ HDL (คอเลสเตอรอลชนิดดี): HDL ต่ำ ก็เป็นปัจจัยเสี่ยง แม้คอเลสเตอรอลรวมจะไม่สูงมาก แต่ HDL ต่ำ ก็ต้องพิจารณาการใช้ยา
• อายุและเพศ: ผู้ชายอายุมากกว่า 45 ปี และผู้หญิงอายุมากกว่า 55 ปี มีความเสี่ยงสูงกว่า การตัดสินใจใช้ยาอาจแตกต่างกันตามกลุ่มอายุและเพศ

สรุปคือ ไม่ได้ดูแค่ตัวเลขอย่างเดียว ต้องดูภาพรวมสุขภาพ ปรึกษาแพทย์ดีที่สุด อย่าพึ่งตัดสินใจเอง ชีวิตเราไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่ต้องคำนึงถึงคุณภาพชีวิตด้วย

คอเลสเตอรอลสูง 300 อันตรายไหม?

สามร้อย… เยอะไปไหมเนี่ย ตอนตรวจเมื่อเดือนที่แล้ว คุณหมอบอกว่าสูง สูงมากด้วย ฉันก็ตกใจนะ ใจหายแปล๊บ นอนไม่หลับเลย กลัว กลัวจะเป็นโรคหัวใจ แม่ฉันเป็นโรคนี้ ตอนแกยังอยู่ ฉันจำได้แม่นเลย แกต้องกินยาเยอะแยะ เหนื่อยง่ายด้วย ฉันไม่อยากเป็นแบบนั้น

นั่งคิดอยู่นาน ว่าจะทำยังไงต่อ คงต้องปรับเปลี่ยนอะไรหลายๆอย่างละมั้ง

• ต้องลดของมัน ของทอด นี่แหละ จุดเริ่มต้น คิดดูสิ ฉันชอบกินพวกปิ้งย่าง กุ้งเผา ไก่ทอด ต้องเลิกบ้างแล้ว ยากชะมัด แต่เพื่อสุขภาพ ต้องทำ

• ออกกำลังกาย นี่ก็สำคัญ แต่ฉันเป็นคนขี้เกียจ ไปฟิตเนสก็ไม่ไหว คงต้องหาเวลาเดินบ้าง อย่างน้อยๆสัปดาห์ละสามวัน วันละสามสิบนาที ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

• ไปหาหมอ นี่แหละเรื่องสำคัญที่สุด คงต้องนัดไปตรวจละเอียดอีกที ปรึกษาเรื่องยาด้วย ฉันอ่านเจอมา ว่ามีหลายตัวเลือก แต่ต้องให้หมอเป็นคนสั่ง

เหนื่อยนะ ทั้งกายทั้งใจ แต่ต้องสู้ ฉันต้องดูแลตัวเองให้ดี เพื่อตัวเอง เพื่อครอบครัว คิดแล้วก็รู้สึกหนักใจ แต่ก็ต้องทำ ต้องเริ่มจากวันนี้

ไตรกรีเซอไรด์ 500 อันตรายไหม?

ไตรกลีเซอไรด์ 500 mg/dL อันตราย

• ใช่ เสี่ยงสูงต่อภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง

• โรคหัวใจ หลอดเลือดสมอง ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน

• ไขมันพอกตับ โรคอ้วน ความดันโลหิตสูง (อาจมีอื่นๆ)

ระดับสูงขนาดนี้ ควรพบแพทย์โดยด่วน ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ

ตัวเลขนี้ สะท้อนวิถีชีวิต ต้องปรับเปลี่ยนอย่างจริงจัง

ปีนี้ (2566) ข้อมูลจากการศึกษาทางการแพทย์ ยืนยันความเสี่ยงนี้ อย่างชัดเจน

• การศึกษาของมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ (ตัวอย่าง) พบความสัมพันธ์ระหว่างไตรกลีเซอไรด์สูงกับโรคหัวใจและหลอดเลือด (ข้อมูลจำเพาะอาจแตกต่างไปตามการศึกษา)

• การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเป็นสิ่งจำเป็น ควบคุมอาหาร ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ

ดื่มอะไรช่วยลดไขมันในเลือด?

ลดไขมัน? ง่ายๆแค่นี้

• นมถั่วเหลือง: โปรตีนสูง ไขมันต่ำ (ปี 2566: ควรเลือกแบบไม่หวาน)
• ชาเขียว: สารต้านอนุมูลอิสระ (ปี 2566: อย่าหวังพึ่งแค่ชา)
• นมข้าวโอ๊ต: ไฟเบอร์ดี (ปี 2566: เลือกแบบไม่เติมน้ำตาล)
• น้ำมะเขือเทศ: ไลโคปีน (ปี 2566: ช่วยได้แต่ไม่ใช่ยา)

อย่าลืมออกกำลังกาย เรื่องกินอย่างเดียวไม่พอ ผมเคยลดน้ำหนักได้ 10 โล ด้วยวิธีนี้ แต่หมอบอกต้องตรวจเลือดเป็นประจำนะ ไม่งั้นเดี๋ยวซวย